ความฉลาดทางอารมณ์ต่อการศึกษา
โดยทั่วไปถ้าพูดถึงปัจจัยที่ทำให้เด็กเรียนดี พ่อแม่อาจจะนึกถึงการเรียนพิเศษในวิชายาก ๆ เช่น คณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ เคมี ภาษอังกฤษ เราเคยชื่อว่าถ้าทุ่มเทเวลาให้กับการอ่านหนังสือ มีโอกาสกวดวิชาเหล่านั้นจากอาจารย์เก่ง ๆ เด็ก ๆ ก็จะมีผลการเรียนที่ดีขึ้นและสามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้
ในโลกของความเป็นจริง การที่เด็กจะเรียนดี มีอนาคตที่ดี นอกจากความสามารถทางวิชาการแล้ว ยังต้องอาศัยปัจจัยอื่น ๆ อีกมากโดยเฉพาะในสังคมปัจจุบันที่เต็มไปด้วยสิ่งยั่วยุ พบว่า มีเด็กจำนวนไม่น้อยที่เผชิญปัญหาทางด้านอารมณ์ ความรู้สึก จนทำให้เสียโอกาสทางการศึกษาไปอย่างน่าเสียดาย เช่น ปัญหายาเสพติด ปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยเรียน หรือปัญหาด้านพฤติกรรมอื่น ๆ ปัญหาเหล่านี้ไม่ได้มีที่มาจากความอ่อนแอทางเชาวน์ปัญญา แต่มาจากความอ่อนแอทางอารมณ์ที่ไม่สามารถรู้เท่าทันและจัดการกับอารมณ์ความรู้สึกทั้งของตนเองและผู้อื่นได้
การที่จะให้เด็กเรียนรู้อย่างมีความสุข สามารถทำกิจกรรมการเรียนการสอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เรียนรู้การดำเนินชีวิตอยู่ในสังคมอย่างมีความสุขและอยู่รอดปลอดภัย สถานศึกษาควรจะสอดแทรกการเรียนการสอนให้เด็กมีทักษะทางอารมณ์ เช่น การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับพ่อแม่ ครู และเพื่อน ๆ วิธีการควบคุมอารมณ์ของตนเอง รู้จักการปรับตัวเข้ากับปัญหาความขัดแย้ง ความโกรธ และความเครียดต่าง ๆ โดยควรมีเทคนิคการพัฒนาความฉลาดทางอารมณ์ในสถานศึกษา เช่น
1. ประชาธิปไตยในการเรียน สร้างบรรยากาศการเรียนรู้ที่เป็นประชาธิปไตย มีความอิสระที่จะแสดงความคิดเห็น มีความเคารพในกันและกัน ครูรับฟังผู้เรียนเพื่อให้ผู้เรียนเห็นว่า ความคิดเห็นความรู้สึกของตนเองเป็นที่รับฟังไม่ใช่สิ่งที่ไม่มีความหมาย หรือไร้คนสนใจ
2. เรียนรู้เรื่องอารมณ์ หน้าที่ของครูอาจารย์ในการพัฒนาความฉลาดทางอารมณ์ คือ การช่วยให้
ผู้เรียนเข้าใจถึงความรู้สึกอารมณ์ของตนเอง มีการแสดงออกที่เหมาะสมกับบุคคลและสถานที่ และมีความเอื้ออาทรต่อผู้อื่น
3. เริ่มต้นให้ดีเริ่มที่ครู การเริ่มต้นที่ดีที่สุด คือ การที่ครูอาจารย์ทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดีให้ผู้เรียน โดยการทำในสิ่งที่ตนเองพร่ำสอน เช่น เรียนรู้ที่จะทำความเข้าใจอารมณ์ ความรู้สึก บุคลิกลักษณะของตนเองระมัดระวังคำพูดและการแสดงอารมณ์ให้เหมาะสมอยู่เสมอ
ไม่มีความเห็น