ปัจจุบันปัญหาผลการเรียนของเด็กไทยน่าเป็นห่วง รวมทั้งยังขาดความเข้มแข็งในด้านความรู้และทักษะพื้นฐานในการทำงานด้านความคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ ทักษะการอ่านของนักเรียนไทยส่วนใหญ่ไม่เกินระดับ 2 จากทั้งหมด 5 ระดับ แม้ว่าจะปรากฏความสำเร็จของเด็กไทยที่คว้ารางวัลในการแข่งขันระดับโลกหลายครั้ง แต่ก็เป็นเด็กจำนวนน้อยนิดจากโรงเรียนในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการกระจายโอกาสทางวิชาการยังไม่ทั่วถึง
คุณภาพการเรียนรู้ของเด็กเกิดจากความรู้ความเข้าใจของพ่อแม่ และที่สำคัญขึ้นกับคุณภาพของครูในการสร้างรากฐานการเรียน ฝึกฝนให้คิดเป็นทำเป็น อ่านออก เขียนได้ ค้นคว้าข้อมูล ทั้งคิดวิเคราะห์ ตัดสินใจเลือกข้อมูลที่สำคัญเพื่อนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด จากการวิจัยพบว่า เด็กฉลาดได้มาก เด็กไม่ฉลาดเพียง 1 – 3 % เท่านั้น แสดงว่ายังมีเด็กฉลาดแต่เรียนไม่เก่งอีกมาก เพียงแต่ระบบการเรียนการสอน และการให้ความช่วยเหลือเด็กที่มีปัญหาทางการเรียนของไทยยังไม่ดีพอ และระบบการเรียนการสอนในปัจจุบันก็ไม่สร้างความมั่นใจให้กับเด็กเท่าที่ควร
ปฏิรูปการศึกษา ให้ความสำคัญกับการปฏิรูปหลักสูตรครู เพิ่มปริมาณครู พัฒนาระบบตอบแทน เพื่อเน้นคุณภาพครูมากกว่าที่จะปรับเปลี่ยนเนื้อหาทางวิชาการที่มีการปรับเปลี่ยนเป็นระยะ จนครูทำตามไม่ทัน และ หากคนเก่งแย่งกันมาเรียนครู เชื่อว่าคุณภาพของเด็กไทยจะเปลี่ยน หมายถึงอนาคตของชาติก็จะเปลี่ยนไปด้วย
พร้อมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการให้เกิดความเสมอภาคและความเป็นธรรมในโอกาสทางการศึกษาแกประชากรในกลุ่มผู้ด้อยโอกาส ทั้งผู้ยากไร้ ผู้พิการหรือทุพพลภาพ ผู้อยู่ในสภาวะยากลำบาก ผู้บกพร่องทางร่างกายและสติปัญญา และชนต่างวัฒนธรรม รวมทั้งยกระดับการพัฒนาศูนย์เด็กเล็กในชุมชน เพื่อขยายโอกาสให้นักเรียน นักศึกษา ได้รับโอกาสทางการศึกษา
รัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับการศึกษาและนักเรียนได้รับสิทธิในการศึกษา เพื่อพัฒนานักเรียนให้เป็นอนาคตของชาติ ในการเรียนการสอนนั้น นักเรียนจะต้องได้รับอุปกรณ์การเรียนที่สมบูรณ์ และมีส่วนร่วมในการเข้าร่วมกิจกรรมการเรียนการสอนอย่างเต็มรูปแบบ เพื่อมุ่งพัฒนาให้นักเรียนมีประสิทธิภาพและมีคุณภาพเพื่อส่งผลทำให้การศึกษาไทยและนักเรียนได้เกิดความเสมอภาคและความเป็นธรรมในโอกาสทางการศึกษาส่งผลให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ช่วยกันแสนอแนะทางออกของปัญหาให้หน่อยครับเพื่อน ๆ ร่วมด้วยช่วยกัน
1. ต้องยอมรับว่าปัจจุบันการจัดกระบวนการเรียนรู้แก่เด็กและเยาวชนไม่ได้ออกมาจากหนังสือ ครู และสถานศึกษาเท่านั้น สังคม สื่อ เพื่อน และสิ่งแวดล้อมมีอิทธิพลต่อการสร้างความรู้ ความคิด ความเข้าใจ รวมถึงเจตคติแต่เด็กเป็นอย่างมาก
2.ยังไม่ทราบว่ามีข้อมูลผลการวิจัยหรือไม่ว่ามีมากกว่าการจัดกระบวนการเรียนรู้ในโรงเรียนมากน้อยเพียงใด
3.ฉะนั้น ตราบใดก็ตาม หากยังปฏิรูปการจัดกระบวนการเรียนรู้โดยสมมติฐาน/ปรัชญาว่า ต้องให้ ครู/โรงเรียนเป็นสำคัญ และปล่อยปละละเลยให้สื่อ สังคม ชักนำเด็กและเยาวชน ทำมาหากินกันโดยไม่สนใจผลกระทบต่อเวลาเรียนของเด็ก พฤติกรรมและเจตคติของเด็ก ไปอย่างนี้ มอมเมาเด็กด้วยละคร ดารา ฯลฯ อย่างนี้ น่าสงสารครู โรงเรียน และอนาคตของเด็กและประเทศชาตินะครับ
4. การปฏิรูปการศึกษาจึงต้อให้ทุกภาคส่วนเอาด้วย โดยเฉพาะสื่อ เฉกเช่นประเทศตะวันตกที่พัฒนาแล้ว ไม่ปล่อยปละละเลยเหมือนพวกเรา หรือท่านอื่นเห็นอย่างไร...