มีนิทานพื้นบ้านมาฝาก


นิทานพื้นบ้าน : เครื่องมือปลูกฝังคุณธรรม

เด็ก ๆ เขาช่วยกันเก็บข้อมูลนิทานพื้นบ้านจากผู้อาวุโส ในเขตตำบลไตรตรึงษ์ อำเภอเมือง
จังหวัดกำแพงเพชร  เลยนำมาเผยแพร่ เสน่ห์นิทานพื้นบ้านไม่มีวันเสื่อมคลายเลยจริง ๆ
ยิ่งถ้าคนเล่าใส่อารมณ์และสำเนียงพื้นบ้านเข้าไปหน่อย นิทานอีสปก็สู้ไม่ได้  ลองอ่านดูสัก
9 เรื่องก่อนนะคะ  ถ้านำไปเผยแพร่ช่วยบอกกันด้วยเด็ก ๆ เขาจะได้ภูมิใจ ดิฉันคัดมาเฉพาะ
นิทานตลกกับนิทานเรื่องโม้มาให้อ่านก่อน ถ้าสนใจอยากอ่านต่อจะมาเพิ่มให้ทีหลังค่ะ

                                                                         พ่อตากับลูกเขย

                     พ่อตากับลูกเคยคู่นี้ไม่ค่อยถูกกัน ลูกเขยคนนี้ชอบเอาเปรียบพ่อตาอยู่เสมอ

วันหนึ่งพ่อตากับลูกเขยไปเกี่ยวข้าวที่ในนา  พอเย็นลูกเขยก็จะรีบกลับบ้านก่อน แล้วบอกว่า

พ่อ พ่อ ฉันกลับแล้วนะ แล้วเข้าไปอยู่ในตาเข่ง ให้พ่อตาหาบกลับบ้าน ทำอย่างนี้บ่อย ๆ เข้า

จนพ่อตาจับได้จึงเอามั่ง  ข้ากลับบ้านก่อนนะ เก็บข้าวของให้หมดด้วย  แล้วก็แอบเข้าไปอยู่

ในตาเข่ง  ลูกเขยหาบกลับก็รู้ว่าพ่อตาแก้แค้น จึงพูดลอย ๆ ขึ้นว่า ร้อนจัง เดี๋ยวหยุดอาบน้ำก่อนดีกว่า 
เอาตาเข่งวางแล้วพูดว่า
ช้างมา ช้างมา อย่าเหยียบตาเข่งข้านะ  พ่อตาไม่รู้นึกว่าช้างมาจริง ๆ
จึงลุกจากตาเข่งขึ้นมา ลูกเขยจึงจับได้

                                                                               ผู้เล่า  นายมะนัด  ศรีน้ำเงิน 

 

                                                                  พ่อตากับลูกเขย

                  มีพ่อตากับลูกเขยอยู่บ้านด้วยกัน วันหนึ่งลูกเขยไปหาปลามาได้  เอาไปปิ้ง แล้วก็กินแต่

หนังปลา เหลือเนื้อปลาไว้ให้พ่อตา  พอพ่อตากลับมาก็ถามว่า ทำไมเหลือแต่เนื้อปลาไม่มีหนัง 

ลูกเขยบอกว่า กินหนังหมดแล้ว  พ่อตาก็เลยบอกว่า วันหลังอย่ากินหนังนะเดี๋ยวพ่อมากิน

วันต่อมาลูกเขยได้เผือกมา จึงเอามาต้ม แล้วกินเนื้อหมด เหลือแต่หนังไว้ให้พ่อตากิน

                                                                                                  ผู้เล่า  นายสมนึก  งามเจริญ
                                                                          
พ่อตากับลูกเขยโค่นตาล

                 วันหนึ่งลูกเขยมันชวนพ่อตาไปโค่นต้นตาล  ฝ่ายลูกเขยก็พูดว่า  เอ้าพ่อ ! พ่อฟัน
ข้างนอกก่อนเลยฟันเปลือกมันก่อนนะพ่อนะ เดี๋ยวแก่นมันผมฟันเอง
ฝ่ายพ่อตาก็ฟันใหญ่เลย

แล้วก็บ่นอีก โอ๊ย ! ขนาดเปลือกมันยังแข็งขนาดนี้นะเนี่ยไอ้หนู แล้วแก่นมันเอ็งจะฟันไหวรึ 

มันจะขาดให้เอ็งรึ พอพ่อตาฟันเสร็จแล้ว ไอ้ลูกเขยก็ฟันบ้าง แต่มันฟันฉวบ ๆ เลย  ก็ต้นตาลน่ะมันจะมีอะไรล่ะ

ข้างในน่ะ ไอ้ที่ว่าแก่นแข็ง ๆ น่ะมันอยู่ข้างนอกรอบต้นมันนี่  ฝ่ายพ่อตาเห็นลูกเขยตัวก็ยังชมมันอีกว่า
เอ่อไอ้หนูเอ็งนี่แรงดีว่ะ  ขนาดพ่อฟันแค่เปลือกมันยังหมดแรงเลยว่ะ

                                                                                                                  ผู้เล่า  นางแทน  นุกูล

                                                                                  พ่อตากับลูกเขย

                 อาหารเย็นวันหนึ่ง  พ่อตากับลูกเขยนั่งกินข้าวกัน  แกงมันอร่อยดี พ่อตาซดแล้วก็วางช้อน 
ส่วนลูกเขยซดน้ำแกงแล้วก็ไม่ยอมวางช้อน  พ่อตาเลยออกอุบายหลอกลูกเขยให้วางช้อน  บอกว่า
 
วันนี้พ่อไปเจอเห็ดดอกใหญ่ เท่านี้ว่าแล้วก็กางแขนออกสองข้าง ดอกใหญ่เท่ากับกางแขน

สองข้าง ลูกเขยรู้ว่าพ่อตาจะให้วางช้อนก็บอกว่า ผมก็เจอดอกใหญ่  ใหญ่มาก  ว่าแล้วก็กางแขน
สองข้างต่อด้วยความยาวของช้อนอีก  สรุปพ่อตาเลยไม่ได้ช้อน

                                                                                                 ผู้เล่า  นายอนันต์  ทาลายา

 

                                                                      สามเกลอ

                    กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีเด็กอยู่สามคน มีชื่อว่า ขี้มูกมาก  ตูดแหลม และสามมือปาม
วันหนึ่งสามคนนี้ชวนกันไปทอดแห  พอมาถึงที่สามคนนี้ก็เกี่ยงกันทอดแห สามมือปามก็เลยทอดเอง
ความที่เป็นคนมือใหญ่จึงจับปลาได้เต็มลำเรือ  ขากลับชาวบ้านเห็นได้ปลามาเยอะก็ขอปลาบ้าง

สามเกลอก็เกี่ยงกันเป็นผู้หยิบปลาให้อีก  สามมือปามเลยหยิบปลาให้เอง ปลายุบไปเยอะเลย

พอพายเรือไปสักพักก็เจอชาวบ้านขออีก แล้วก็เกี่ยงกันอีก สามมือปามเลยหยิบปลาให้จนหมดเรือ

เจ้าตูดแหลมโมโหที่ปลาหมดจึงนั่งลงอย่างแรง เรือก็เลยรั่ว สามเกลอตกใจมาก เจ้าขี้มูกมากนึกได้

จึงสั่งขี้มูกมาอุดเรือ เรือก็เลยหายรั่ว สามเกลอดีใจมาก แล้วจึงบอกว่า เราจะเป็นเพื่อนรักกัน

จะไม่เกี่ยวกันทำอีกแล้ว จะสามัคคีกัน  แล้วสามเกลอก็พายเรือกลับบ้านอย่างมีความสุข

                                                                                                   ผู้เล่า  นางอรุณ  แก้วสัมฤทธิ์

 

                                                                   เมืองตอแหล

                  ชายคนหนึ่งสงสัยว่าเมืองนี้ทำไมถึงชื่อว่าเมืองตอแหล อยากพิสูจน์ ก็เลยไปมีเมียที่นั่น 
วันหนึ่งชายคนนี้ไปนั่งขี้มีคนเห็น ก็เลยไปเล่าให้เมียเขาฟังว่า
 แหม ! เห็นผัวแกไปนั่งขี้ในป่ากล้วย
มีนกกระจอกบินออกมาจากตูดตัวนึง
 เมียก็ไปเล่าให้แม่ยายฟังว่า แม่...พี่เค้าไปนั่งขี้ในป่ากล้วย
นกกระจอกบินออกไปจากตูดซ้องตัว  แม่ยายก็เลยมาเล่าให้พ่อตาฟังว่า
ไอ้ทิดลูกเขยเราน่ะ ไปนั่งขี้ในป่ากล้วย
นกบินออกไปจากตูด 3 ตัวแน่ะ
  ทีนี้พ่อตาก็ไปคุยให้ชาวบ้านฟังว่า

เอ๊ ไอ้ห่า มันเป็นยังไงวะไอ้ลูกเขยกู ไปนั่งขี้ในป่ากล้วย นกกระจอกมันบินออกจากตูดไป 4 ตัวเลยว่ะ 
เพื่อนบ้านก็เลยเอาไปเล่าต่อว่า
มึงเอ๊ย ! ไอ้ลูกเขยบ้านนั้นน่ะ มันไปนั่งขี้ นกกระจอกบินออกจากตูดเป็นฝูงเลย
มืดฟ้ามัวดินเลย
ชายคนนี้เลยเข้าใจเลยว่าทำไมเขาเรียกเมืองตอแหล

                                                                                    ผู้เล่า  นายทอง  โดรณ

 

                                                          พูดกันแล้วไม่รู้เรื่อง

                  มียายกะตา 2 คน  ขึ้นรถยนต์จากปากน้ำโพมาทางเหนือนี่แหละ สองคนตายายนั่งมาข้างหน้ารถ
ทีนี้ก็เกิดปวดท้องฉี่ จะลงไปฉี่ก็กลัวรถจะไม่คอย  ก็เลยกระซิบถามโชเฟอร์ว่า
เบาตรงนี้ได้ไหม  โชเฟอร์ตอบว่า 
ได้ครับคุณยาย แล้วก็ขับเบาลง (ช้าลง) แล้วยายก็นั่งฉี่ตรงนั้นน่ะแหละ  ไอ้คนที่นั่งตรงนั้นก็ถามว่ายายทำอะไรน่ะ
ยายก็เลยบอกว่า
ฉันจะเบาตรงนี้แหละ เพราะโชเฟอร์มันบอกให้เบาได้

                                                                                   ผู้เล่า  นายผ่อง  นาคนาม

                                                                ตาสาหานก

               ตาสาเป็นคนชอบหานก  วันหนึ่งตาสาไปดักนกแล้วได้นกมาเยอะไม่รู้จะเอานกมาหมดได้อย่างไร 
จะเอาไปแต่เนื้อรึกว่าจะถึงบ้านก็เน่าพอดี  จะแบกไปก็ไม่ไหวไม่มีอะไรใส่ไปซะอีก  ตาสาแกเลยนั่งถอนขนนก
ซะเกลี้ยงเลยแล้วไล่นกมันเดินตามถนนมา  นกมันจะแวะเข้าป่ารึก็โดนหญ้าคาตำอีกจะบินหนีก็ไม่มีปีก 
ตาสาก็เลยเดินไล่นกกลับบ้านด้วยความภูมิใจในความฉลาดของแกเองนั่นแหละ

                                                                                              ผู้เล่า  นางวัง  สนพะเดิม

 

                                                                 มีดตาแพง

            ตาแพงเป็นคนขี้โม้ คนทักอะไรไม่ได้ จะต้องโม้ว่าของเขาดียังโง้นดียังงี้ วันนั้นมีคนทักเรื่องมีด ตาแพง
ก็โม้ว่า
โอ้โฮ ! อีเล่มนี้นะมึงเอ๊ย ผ่ากระต่ายสองซีกเลย พอดีไปนั่งขี้เอามีดปักไว้ พอสุดก็ยงโย่จะลุก หมามันวิ่งขับ
กระต่ายมา กระต่ายมันวิ่งมาชนมีด รอดมีดมาเช็ดตูดเอี่ยมไปเลย
หมาขับกระต่ายมาแบ่งสองซีกเลย ซีกนึงมันกินขี้
อีกซีกมันวิ่งขับกระต่ายต่อ

                                                                                  ผู้เล่า  นายทอง  โดรณ

 

 

 

 

คำสำคัญ (Tags): #นิทานพื้นบ้าน
หมายเลขบันทึก: 274524เขียนเมื่อ 8 กรกฎาคม 2009 17:49 น. ()แก้ไขเมื่อ 23 มิถุนายน 2012 09:23 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

ดีงับ หนุก ๆๆ ตลกครายเครียด *-*

  • มีดตาแพง
  • สุดยอดจริง!!!
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท