วันนี้พระฉลองชัยโทรศัพท์มาแจ้งว่าได้รับจดหมายข่าวจากคณะทำงานแล้ว และแจ้งให้ทราบว่า
ขณะนี้จำวัดอยู่ ณ จังหวัดมหาสารคาม
-พระให้ข้อเท็จจริงเบื้องต้นว่า
- เป็นบุคคลไม่มีเอกสารพิสูจน์ทราบตัวบุคคล ไม่มีเอกสารทะเบียนราษฎร
- เกิดประมาณปี พ.ศ.๒๕๑๖ มีคนทราบว่าเกิดที่บ้านของนายคำสิงห์ หรือนายหงษ์คำ อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี (ปัจจุบันหมู่บ้านที่เกิดอยู่ในเขต อ.สิริธร จ.อุบลราชธานี )
- เกิดโดยหมอตำแยเป็นคนทำคลอด ปัจจุบันหมอตำแยเสียชีวิตแล้ว
- มีคนเล่าให้ฟังว่าคุณแม่ของพระฉลองชัยเป็นคนที่อพยพมาจากประเทศลาว ส่วนคุณพ่อเป็นคนไทย ไม่ทราบว่าอยู่ที่ไหน ไม่สามารถติดต่อทั้งพ่อและแม่ได้
- ได้รับการเลี้ยงดูโดยพ่อบุญธรรม(นายนิรันดร์)สัญชาติไทยมาตั้งแต่เกิด(โดยยังไม่ได้จดทะเบียนรับบุตรบุญธรรม)
- เคยดำเนินการขอหนังสือรับรองสถานที่เกิดแต่ทางอำเภอไม่ได้ทำให้เนื่องจากไม่เชื่อในพยานหลักฐาน?
-ขอหารือว่าควรดำเนินการอย่างไรต่อไป
-ขอทราบว่ามีค่าใช้จ่ายในการดำเนินการหรือไม่ ?
บันทึกโดย กิติวรญา รัตนมณี
๒ กรกฎาคม ๒๕๕๒
เวลา ๒๑.๐๐ น.
กรณีนี้มีลักษณะคนไร้รากเหง้าแบบเทียมได้นะคะ
ขอไหมอีเมลล์เรื่องให้หลวงพี่ติ๊กเพื่อทราบ
อยากไปเยี่ยมหลวงพี่ติ๊ก เพื่อหารือเรื่องการจัดการพระไร้รัฐไร้สัญชาติ
ไหมจะช่วยนัดให้ได้ไหมคะ
From: Archanwell
Sent: July 03, 2009
To: หลวงพี่ไพศาล และหลวงพี่ติ๊ก
1.รบกวนหลวงพี่ไพศาล หลวงพี่ติ๊กและมวลมิตรอ่านเรื่องของพระฉลองชัยค่ะ http://gotoknow.org/blog/bkklegalclinic/272713
2.ขอแนบอีเมลล์ของ (๑) เหล่าคนทำงานเพื่อคนไร้รัฐคนไร้สัญชาติมาด้วย (๒) อดีตพระไร้สัญชาติ (๓) พระที่ยังไร้สัญชาติ เพื่อร่วมเสวนากับหลวงพี่ทั้งสองค่ะ
3.และขอความเห็นว่า เราควรทำจดหมายถึงองค์กรสงฆ์ใดเพื่อแนะนำการแก้ไขปัญหาให้พระฉลองชัยค่ะ
4.เรื่องของพระฉลองชัย แก้ไขได้โดยกฎหมายและนโยบายที่มีอยู่ ดังที่เคยอธิบายกันในชั้นเรียนของเรา
5.เราจะเสนอแนะให้สภาความมั่นคงแห่งชาติ กรมการศาสนา สำนักงานพระพุทธศาสนา และมหาเถรสมาคม เพื่อทราบปัญหาของพระที่ไร้รัฐไร้สัญชาติ ดีไหมคะ
6.ขอเรียนถามหลวงพี่ติ๊กให้นำการเสวนาก่อนได้ไหมคะ ส่วนหลวงพี่ไพศาล คงไม่ต้องแนะนำ
7.รบกวนมวลมิตรแนะนำตัวต่อหลวงพี่ติ๊กด้วยค่ะ
8.และแนบไฟล์แนะนำหลวงพี่ติ๊กมาแล้วค่ะ
9.อ.แหววขอทำหน้าที่ผู้ดำเนินการเสวนา
From: Phra Paisal Visalo
Sent: Friday, July 03, 2009 3:35 PM
To: 'archanwell'
Subject: RE: รบกวนหลวงพี่ติ๊กอ่านเรื่องของพระฉลองชัยค่ะ - ขอตั้งวงเสวนาเพื่อแก้ไขปัญหาพระไร้รัฐไร้สัญชาติในวัดไทย
เจริญพร อ.แหวว
อาตมาคิดว่าเรื่องนี้หากไปถึงมหาเถรสมาคม มหาเถร ฯ ก็คงโยนกลับไปให้เป็นเรื่องของ
บ้านเมือง เพราะเป็นอย่างนี้มาตลอด เพราะฉะนั้นอาตมาคิดว่า น่าจะเจรจากับหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องโดยตรงจะดีกว่า
เห็นดีด้วยกับการตั้งวงเสวนา เพื่อให้เป็นประเด็นสาธารณะ
เพราะเรื่องนี้มีคนรู้น้อยมาก อาตมาก็เพิ่งได้ยินว่าเป็นปัญหากับพระด้วย
แต่ไม่ทราบว่ามีมากน้อยแค่ไหน
ธรรมและพร
พระไพศาล
From: Kitiwaraya Ratanamanee
Sent: Saturday, July 04, 2009 12:51 AM
Subject: RE: รบกวนหลวงพี่ติ๊กอ่านเรื่องของพระฉลองชัยค่ะ - ขอตั้งวงเสวนาเพื่อแก้ไขปัญหาพระไร้รัฐไร้สัญชาติในวัดไทย
นมัสการค่ะ กิติวรญา รัตนมณี (ไหม) ค่ะ เป็นคณะทำงานของบางกอกคลีนิคที่ได้รับการติดต่อจากพระฉลองชัย และเป็นผู้บันทึกรายงานความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาสถานะบุคคลของพระฉลองชัยค่ะ
From: พระมหานภันต์ สนฺติภทฺโท
Sent: Saturday, July 04, 2009 2:31 AM
To: archanwell
Subject: Re: รบกวนหลวงพี่ติ๊กอ่านเรื่องของพระฉลองชัยค่ะ - ขอตั้งวงเสวนาเพื่อแก้ไขปัญหาพระไร้รัฐไร้สัญชาติในวัดไทย
กราบเรียน ท่านอาจารย์ไพศาล ท่านคำ เจริญพร อ.แหวว และญาติโยมทุกท่าน ขออนุโมทนาสำหรับการทำงานด้วยความเสียสละของอาจารย์และคณะทำงาน สำหรับการทำจดหมายถึงองค์กรสงฆ์เพื่อแนะนำการแก้ปัญหา อาตมาเห็นว่าอาจแยกเป็น ๒ กรณี
กรณีที่ ๑ คือข้อเท็จจริงเป็นไปได้ที่จะพิสูจน์ทราบว่า ท่านมีสัญชาติไทย ควรทำสรุปกรณีศึกษาที่เคยมีมา พร้อมวิธีการแก้ปัญหา (ทั้งที่สำเร็จและไม่สำเร็จพร้อมเหตุผล) แนะนำหน่วยงานเบื้องต้นที่ต้องติดต่อ สิทธิของท่านในขณะที่อยู่ในระหว่างกระบวนการพิสูจน์ทราบ
กรณีที่ ๒ ข้อเท็จจริงตรงข้ามกับกรณีที่ ๑ ควรชี้แจงสิทธิของท่าน และวิธีปฏิบัติเพื่อได้รับสิทธินั้น ทั้งในด้านการรับบริการทางการศึกษา สาธารณสุข ฯลฯ ความเป็นไปได้ในการดำเนินการเพื่อให้ได้รับสัญชาติไทย ขั้นตอนดำเนินการ ข้อควรปฏิบัติสำหรับหน่วยงานต้นสังกัด (วัด โรงเรียน มหาวิทยาลัย) ความผิดตามกฎหมายในกรณีเกี่ยวเนื่อง
ทั้ง ๒ กรณี หากจะมุ่งแก้ปัญหา เบื้องต้นอาตมาว่า น่าจะแจ้งโรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกธรรม-บาลี โรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกสามัญศึกษา และมหาวิทยาลัยสงฆ์ ในเขตพื้นที่ที่คาดว่าจะมีปัญหาดังกล่าว หากเป็นไปได้ก็ขอความร่วมมือในการสำรวจข้อมูลเบื้องต้นไปด้วยเลย ถ้าทำได้ก็จะเป็นประโยชน์มาก
สำหรับการเสนอแนะหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อทราบปัญหาพระไร้รัฐ ไร้สัญชาติ อาตมาเห็นด้วย แต่ยังห่วงในแง่ความชัดของข้อมูล คือในส่วนของอาตมาก็อย่างที่เคยคุยกับอาจารย์ ส่วนมากรับรู้จากเพื่อนพระบางรูป บางกรณีก็เป็นการสันนิษฐาน หากมีข้อมูลเชิงปริมาณมาสนับสนุน น่าจะช่วยทำให้การเสนอภาพปัญหาชัดขึ้น
สำหรับการแก้ปัญหานี้ อาจต้องเริ่มด้วยการจัดการความรู้ และการจัดการทัศนคติของผู้คนที่เกี่ยวข้องอย่างที่อาจารย์เคยบอก สิ่งสำคัญคือการสร้างความรับรู้ ตระหนัก และเข้าใจร่วมกันทั้งผู้ที่ต้องการแก้ปัญหา หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ว่าสภาความมั่นคง ฯลฯ มหาเถรสมาคม หรือคนในสังคมโดยทั่วไป
ขอเป็นกำลัง(หัว+)ใจ แถมกำลังกาย ให้กับอาจารย์และคณะทำงานทุกท่าน อนุโมทนา สาธุ เจริญพร
To: Archanwell
Subject: ความคิดเห็นของอาตมาเกี่ยวกับพระไร้สัญชาติ
Date: Wed, 15 Jul 2009 21:13:42 +0700
เจริญพรอาจารย์แหวว และทุกท่านที่เกี่ยวข้อง
ขอใช้สัพพนามคำว่าผม แทนตัวนะครับ อาจจะไม่เหมาะกับการที่จะใช้กับฆราวาสทั่วไป ก็ต้องขออภัย เพราะอย่างน้อยคิดว่าก็คงมีเพื่อสหธรรมมิกคงจะได้อ่านเมลฉบับนี้
สำหรับการตั้งวงเสวนาในเรื่องของพระไร้สัญชาติเห็นว่าเป็นเรื่องที่ดี ดังนั้นผมจึงขอกล่าวเป็นข้อ ๆ เพราะไม่ถนัดเรื่องเขียนหนังสือเท่าไร หากงงหรือไม่เข้าใจก็ต้องขออภัย จะพยายามเขียนให้งงน้อยที่สุดครับ
๑. จำนวน หรือสถิติถือเป็นเรื่องที่สำคัญ พระที่ไร้สัญชาติ หรือที่ไม่มีสัญชาติไทย มีเท่าไร เพราะตอนนี้เรายังไม่รู้จำนวนที่แน่นอน แม้ช่วงนี้ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติได้จัดเก็บประวัติของพระภิกษุทั่วประเทศที่บวชตั้งแต่ ๕ เดือนขึ้นไปแล้ว ก็ไม่แน่ว่า ข้อมูลที่ได้จะมีข้อมูลที่เป็นพระไร้สัญชาติ หรือไม่ได้สัญชาติไทย หรือไม่อย่างไร
เรื่องนี้ หากเราจะสำรวจจำนวนพระที่ไร้สัญชาติ หรือพระที่ไม่ได้สัญชาติไทย และบวชถูกต้องตามกฎมหาเถรสมาคมว่าด้วยการแต่งตั้งถอดถอนพระอุปัชฌาย์ ก็คงทำได้ แต่อยากนิดเพราะอาจต้องผ่านองค์กรสงฆ์เป็นผู้สั่งการ อาจเป็นมหาเถรสมาคมเป็นผู้เห็นชอบ โดยต้องได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่าย ในการที่จะต้องกล้าในการเปิดเผยข้อมูล ไม่ว่าจะเป็น
ตัวเจ้าของปัญหาเอง (เพราะผมคิดว่า บางท่านอาจจะกลัวมีปัญหาเลยไม่กล้าที่จะเปิดเผยถึงประวัติตัวเอง) เพื่อที่จะได้มีข้อมูล หรือรู้ถึงสถานะความเป็นจริงของท่านว่าเป็นอย่างไร จะได้มีวิธีแก้ที่ถูกต้อง
เจ้าอาวาส ก็จะต้องกล้าในการที่จะให้ข้อมูล หรือบางส่วนอาจจะไม่ทราบด้วยซ้ำว่าพระรูปนั้นรูปนี้ ท่านไร้สัญชาติหรือไม่มีสัญชาติไทย ( อันนี้คิดเองนะครับว่า คนที่ไม่มีสัญชาติไทย ก็ถือเป็นคนต่างด้าวตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองใช่หรือไม่ครับ ถ้าใช่ ก็ถือว่าเจ้าอาวาสในฐานะที่เป็นเจ้าบ้าน ก็ต้องถือว่าให้ที่พักพิงแก่คนต่างด้าวถือว่ามีความผิดหรือไม่ เพราะเชื่อว่าบางส่วนก็อาจมาพำนักอยู่ในวัดโดยไม่ได้ขออนุญาตก็ได้ และถ้าถือว่ามีความผิด ก็จะต้องมีหลักประกันหรือชี้แจงในหนังสือไปว่าไม่มีความผิด เพื่อที่ว่าท่านจะได้กล้าเปิดเผยข้อมูล และเชื่อว่าท่านเหล่านั้นก็ไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้กับเจ้าอาวาสหรอก)
ตามข้อนี้อาจเป็นเรื่องใหญ่ ในการที่จะขอข้อมูล จะเป็นไปได้หรือไม่หากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็น
๑.ตัวแทนจากกรมการปกครอง ที่เกี่ยวกับเรื่องสัญชาติ
๒.ตัวแทนจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่เกี่ยวกับคนต่างด้าว เพื่อจะได้หารือเกี่ยวกับข้อกฎหมายที่ว่าหากเจ้าอาวาสให้ที่พักพิงกับพระท่านเหล่านั้นจะมีความผิดหรือไม่ เพื่อให้ตัวแทนจากมหาเถรสมาคมได้รับทราบข้อมูลด้วย
๓.ตัวแทนจากมหาเถรสมาคม ในการที่จะมารับทราบปัญหาโดยตรงจากกรมการปกครองก็ดี พระไร้สัญชาติ หรือไม่มีสัญชาติไทยก็ดี
๔.ทีมงานของคณะอาจารย์
๕.ตัวแทนผู้ที่ได้รับผลกระทบ คือพระที่ไร้สัญชาติ หรือไม่มีสัญชาติไทย
๖.ตัวแทนจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ในฐานะที่กำกับดูงานด้านพระพุทธศาสนา
๗.ตัวแทนจากมหาวิทยาลัยสงฆ์ทั้ง ๒ แห่ง คือ มหาวิทยาลัยมหามกุฎราชวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
หากตัวแทนเหล่านั้นมาร่วมประชุมกัน เพื่อหาข้อสรุปในการที่จะดำเนินการว่าจะดำเนินการไปในทิศทางใด จะสำรวจหรือไม่อย่างไร โดยให้ได้ข้อสรุป เพื่อที่จะดำเนินการต่อไป เพราะหากดำเนินการเพียงมหาเถรสมาคมก็คงมีการโยนกันไปมาอย่างท่านไพศาลว่าแหละครับ
๒.ในข้อนี้ ขอคิดไปก่อนล่วงหน้านะครับ หากเราทราบจำนวนสถิติข้อมูล ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับตัวบุคคลของท่านที่แน่ชัดแล้ว ไม่ว่าจะมหาวิทยาลัยสงฆ์ก็ดี หรือจากหน่วยงานคณะสงฆ์ต่าง ๆ ก็ดี ก็มาจำแนกตามที่ท่านมหานภัณฑ์ได้กล่าวไว้คือ
๒.๑ หากได้ข้อเท็จจริงมาทั้งหมดแล้วก็ดำเนินการจัดแยกตามข้อเท็จจริงของแต่ละคน
- หากเป็นผู้ที่เกิดในประเทศไทย มีคุณสมบัติครบถ้วนตามมาตรา ๒๓ ก็ควรจะมีการดำเนินการในเรื่องของการขอลงรายการสัญชาติไทย โดยอาจจะต้องขอความร่วมมือจากกรมการปกครองในการที่จะอำนวยความสะดวกให้กับท่าน ในฐานะที่กำลังเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยสงฆ์ และมีความจำเป็นที่จะต้องใช้เป็นหลักในการที่จะทำเรื่องจบ เพราะในความเป็นจริงตอนนี้ ผมได้ให้คำปรึกษากับพระรูปหนึ่ง เกี่ยวกับการขอลงรายการตามมาตรา ๒๓ และลำบากเป็นอย่างมาก เนื่องจากไม่ได้รับความสะดวกหลาย ๆ เรื่อง เช่น กรณีของท่านที่ท่านได้ยื่นคำร้องไปแล้วนั้น ยังไม่ได้รับการสอบพยานเลยทั้ง ๆ ที่มาเกือบห้าเดือนแล้ว แม้จะสอบถามไปแล้วก็ยังบอกว่าคิวยังไม่ว่างเลย แต่น้องสาวของพระท่านนี้ ที่ได้ปรึกษากับผม ใจกล้าหน่อยตรงที่บุกถึงศาลากลางจังหวัด แม้จะเจอกับปัญหาหลายอย่าง แต่ไม่ขอเล่าในที่นี้เพราะเรื่องเยอะมาก ตอนนี้ได้รับการลงรายการสัญชาติแล้ว แต่พี่สาวอีกสองคนที่ยื่นไปกับน้องสาวนี้ที่ไม่ได้ติดตามเรื่องให้ (แม้ตอนตามเรื่องน้องสาวท่านนี้จะถามถึงพี่สาวทั้ง ๒ คนด้วยก็ตาม) กลับไม่ได้รับการพิจารณา ทั้ง ๆ ที่ยื่นพร้อมกัน เวลาเดียวกัน พยานคนเดียวกัน แต่ได้รับการพิจารณาคนเดียว แต่คนอื่นที่ยื่นคำร้องไปทีหลัง กลับได้รับการพิจารณาไปหลายรายแล้ว เรื่องนี้ ก็กำลังดำเนินการในการทำหนังสือทวงถามอยู่ นี่เป็นเพียงกรณีแรกที่ได้รับความลำบากจากการขอลงรายการสัญชาติ
- จะเป็นไปได้หรือไม่ หากจะเสนอกรมการปกครองดำเนินการอำนวยความสะดวกให้กับพระที่มีคุณสมบัติครบถ้วนตามมาตรา ๒๓ ในการขอลงรายการสัญชาติไทย ตามขั้นตอนหนังสือสั่งการ ฯ โดยอาจให้มหาวิทยาลัยแต่ละแห่งทำหนังสือรับรองว่าเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยนั้น ๆ หรือมีบัตรนักศึกษา
หากจะคิดว่า การดำเนินการเช่นนี้อาจจะไม่เหมาะ คนอื่นก็อาจมีความต้องการได้ไวเหมือนกัน ก็อาจขยายโดยอาจให้นโยบายในการที่จะดำเนินการให้กับนักเรียน นิสิต นักศึกษา ก็ได้
- หากไม่มีหลักฐานอะไรเลย คือ อาจเป็นคนไร้สัญชาติ ไร้รัฐ หรือยังไงก็แล้วแต่ อย่างน้อยก็จะได้รู้ข้อมูลในการที่จะดำเนินการแก้ปัญหาต่อไปดังที่ท่านพระมหานภัณฑ์ท่านได้กล่าวไว้
สรุปก็คือ จะเป็นไปได้หรือไม่ หากเราได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คือกรมการปกครอง มหาเถรสมาคม มหาวิทยาลัยสงฆ์ทั้ง ๒ แห่ง สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ พร้อมทั้งเจ้าของปัญหา มาร่วมประชุมกันรับทราบปัญหาที่แท้จริง ปรึกษากันในเรื่องของการที่จะข้อมูล เพื่อจะได้นำมาแก้ไขปัญหา
และหากมีข้อมูลข้อเท็จจริงของแต่ละท่านแล้ว ก็อาจดำเนินการแก้ไข ตามแต่จะดำเนินการได้ ตามสิทธิที่พึงจะได้ โดยอาจมีหนังสือชี้แจงไปทั้งกรมการปกครองคือฝ่ายราชอาณาจักร และแจ้งไปยังคณะสงฆ์ เพื่อให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน
พระมหาวีรยะ
อดีตพระไร้สัญชาติไทย