ในระบบบริการสาธารณสุขระดับอำเภอจะมีสายบังคับบัญชาที่ทำงานด้านสาธารณสุขอยู่สองสายคือ 1.ผู้อำนวยการโรงพยาบาลชุมชนซึ่งจะดูแลโรงพยาบาลชุมชนและพื้นที่ที่ตำบลตั้งอยู่ 2.สาธารณสุขอำเภอซึ่งดูแลสถานีอนามัยและพื้นที่นอกเหนือจากพื้นที่โรงพยาบาล แต่โดยจุดมุ่งหมายของการทำงานของทั้งสองสายคือการทำให้ประชาชนมีสุขภาพที่ดีโดยต้องให้บริการทั้ง ส่งเสริมสุขภาพ ป้องกันโรค รักษาโรค และฟื้นฟูสภาพ ในพื้นที่ที่อาจเรียกว่าทับซ้อนกัน การวางตำแหน่งของสายบังคับบัญชาจึงอาจเป็นสองลักษณะดังนี้
1. ลักษณะเป็นการสั่งการจากคนใดคนหนึ่ง อาจเป็นผู้อำนวยการหรือสาธาณสุขอำเภอ แต่ส่วนใหญ่เป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาล วิธีนี้เป็นวิธีทางอุดมคติที่พยายามจะให้เกิดขึ้นตั้งแต่เข้าประกันสุขภาพ( 30 บาทรักษาทุกโรค) เมื่อปี 2545 จึงมีความพยายามที่จะตั้ง CUP board ขึ้นมาเพื่อบริหารสาธารณสุขระดับอำเภอให้ได้เบ็ดเสร็จ มีการวางแผนงานและบริหารร่วมกันทั้งอำเภอ ซึ่งในทางแนวคิดดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่ดีแต่ในทางปฏิบัติยังมีปัญหาอยู่มาก ทั้งในเรื่องศักดิ์ศรี การบังคับบัญชาที่ยังไม่มีระเบียบรองรับ วัฒนธรรมเดิมของสองสาย ทำให้ปัจจุบันจึงอาจไม่มีใครทำได้ดีนัก ในส่วนทำได้ดีมักเป็นเรื่องส่วนบุคคลที่อาจใช้ความสัมพันธ์ด้านอื่นมาเกี่ยวข้องแต่ไม่ได้เกิดเพราะการวางระบบที่ดี
2. ลักษณะการทำงานตามสายบังคับบัญชาเดิม แต่แบ่งงานกันทำตามความถนัดแล้วมาประสานงานกันใน คณะกรรมการประสานงานสาธาณสุขระดับอำเภอ(คปสอ) วิธีนี้จะยังคงสภาพของ ศักดิ์ศรี การบังคับบัญชา และงานที่ตนเองถนัด( รพ. อาจถนัดงานด้านรักษามากกว่า ขณะที่ สาธารณสุขอำเภออาจถนัดงานส่งเสริมป้องกัน) ไม่มีใคร take over ใคร โดยให้แต่ละสายทำงานที่ตนเองถนัดในการเป็นแกนนำครอบคลุมทั้งอำเภอ แต่ข้อเสียของวิธีนี้จะเป็นเรื่องการทำงานอาจล่าช้าและแยกส่วน การสนับสนุนทางทรัพยากรจากโรงพยาบาลชุมชนอาจมีน้อยเนื่องจากมองเป็นการช่วยเหลือมากกว่าการรับผิดชอบ(หมายถึงเหลือก็ช่วยไม่เหลือก็ไม่ช่วย ไม่เหมือนความรับผิดชอบที่ถึงแม้เราขาดก็ต้องช่วย)
รูปแบบทั้งสองก็ยังไม่ชัดเจนว่าอย่างไรจึงเหมาะ อาจต้องพิจารณาตามบริบทของอำเภอนั้นๆทั้งด้าน บุคลิกของผู้นำ วัฒนธรรมองค์กร นโยบาย ปัญหาท้องถิ่น ซึ่งคงต้องเรียนรู้กันเอาเอง
ความคิดแยกส่วนยังมีมากขึ้นเรื่อยๆ
ประชาชนต้องขวนขวายเอง เพื่อรวมส่วนจนพอเหมาะต่อตัวเอง
การบริหารที่มีประสิทธิภาพ คงรอ อำเภอที่กล้าหาญนำร่องอยู่นะ
สู้ต่อไป ทาเกชิ
พี่ไม่ได้อ่านของเอ็งก่อน เขียนของตัวเองเรื่องตรงกันเลยไม่ลอกนะ เขียนจากใจว่ะ
แสดงว่าเป็นเรื่อง hot
พี่คิดว่าอาจมีหลายสูตรที่ดี แล้วแต่บริบท แต่น่าจะมีสัก 1หรือ2สูตรที่มาตรฐาน
พี่สนใจข้อเสนอที่ตรงกันหลายที่ เช่นจากเครือข่ายๆสปสช หรือ โครงสร้างบห.ของ รสต.คือการมี
broad แบบมีส่วนร่วม(นอก2สายงานเราด้วย)ทั้งระดับอำเถอ และตำบล (บริหารกองทุนทั้งหมด)
คมมากพี่
.... น่าจะเป็นการยากที่จะหารูปแบบที่เหมาะสมในการปรับระบบสายบังคับบัญชาในระบบบริการสาธารณสุขในระดับอำเภอ ถ้าบุคลากรทั้ง 2 ส่วน (โรงพยาบาลและสาธารณสุขอำเภอ) ยังไม่มีเส้นชัยในการพัฒนาที่เป็นจุดมุ่งหมายเดียวกัน
คือ "การให้ประชาชนเป็นผู้รับอย่างแท้จริง"
ในความเป็นจริงต้องยอมรับว่าบางที่ สสอ + รพ.ไม่สามารถประสานงานกันได้นั้น เหตุหนึ่งเพราะมองผลประโยชน์ในส่วนของตนเป็นหลัก โดยเฉพาะความไม่พึงพอใจในการบริหารงบประมาณ ความไม่เหมาะสม ไม่เป็นธรรม ความไม่ไว้วางใจกัน โดยคิดว่างบประมาณนั้นเป็นของตน และไม่ได้นำไปใช้ในการพัฒนางานเป็นหลัก
หน่วยหนึ่งมีอำนาจในการสั่งการพื้นที่รอบนอก แต่ไม่มีเงิน
หน่วยหนึ่งมีอำนาจบริหารเงิน แต่ไม่สามารถสั่งการพื้นที่รอบนอกได้โดยตรง
ทำให้การพัฒนาสาธารณสุขยังไม่เป็นไปอย่างที่คาดหวังนอกจากนี้ยังมีตัวแปรอื่นอีก...องค์กรส่วนท้องถิ่น ที่เข้ามามีบทบาทในการบริหารเงินกองทุนประกันสุขภาพระดับตำบล ทำให้ระบบสายบังคับบัญชาแทบไม่มีความหมาย เพราะทั้ง ผอ+สสอ. เป็นได้แค่ที่ปรึกษา ไม่มีอำนาจในการอนุมัติงบประมาณโครงการ ทำให้บางแห่งไม่ได้ใช้เงินให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์
และสุดท้ายคืออำนาจแฝงอื่นๆ (สายการเมือง) ที่เข้ามามีบทบาทในการควบคุมระบบสายบังคับบัญชา เช่น การเลือกพื้นที่ รพสต. broad ได้คัดเลือก สอ.แห่งหนึ่งแล้ว ไม่พอใจ ผู้นำชุมชนชุมชนแสดงอำนาจตบเท้าเข้าพบผู้มีอำนาจทางการเมืองแย่งชิงพื้นที่กัน ..สาเหตุไม่ใช่เจ้าหน้าที่อยากได้มาเพื่อเป็นการพัฒนาศักยภาพมาตรฐานการบริการของตัวเอง แต่ที่อยากได้เพราะ กับแค่คำว่า "ผอ.รพสต " ซึ่งคาดหวังว่าจะได้เป็นผู้บริหารระดับ 8 (ชำนาญการพิเศษ)ในสถานีอนามัยและงบประมาณ 200,000 เบื้องต้น,ล้านกว่าบาทในปีถัดไป ไม่ได้อยากได้มาเพื่อพัฒนางาน แต่มองว่าจะนำมาเป็นค่าตอบแทนในการพิจารณาการจัดเวรบริการอย่างไร ครุภัณฑ์ที่ไม่จำเป็นต่อการรักษา แค่นั้นเอง ...น่าเศร้า
ดังนั้นการที่จะพัฒนางานสาธารณสุขในช่วงนี้ ขณะที่ยังหารูปแบบไม่ลงตัว น่าจะเริ่มจากการพัฒนาที่คน เป็นหลัก (ตามแนวคิดคนเป็นศูนย์กลางแห่งการพัฒนา)
โดยเฉพาะบุคลากรสาธารณสุข ให้มีจิตสำนึก ตระหนักรู้ในหน้าที่ของตน และมุ่งมั่นที่จะร่วมคิด ร่วมมือ ร่วมใจ ทำให้ประชาชนมีสุขภาพดีเป็นหลัก ตามความรู้ ความสามารถ ของตนอย่างเต็มที่
...เมื่อไหร่ที่คนดี ระบบที่ดีคงตามมา
สิ่งที่เราอยากมองเห็นคือ ประชาชนมีสุขภาพดี
เป็นเส้นชัยที่รออยู่ข้างหน้า...คงไม่ไกลเกินกว่าจะไปถึง...
ปัญหายังคงอยู่ อำเภอใหนสามารถแก้ปัญหาสองนคราได้ไม่ว่าจะมาจากบริบทใด มีแนวโน้มที่จะทำงานเครือข่ายปฐมภูมิได้ดี
รพสต.มาถูกทิศ แต่ไม่ถูกทางครับ