ฉบับที่ 34 (25 มิถุนายน 2552)
กลับไม่ได้ ไปไม่ถึง
เผยแพร่แล้วในหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน 24/06/52
เรื่องโดย : รพีพรรณ สายัณห์ตระกูล
พลันที่รัฐบาลพม่าส่งกองพันเคลื่อนที่เร็วร่วมกับกองกำลังทหารกะเหรี่ยงพุทธ (DKBA) ทั้งใช้ยุทธวิธีโอบล้อมโจมตี หมู่บ้าน ‘เลอเปอเฮอ’ ฐานที่มั่นของกองกำลังกลุ่มสหภาพแห่งชาติพันธุ์กะเหรี่ยง (KNU) ชาวบ้านในหมู่บ้านราว 3,000 คน ต้องอพยพหนีตายเข้ามาฝั่งไทย
ในวินาทีที่ชีวิตของผู้ลี้ภัยแขวนอยู่บนเส้นด้ายเพราะถูกบังคับส่งกลับคืนพื้นที่สู้รบ ท่าทีของนายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่แสดงความห่วงใย ส่งผลให้ฝ่ายความมั่นคง อำเภอท่าสองยาง จังหวัดตาก เปลี่ยนท่าที มีมติไม่ผลักกลับผู้ลี้ภัย ช่วยต่อลมหายใจให้คนหนีตายได้อีกเฮือก
แต่จะยาวนานเท่าไหร่... ไม่มีใครกล้ายืนยัน
การยื้อชีวิตเพื่อนมนุษย์ที่หนีซมซานจากการประหัตประหารเป็นเรื่องที่น่าชื่นชม กระนั้น เราก็ยังมิอาจวางใจว่าจะไม่มีการบังคับส่งกลับแบบเงียบๆ โดยสังคมไม่รู้ไม่เห็น เนื่องจากรายงานของ Cross Border News Agency เผยว่า มีการบังคับผลักดันผู้ลี้ภัยจำนวน 99 คน กลับคืนสู่พื้นที่สู้รบแล้ว ก่อนหน้าที่นายกฯ จะแสดงความห่วงใยถึงผู้ลี้ภัย กระทั่งมีมติยืนยันจากฝ่ายความมั่นคงชายแดนว่าผู้ลี้ภัยที่เหลือจะไม่ถูกผลักดันกลับ
ทว่านอกจากขอความเห็นใจจากนายกฯ การที่คนในสังคมไทยจะร่วมกันทำความเข้าใจถึงรากเหง้าปัญหาที่ทำให้กุล่มชาติพันธุ์และชาวพม่าจำนวนไม่น้อยต้องอพยพหนีตาย น่าจะเป็นอีกหนทางที่เราทุกคนสามารถทำได้ เพื่อร่วมกันกดดัน ส่งเสียง และเรียกร้องให้การประหัตประหารยุติลงในวันหนึ่งวันใด
แม้ไม่ได้มีบารมีถึงขั้นเป็น ‘ผู้นำประเทศ’ หรือมีอำนาจสั่งการกองทัพ แต่พลังบริสุทธิ์ของประชาชนคนเดินดิน ก็ไม่น่าจะอ่อนด้อยไร้เรี่ยวแรงนัก หากเราทุกคนใส่ใจกันอย่างแท้จริง ถึง ‘สิทธิของการมีชีวิตอยู่’ ที่ถูกลิดรอนไปมากเหลือเกิน ในประเทศเพื่อนบ้านของไทยที่ห่างกันเพียงก้าวข้ามสาละวิน
วันนั้นจะเกิดขึ้นจริงหรือไม่? คงไม่สำคัญเท่าวันนี้
เราคิดจะส่งเสียงหรือหันมาเหลียวมองปัญหาของพวกเขาหรือไม่
ปัญหาซึ่งฝังรากลึกอยู่ในดินแดนที่ผู้คนเพรียกหาสิทธิเสรีภาพ
เท่าที่มนุษย์ธรรมดาคนหนึ่งจะพึงมี
แต่ต้องเสียเวลาเกือบทั้งชีวิต...ไปกับการหนีตาย ครั้งแล้วครั้งเล่า
และครั้งสุดท้ายอาจมาถึงได้ทุกเมื่อ
อ่านต่อทั้งหมด 9 หน้า click : ดาวน์โหลด
ไม่มีความเห็น