เขียนโดย...ณรงค์วิทย์ แสนทอง
วัฒนธรรมการทำงานหรือการบริการของพนักงานในองค์กรล้วนแล้วแต่จะสามารถ
สะท้อนสไตลน์การบริหารงานของผู้บริหารองค์กรนั้นๆได้เป็นอย่างดี เพื่อให้เห็นภาพที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น จึงขอยกตัวอย่างเหตุการณ์จริง ซึ่งภาพที่สะท้อนออกมาให้เห็นดังต่อไปนี้ อาจจะถูกหรือผิดก็ได้เนื่องจากเป็นเพียงภาพที่สะท้อนออกมาจากความคิดเห็นและความรู้สึกส่วนตัวของผู้เขียนเพียงคนเดียวเท่านั้น
· ที่จอดรถวิทยากร/การรับส่งวิทยากร สะท้อนระบบการบริหารจัดการของผู้บริหารองค์กร
เรื่องที่จอดรถดูแล้วไม่น่าเกี่ยวอะไรกับผู้บริหาร
แต่จากประสบการณ์ที่ผ่านมาไม่น่าเชื่อว่าแค่เพียงเรื่องที่จอดรถของวิทยากรก็สามารถพยากรณ์ระบบการบริหารจัดการของผู้บริหารองค์กรนั้นได้เหมือนกัน
เช่น ในบางองค์กร
พนักงานขับรถของบริษัทที่ส่งมารับวิทยากรหลงทางหาบ้านวิทยากรไม่เจอและไม่มีเบอร์โทรของวิทยากร
ต้องโทรไปสอบถามกับผู้ที่แจ้งขอรถ
บางครั้งเมื่อคนขับรถรับวิทยากรไปถึงที่บริษัทแล้วก็ปล่อยให้วิทยากรลงหน้าตึกโดยไม่มีใครมารับวิทยากร
วิทยากรต้องเดินหาห้องประชุมเอง หรือถ้าวิทยากรขับรถไปเอง
วิทยากรก็จะถูกพนักงานรักษาความปลอดภัยซักถามข้อมูลเหมือนคนมาติดต่องานทั่วไป
แถมพนักงานก็ไม่รู้หรอกว่าวิทยากรมาทำอะไร
พอวิทยากรบอกว่ามาบรรยายจะไปติดต่อที่ไหน
พนักงานรักษาความปลอดภัยก็ทำหน้า งง ๆ
และบอกว่าลองไปสอบถามที่ออฟฟิศดูครับ วิทยากรก็ทำหน้างง ๆ
เพราะไม่รู้ว่าออฟฟิศคือตรงไหน
สำหรับบริษัทที่อยู่ในเมืองและต้องจอดรถในอาคารจอดรถ
บางครั้งวิทยากรต้องขับรถวนทุกชั้นแล้วไม่มีที่จอดรถ
เสียเวลาไปครึ่งชั่วโมง โทรหาเจ้าหน้าที่ที่เชิญบรรยายก็ติดต่อไม่ได้
เพราะยังไม่มาทำงาน
หรือบางครั้งที่จอดรถเต็มเพราะลืมจองไว้
ก็ได้แต่แนะนำว่าวิทยากรควรจะไปจอดรถที่ไหน
ช่วยเหลืออะไรไม่ได้มากกว่านั้น ฯลฯ ถ้าเหตุการณ์เป็นแบบนี้
คงพอจะคาดเดาได้ไม่ยากนะครับว่าผู้บริหารองค์กรนี้สนใจแต่เรื่องสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อผลประกอบการเท่านั้น
เรื่องอื่นๆถ้าไม่เดือนร้อนไม่เสียหาย
ผู้บริหารคงจะปล่อยให้แต่ละหน่วยงานรับผิดชอบกันเอง
ผู้บริหารองค์กรเช่นนี้ดูเหมือนจะให้อำนาจกับแต่ละหน่วยงานทำอะไรก็ได้
แต่อย่าให้เดือดร้อนถึงตัวเองก็เพียงพอแล้ว
ผู้บริหารองค์กรแบบนี้จะไม่ทำอะไรที่มองไม่เห็นผลประโยชน์ที่เป็นผลตอบแทนทางการเงิน
ในขณะที่บางองค์กรมีการติดต่อสื่อสารตั้งแต่วิทยากรอยู่ระหว่างการเดินทาง
มีเจ้าหน้าที่โทรมาหาคนขับรถเป็นระยะๆว่าเดินทางถึงไหนแล้ว(กรณีที่มีรถรับส่งวิทยากร)
เมื่อวิทยากรมาถึงประตูทางเข้าของบริษัทเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจะทราบล่วงหน้า
และถามว่าวิทยากรชื่อนี้ใช่หรือไม่(กรณีวิทยากรขับรถมาเอง)
มีการจองที่จอดรถวิทยากร(อาจจะเป็นเลขทะเบียนหรือมีป้ายชื่อวิทยากร)
หลังจากนั้นก็มีการประสานงานกันเป็นระยะๆ
จนถึงวิทยากรเข้าห้องประชุม
ถ้าระบบการบริหารจัดการเป็นเช่นนี้
คงไม่ต้องเจอตัวจริงของผู้บริหารองค์กรนั้น
พอจะคาดเดาได้เลยว่าผู้บริหารองค์กรนั้นให้ความสำคัญกับระบบการบริหารจัดการในทุก
ๆ เรื่อง และผู้บริหารเน้นการทำงานที่เป็นระบบมีมาตรฐาน
เพราะขนาดเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ
องค์กรก็ยังมีระบบการบริหารจัดการที่ดีและมีประสิทธิภาพ
·
บรรยายกาศการประชุมสะท้อนภาวะผู้นำของผู้บริหาร
การประชุมเป็นภาพสะท้อนภาวะผู้นำของผู้บริหารองค์กรนั้นๆได้เป็นอย่างดี
เพราะที่
ประชุมมีปัจจัยที่จะช่วยกระตุ้นให้ผู้บริหารแสดงออกถึงตัวตนในหลายๆเรื่องโดยเฉพาะเรื่องภาวะผู้นำ
เช่น
ในบางองค์กร
เมื่อถึงเวลาประชุมผู้เข้าร่วมประชุมเพิ่งทะยอยกันมา
และปรากฎว่าผู้บริหารที่ทำหน้าที่ประธานที่ประชุมมาถึงเป็นคนสุดท้ายและมาสายไปครึ่งชั่วโมง
มาถึงแล้วก็ไม่ได้แสดงความรับผิดชอบใดๆว่าทำไมตัวเองถึงมาสาย
และบรรยากาศในห้องประชุม
ประธานที่ประชุมมักจะลืมเล่นบทบาทของประธานการประชุมที่ดี
แต่ประธานเอาบทบาทของเจ้าของมาเล่นในห้องประชุมทุกคนนั่งฟังคำสั่งและตอบรับเพียงอย่างเดียว
บรรยากาศการประชุมเงียบมาก ได้ยินแต่เสียงประชุมสั่งและถาม
และมีเสียงตอบรับ “ครับ” “ใช่ครับ”
เป็นระยะๆ
คงไม่ต้องทายนะครับว่าภาวะผู้นำของผู้บริหารองค์กรนี้เป็นอย่างไร
“เผด็จการร้อยเปอร์เซ็นต์”
ในขณะที่บางองค์กรที่ผู้บริหารมีภาวะผู้นำที่ดี
การประชุมจะเริ่มต้นตรงเวลาโดยที่ผู้บริหารที่เป็นประธานจะมาถึงที่ประชุมก่อนคนอื่นหรือมาพร้อมๆกับผู้เข้าร่วมประชุม
ผู้เข้าร่วมประชุมมักจะมาถึงห้องประชุมก่อนประธานเมื่อประธานมาก็เริ่มประชุมได้ทันที
สำหรับบรรยากาศในห้องประชุมก็เป็นไปอย่างมีระบบตามวาระการประชุมที่กำหนด
โดยประธานจะให้ผู้เข้าร่วมประชุมทุกคนได้แสดงความคิดเห็น
ก่อนที่จะตัดสินใจเรื่องใดเรื่องหนึ่ง กรณีที่มีความขัดแย้งทางความคิด
ประธานก็ทำหน้าที่เป็นคนกลางเพื่อหาข้อสรุปโดยไม่มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเสียหน้า
ถ้ามีวาระจรเกิดขึ้นประธานก็จะมอบหมายให้คนที่เกี่ยวข้องไปพูดคุยกันหลังจากจบการประชุมตามวาระที่กำหนด
ฯลฯ การประชุมขององค์กรนี้ สะท้อนให้เห็นภาวะผู้นำของผู้บริหารได้อย่างชัดเจนว่าเป็นทั้งตัวอย่างที่ดี
สะท้อนความสามารถในการตัดสินใจ
และสะท้อนถึงจิตวิทยาการบริหารคนที่มีความแตกต่างกันทางความคิดได้เป็นอย่างดี
·
การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า
สะท้อนสไตล์ของผู้บริหาร
ไม่ว่าจะเป็นการประชุมหรือฝึกอบรม
มักจะมีเกิดปัญหาอุปสรรคขึ้นเสมอ และการ
ตัดสินใจแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าของคนทำงานในองค์กรต่าง ๆ
ก็มีความแตกต่างกัน
สิ่งนี้ก็พอที่จะเป็นกระจกเงาสะท้อนถึงสไตล์การทำงานของผู้บริหารได้เหมือนกัน
เช่น
บางครั้งเวลาไปบรรยายแล้วอุปกรณ์ต่าง ๆ ในห้องอบรมมีปัญหา
เจ้าหน้าที่บางองค์กรพยายามปรับโน่นปรับนี่แบบมั่วๆโดยไม่มีหลักในการคิดว่าปัญหานั้นเกิดจากอะไร
พอปรับไม่ได้ก็ตอบได้แค่ว่าทำได้แค่นี้และทำได้แค่ขอโทษวิทยากร
หรือไม่ได้ใช้ความพยามยามในการแก้ไขปัญหาจนถึงที่สุด
คงพอจะสะท้อนให้เห็นได้เหมือนกันว่า
ผู้บริหารองค์กรไม่ได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาบุคลากรเรื่องการวางแผนงานและการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า
ถ้าพนักงานส่วนใหญ่เป็นแบบนี้ก็แสดงว่าตัวผู้บริหารระดับต่างๆ
รวมถึงผู้บริหารระดับสูงก็คงจะทำงานเชิงรับมากกว่าการทำงานเชิงรุกและการแก้ไขปัญหาต่าง
ๆ ก็น่าจะเป็นการแก้ไขปัญหาเพื่อเอาตัวรอดไปวัน ๆ เท่านั้น
ไม่เหมือนกับบางองค์กรที่คนทำงานในระดับต่างๆ
สามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ดีมาก เช่น
การตัดสินใจแก้ไขปัญหาที่จอดรถวิทยากรโดยการขับให้วิทยากรลงก่อน
แล้วพนักงานขับรถนำรถของวิทยากรไปจอดให้
การตัดสินใจแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับโสตทัศนูปกรณ์ด้วยการหาทางเลือกในการแก้ไขปัญหาไว้หลายๆด้าน
เช่น ในระหว่างแก้ไขเครื่องฉาย LCD
ก็จะโทรไปเช็คว่าเครื่องอื่นใช้งานอยู่หรือไม่เพื่อเป็นทางเลือกสำรอง
ฯลฯ สิ่งเหล่านี้สามารถสะท้อนให้เห็นได้ว่าผู้บริหารองค์กรนี้จะต้องเป็นผู้บริหารที่เป็นนักวางแผน
เป็นนักตัดสินใจที่ดี
เพราะบารมีของผู้บริหารมักจะกระจายไปมีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการทำงานของพนักงานในองค์กรในทุกระดับ
·
การจ่ายค่าตอบแทนวิทยากร/ที่ปรึกษา
สะท้อนบรรษัทภิบาลของผู้บริหาร
การที่จะดูว่าแต่ละองค์กรนั้นให้ความสำคัญกับความโปร่งใสในการบริหารงานและเป็น
ธรรมกับผู้ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจมากน้อยเพียงใด
คงไม่ต้องรอดูจนกว่าองค์กรนั้นมีปัญหาถึงขั้นถูกฟ้องร้องหรือล้มละลาย
แต่พอจะสังเกตได้จากพฤติกรรมในการบริหารงานในหลายเรื่องๆได้
เช่น
มีบางองค์กรคนทำงานในองค์กรมีการทุจริตคอรัปชั่นกันเป็นทอดๆ
ตั้งแต่การขอค่าคอมมิชชั่นในการจัดฝึกอบรมจากสถาบันจัดฝึกอบรมหรือจากวิทยากร
ให้เจ้าหน้าที่จัดซื้อมาเจรจาต่อรองค่าตัววิทยากรเหมือนกับการซื้อวัตถุดิบ
บางครั้งต่อรองมากเกินไปลืมคุณภาพของการจัดอบรมไป
มีเครดิตเทอมในการจ่ายค่าวิทยากรเหมือนกับการซื้อสินค้าอื่น
จ่ายค่าวิทยากรล่าช้าหรือลืมจ่ายค่าวิทยากร
มีลูกเล่นในการจ่ายเงินค่าที่ปรึกษาทั้งๆที่งานเสร็จแล้ว
มีการต่อรองขอให้ทำงานเพิ่ม
มีการนำเอาสัญญามาต่อรองเพื่อให้ได้ผลประโยชน์มากที่สุดเท่าที่จะมากได้
ฯลฯ
พฤติกรรมองค์กรเหล่านี้คงจะพอบ่งบอกให้เราทราบได้ว่าผู้บริหารองค์กรนั้นๆ
ยึดหลักการบริหารงานที่เรียกว่า “ธรรมาภิบาล”
หรือ “บรรษัทภิบาล” หรือไม่
เพราะเรื่องเหล่านี้ถ้าผู้บริหารมีการกำหนดระบบการตรวจสอบขึ้นมา
มีการติดตามปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เรื่องต่างๆเหล่านี้ไม่น่าจะเกิดขึ้นจนทำให้คนนอกอย่างเช่นวิทยากรหรือที่ปรึกษานำไปพูดต่อกับคนอื่นได้
ส่วนองค์กรที่ผู้บริหารให้ความสำคัญกับการบริหารงานที่โปร่งใสและเป็นธรรมกับผู้ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ
พฤติกรรมการทำงานของคนที่เกี่ยวข้องกับการจ่ายค่าตอบแทนวิทยากรหรือที่ปรึกษามักจะแสดงออกมาในลักษณะที่ดี
เช่น มีระบบเอกสารประกอบการจ่ายเงินที่เป็นระบบและชัดเจน
มีระบบการติดต่อสื่อสารเพื่อตรวจสอบความเข้าใจให้ตรงกัน
มีการแจ้งให้วิทยากรนำเอกสารต่างๆที่เกี่ยวข้องล่วงหน้าก่อนวันบรรยาย
มีการอำนวยความสะดวกในการรับเช็ค
กรณีที่มีปัญหาเรื่องการจ่ายเงินล่าช้าจะมีการแจ้งล่วงหน้าและกำหนดวันที่ชัดเจนว่าจะได้รับเงินเมื่อไหร่
พร้อมที่จะโอนเงินผ่านบัญชีให้วิทยากรแทนการรับเช็คเพราะเป็นความผิดพลาดของบริษัทเอง
ทั้งหมดที่เขียนมานี้ เป็นเพียงภาพสะท้อนจากกระจกบานเล็กๆในฐานะที่เป็นวิทยากรและที่ปรึกษา สำหรับองค์กรที่ดีนั้นผมเองก็ได้นำไปชื่นชมให้องค์กรอื่นฟังเป็นปกติอยู่แล้ว แต่องค์กรที่ยังมีข้อบกพร่องอยู่ก็ไม่รู้จะแจ้งให้เขาทราบได้อย่างไร จึงขออนุญาตนำมาเขียนเป็นบทความเพื่อให้องค์กรต่างๆ ได้กลับไปทบทวนตัวเองดูว่าเรื่องใดบ้างที่องค์กรของท่านยังต้องปรับปรุง เพราะหลายปัญหาที่เกิดขึ้นในองค์กรมักจะสะท้อนไปถึงตัวตน บทบาท และสไตลน์ของผู้บริหารระดับสูงไม่มากก็น้อย สุดท้ายนี้ หวังว่าองค์กรต่างๆจะสามารถพัฒนาคนพัฒนาองค์กรให้สะท้อนด้วยกระจกบานไหนก็เห็นภาพที่ดีขององค์กรเหมือนๆกันในทุกด้านนะครับ
ความคิดเห็นผู้บันทึก : พฤติกรรมของคนในองค์กร บางครั้งก็ไม่อาจสะท้อนไปถึงผู้บริหารได้ เพราะในบางองค์กรเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบงาน เขามีความรับผิดชอบในตัวเองอยู่แล้ว ถึงแม้ผู้บริหารจะไม่ใส่ใจ งานทุกอย่างก็สำเร็จเรียบร้อยด้วยดีได้
ที่มา : http/:www.hrcenter.co.th
มาเยี่ยมครับ คุณนงลักษ์ อย่าลืมสรุปความเห็นของตนเองในบทความด้วยนะครับ
สวัสดีจ้ะลักษณ์...
เป็นสิ่งที่เราควรู้ไว้นะ เผื่อวันหน้าได้เป็นผู้บริหารมั่ง
มีความคิดเห็นที่ตรงกัน เพราะผู้บริหารบางคนมักจะไม่เห็นความสำคัญของคนในองค์กรณ์ เพราะคิดว่าทุกอย่างต้องสำเร้จได้ตามความต้องการของผู้บริหารอยู่แล้ว