การจัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่าน
การจัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่าน
สวัสดีค่ะทุกท่านเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมาดิฉันมีโอกาสได้ไปร่วมสัมนากับสำนักพิมพ์ นานมี บุ๊ค เนื่องในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ในหัวข้อสนุกอ่าน สนุกคิด กับนานมีบุ๊ค และได้รับเอกสารประกอบการอบรม ชื่อเรื่อง "การส่งเสริมนิสัยรักการอ่าน" อ่านแล้วถูกใจมากค่ะเลยเก็บมาฝากเพื่อนๆบรรณารักษ์และผู้สนใจทุกท่านค่ะ
การจัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่าน
ความหมายของการจัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่าน
กิจกรรมส่งเสริมการอ่านคือ การกระทำต่างๆเพื่อให้กลุ่มเป้าหมายเกิดความสนใจในการอ่าน พยายามพัฒนาการอ่านของตนจนถึงระดับอ่านเป็น และอ่านจนป็นนิสัย
ประโยชน์ของจัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่าน
1.เพื่อให้นักเรียนรักการอ่าน และเป็นการปลูกฝังนิสัยรักการอ่านหน้งสือให้แก่นักเรียน
2. เพื่อให้นักเรียนรู้จักแสวงหาความรู้และความเพลิดเพลินจากการอ่านและการศึกษาค้นคว้าตามความต้องการ และความสนใจของตนเองในยามว่าง
3.เพื่อให้นักเรียนรู้จักการศึกษาหาความรู้ด้วยตนเอเมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่
บทบาทของผู้ปกครองต่อการส่งเสริมการอ่าน
บ้านเป็นสถานที่แรกที่จะปลูกฝังนิสัยรักการอ่าน ผู้ปกครองอันมีพ่อแม่ที่อยู่ใกล้ชิดกับเด็กมากที่สุด คงจะต้องร่วมกันหาวิธีส่งเสริมและพัฒนาการอ่านด้วยวิธีการดังนี้
1. พ่อแม่จะต้องมีนิสัยรักการอ่านเป็นต้นแบบที่สำคัญที่จะทำให้ลูกรักการอ่าน ด้วยการอ่านหนังสือเล่มเดียวกับลูก มีการนำเนื้อหาสาระของหนังสือเล่มที่อ่านมาพูดคุยวิพากษ์วิจารณ์คุณค่าของหนังสือ เป็นการฝึกวิเคราะห์วิจารณ์ในการอ่านของเด็กได้เป็นอย่างดี
2. จัดบรรยาการภายในบ้านให้เหมาะแก่การอ่าน ด้วยการจัดมุมสบายๆ มีหนังสืออ่านหลากหลาย มีทีอ่านอย่างเหมาะสม เป็นที่พักผ่อนได้อีด้วย
3. หมั่นสำรวจว่าลูกๆชอบอ่านหนังสืออะไร ประเภทใด ก็ควรจัดหาหนังสือประเภทนั้นให้ลูกอ่าน พ่อแม่ควรเป็นที่ปรึกษาแนะนำในการอ่าน อีกทั้งเลือกหนังสือที่ส่งเสริมความรู้ หลากหลายสาระไว้ให้ลูกอ่านอย่างเพียงพอ
4. หมั่นพาลูกๆไปร้านหนังสือ เปิดโอกาสให้ลูกๆได้เลือกหนังสือที่ตนชอบและสนใจ
5. การให้ของขวัญกับลูกๆ ในโอกาสสำคัญต่างๆ เช่น วันเกิด วันขึ้นปีใหม่ วันเด็ก หรือเมื่อลูกทำความดีที่ควรแก่การชมเชย ควรจะให้ของขวัญเป็นหนังสือที่ปลูกฝังนิสัยรักการอ่าน
6. อาสาพาลูกๆไปห้องสมุดหรือร้านหนังสือบ่อยๆ โดยเฉพาะห้องสมุดประชาชนหรือร้านหนังสือที่อยู่ใกล้ๆบ้าน เพื่อฝึกให้ลูกคุ้นเคยกับการใช้ห้องสมุด การเลือกหนังสือ รู้วิธีค้นหาความรู้ และรู้แหล่งความรู้เพิ่มขึ้น
บทบาทของโรงเรียนที่จะส่งเสริมผู้เรียนให้มีนิสัยรักการอ่าน
โรงเรียนเป็นสถานที่ที่สองที่จะปลูกฝังนิสัยรักการอ่านให้แก่เด็กและเยาวชน เพื่อสร้างให้เด็กและเยาวชนเป็นบุคคลแห่งการเรียนรู้ซึ่งโรงเรียนอาจจะต้องจัดให้โรงเรียนเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ด้วยวิธีการดังต่อไปนี้
1. จัดสภาพและบรรยากาศ ตลอดจนแหล่งทุกแหล่งในโรงเรียนให้เป็นแหล่งเรียนรู้
2. จัดหาวัสดุทรัพยากรสารสนเทศให้สอดคล้องกับความต้องการ ทันสมัย ทันเหตุการณ์ และเพียงพอ
3. จัดบรรยากาศส่งเสริมการเรียนรู้ด้วยการเปิดเวทีให้กับผู้เรียนได้แสดงออกให้มากที่สุด เช่น เวทีนักคิดนักเขียน ลานกวี การแข่งขันทักษะทางวิชาการ ประกวดการอ่านและการเขียนเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง
4. จัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่านเป็นประจำ และต่อเนื่องในช่วงเวลาพักกลางวันหรือชั่วโมงกิจกรรม กิจกรรมที่ควรจัด เช่น
4.1 ทุกวันจันทร์ เป็นการแนะนำหนังสือ อาจจะใช้เสียงตามสาย แนะนำหนังสือดีที่หน้าเสาธง โดยให้นักเรียนหมุนเวียนเป็นผู้แนะนำ เพื่อส่งเสริมการกล้าแสดงออกและฝึกการพูดอีกด้วย
4.2 ทุกวันอังคาร เป็นการประกวดแข่งขันทักษะทางวิชาการต่างๆ หมุนเวียนกันสัปดาห์ละกลุ่มสาระ
4.3 ทุกวันพุธ เป็นกิจกรรมการแสดงรีวิวต่างๆ ของกลุ่มนักเรียน หรือรายบุคคลที่มีความสามารถด้านต่างๆ เช่น ทักษะการพูด การเล่นดนตรี กีฬาหมุนเวียนกันไป
4.4 ทุกวันพฤหัสบดี เป็นกิจกรรมการเล่านิทาน การประกวดการเล่านิทานประกอบการแสดง หรือการวาดภาพประกอบการอ่าน
4.5 ทุกวันศุกร์เป็นกิจกรรมโต้วาที อภิปรายเกี่ยวกับหนังสือ วิจารย์หนังสือเป็นต้น
5. การจัดกิจกรรมหยุดทุกอย่างเพื่ออ่าน ควรจัดเป็นประจำทุกวัน โดยเฉพาะในตอนเช้าก่อนเข้าแถว ประมาณ 20 – 30 นาที เมื่อถึงเวลาโรงเรียนอาจจะเปิดเพลงมาร์ชของโรงเรียน หรือเพลงชักชวนให้อ่านหนังสือ แล้วให้นักเรียนปฏิบัติกิจกรรมหยุดทุกอย่างเพื่ออ่าน ด้วยการอ่านหนังสือ บทความ สาระน่ารู้ แผ่นปลิว แผ่นพับความรู้ต่างๆ อาจจะให้มีการบันทึกการอ่านลงในสมุดบันทึก หรือแบบบันทึกที่ทางโรงเรียนจัดให้ว่าได้สาระอะไรบ้าง โดยทางโรงเรียนอาจจัดให้มีการประกวดสมุดบันทึกการอ่านได้อีกด้วย
มั่นใจเหลือเกินค่ะว่าคงมีเพื่อนบรรณารักษ์หลายๆคนได้ดำเนินการจัดกิจกรรมต่างๆข้างต้นกันบ้างแล้ว มุ่งมั่นทำต่อไปนะคะ เพื่อเด็กๆและเยาวชนของชาติจะได้เตือนโตเป็นกำลังสำคัญของชาติในอนาคตค่ะ
1. จัดสภาพและบรรยากาศ ตลอดจนแหล่งทุกแหล่งในโรงเรียนให้เป็นแหล่งเรียนรู้
2. จัดหาวัสดุทรัพยากรสารสนเทศให้สอดคล้องกับความต้องการ ทันสมัย ทันเหตุการณ์ และเพียงพอ
3. จัดบรรยากาศส่งเสริมการเรียนรู้ด้วยการเปิดเวทีให้กับผู้เรียนได้แสดงออกให้มากที่สุด เช่น เวทีนักคิดนักเขียน ลานกวี การแข่งขันทักษะทางวิชาการ ประกวดการอ่านและการเขียนเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง
4. จัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่านเป็นประจำ และต่อเนื่องในช่วงเวลาพักกลางวันหรือชั่วโมงกิจกรรม กิจกรรมที่ควรจัด เช่น
4.1 ทุกวันจันทร์ เป็นการแนะนำหนังสือ อาจจะใช้เสียงตามสาย แนะนำหนังสือดีที่หน้าเสาธง โดยให้นักเรียนหมุนเวียนเป็นผู้แนะนำ เพื่อส่งเสริมการกล้าแสดงออกและฝึกการพูดอีกด้วย
4.2 ทุกวันอังคาร เป็นการประกวดแข่งขันทักษะทางวิชาการต่างๆ หมุนเวียนกันสัปดาห์ละกลุ่มสาระ
4.3 ทุกวันพุธ เป็นกิจกรรมการแสดงรีวิวต่างๆ ของกลุ่มนักเรียน หรือรายบุคคลที่มีความสามารถด้านต่างๆ เช่น ทักษะการพูด การเล่นดนตรี กีฬาหมุนเวียนกันไป
4.4 ทุกวันพฤหัสบดี เป็นกิจกรรมการเล่านิทาน การประกวดการเล่านิทานประกอบการแสดง หรือการวาดภาพประกอบการอ่าน
4.5 ทุกวันศุกร์เป็นกิจกรรมโต้วาที อภิปรายเกี่ยวกับหนังสือ วิจารย์หนังสือเป็นต้น
5. การจัดกิจกรรมหยุดทุกอย่างเพื่ออ่าน ควรจัดเป็นประจำทุกวัน โดยเฉพาะในตอนเช้าก่อนเข้าแถว ประมาณ 20 – 30 นาที เมื่อถึงเวลาโรงเรียนอาจจะเปิดเพลงมาร์ชของโรงเรียน หรือเพลงชักชวนให้อ่านหนังสือ แล้วให้นักเรียนปฏิบัติกิจกรรมหยุดทุกอย่างเพื่ออ่าน ด้วยการอ่านหนังสือ บทความ สาระน่ารู้ แผ่นปลิว แผ่นพับความรู้ต่างๆ อาจจะให้มีการบันทึกการอ่านลงในสมุดบันทึก หรือแบบบันทึกที่ทางโรงเรียนจัดให้ว่าได้สาระอะไรบ้าง โดยทางโรงเรียนอาจจัดให้มีการประกวดสมุดบันทึกการอ่านได้อีกด้วย
มั่นใจเหลือเกินค่ะว่าคงมีเพื่อนบรรณารักษ์หลายๆคนได้ดำเนินการจัดกิจกรรมต่างๆข้างต้นกันบ้างแล้ว มุ่งมั่นทำต่อไปนะคะ เพื่อเด็กๆและเยาวชนของชาติจะได้เตือนโตเป็นกำลังสำคัญของชาติในอนาคตค่ะ
3. จัดบรรยากาศส่งเสริมการเรียนรู้ด้วยการเปิดเวทีให้กับผู้เรียนได้แสดงออกให้มากที่สุด เช่น เวทีนักคิดนักเขียน ลานกวี การแข่งขันทักษะทางวิชาการ ประกวดการอ่านและการเขียนเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง
4. จัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่านเป็นประจำ และต่อเนื่องในช่วงเวลาพักกลางวันหรือชั่วโมงกิจกรรม กิจกรรมที่ควรจัด เช่น
4.1 ทุกวันจันทร์ เป็นการแนะนำหนังสือ อาจจะใช้เสียงตามสาย แนะนำหนังสือดีที่หน้าเสาธง โดยให้นักเรียนหมุนเวียนเป็นผู้แนะนำ เพื่อส่งเสริมการกล้าแสดงออกและฝึกการพูดอีกด้วย
4.2 ทุกวันอังคาร เป็นการประกวดแข่งขันทักษะทางวิชาการต่างๆ หมุนเวียนกันสัปดาห์ละกลุ่มสาระ
4.3 ทุกวันพุธ เป็นกิจกรรมการแสดงรีวิวต่างๆ ของกลุ่มนักเรียน หรือรายบุคคลที่มีความสามารถด้านต่างๆ เช่น ทักษะการพูด การเล่นดนตรี กีฬาหมุนเวียนกันไป
4.4 ทุกวันพฤหัสบดี เป็นกิจกรรมการเล่านิทาน การประกวดการเล่านิทานประกอบการแสดง หรือการวาดภาพประกอบการอ่าน
4.5 ทุกวันศุกร์เป็นกิจกรรมโต้วาที อภิปรายเกี่ยวกับหนังสือ วิจารย์หนังสือเป็นต้น
5. การจัดกิจกรรมหยุดทุกอย่างเพื่ออ่าน ควรจัดเป็นประจำทุกวัน โดยเฉพาะในตอนเช้าก่อนเข้าแถว ประมาณ 20 – 30 นาที เมื่อถึงเวลาโรงเรียนอาจจะเปิดเพลงมาร์ชของโรงเรียน หรือเพลงชักชวนให้อ่านหนังสือ แล้วให้นักเรียนปฏิบัติกิจกรรมหยุดทุกอย่างเพื่ออ่าน ด้วยการอ่านหนังสือ บทความ สาระน่ารู้ แผ่นปลิว แผ่นพับความรู้ต่างๆ อาจจะให้มีการบันทึกการอ่านลงในสมุดบันทึก หรือแบบบันทึกที่ทางโรงเรียนจัดให้ว่าได้สาระอะไรบ้าง โดยทางโรงเรียนอาจจัดให้มีการประกวดสมุดบันทึกการอ่านได้อีกด้วย
มั่นใจเหลือเกินค่ะว่าคงมีเพื่อนบรรณารักษ์หลายๆคนได้ดำเนินการจัดกิจกรรมต่างๆข้างต้นกันบ้างแล้ว มุ่งมั่นทำต่อไปนะคะ เพื่อเด็กๆและเยาวชนของชาติจะได้เตือนโตเป็นกำลังสำคัญของชาติในอนาคตค่ะ
4.1 ทุกวันจันทร์ เป็นการแนะนำหนังสือ อาจจะใช้เสียงตามสาย แนะนำหนังสือดีที่หน้าเสาธง โดยให้นักเรียนหมุนเวียนเป็นผู้แนะนำ เพื่อส่งเสริมการกล้าแสดงออกและฝึกการพูดอีกด้วย
4.2 ทุกวันอังคาร เป็นการประกวดแข่งขันทักษะทางวิชาการต่างๆ หมุนเวียนกันสัปดาห์ละกลุ่มสาระ
4.3 ทุกวันพุธ เป็นกิจกรรมการแสดงรีวิวต่างๆ ของกลุ่มนักเรียน หรือรายบุคคลที่มีความสามารถด้านต่างๆ เช่น ทักษะการพูด การเล่นดนตรี กีฬาหมุนเวียนกันไป
4.4 ทุกวันพฤหัสบดี เป็นกิจกรรมการเล่านิทาน การประกวดการเล่านิทานประกอบการแสดง หรือการวาดภาพประกอบการอ่าน
4.5 ทุกวันศุกร์เป็นกิจกรรมโต้วาที อภิปรายเกี่ยวกับหนังสือ วิจารย์หนังสือเป็นต้น
5. การจัดกิจกรรมหยุดทุกอย่างเพื่ออ่าน ควรจัดเป็นประจำทุกวัน โดยเฉพาะในตอนเช้าก่อนเข้าแถว ประมาณ 20 – 30 นาที เมื่อถึงเวลาโรงเรียนอาจจะเปิดเพลงมาร์ชของโรงเรียน หรือเพลงชักชวนให้อ่านหนังสือ แล้วให้นักเรียนปฏิบัติกิจกรรมหยุดทุกอย่างเพื่ออ่าน ด้วยการอ่านหนังสือ บทความ สาระน่ารู้ แผ่นปลิว แผ่นพับความรู้ต่างๆ อาจจะให้มีการบันทึกการอ่านลงในสมุดบันทึก หรือแบบบันทึกที่ทางโรงเรียนจัดให้ว่าได้สาระอะไรบ้าง โดยทางโรงเรียนอาจจัดให้มีการประกวดสมุดบันทึกการอ่านได้อีกด้วย
มั่นใจเหลือเกินค่ะว่าคงมีเพื่อนบรรณารักษ์หลายๆคนได้ดำเนินการจัดกิจกรรมต่างๆข้างต้นกันบ้างแล้ว มุ่งมั่นทำต่อไปนะคะ เพื่อเด็กๆและเยาวชนของชาติจะได้เตือนโตเป็นกำลังสำคัญของชาติในอนาคตค่ะ
4.3 ทุกวันพุธ เป็นกิจกรรมการแสดงรีวิวต่างๆ ของกลุ่มนักเรียน หรือรายบุคคลที่มีความสามารถด้านต่างๆ เช่น ทักษะการพูด การเล่นดนตรี กีฬาหมุนเวียนกันไป
4.4 ทุกวันพฤหัสบดี เป็นกิจกรรมการเล่านิทาน การประกวดการเล่านิทานประกอบการแสดง หรือการวาดภาพประกอบการอ่าน
4.5 ทุกวันศุกร์เป็นกิจกรรมโต้วาที อภิปรายเกี่ยวกับหนังสือ วิจารย์หนังสือเป็นต้น
5. การจัดกิจกรรมหยุดทุกอย่างเพื่ออ่าน ควรจัดเป็นประจำทุกวัน โดยเฉพาะในตอนเช้าก่อนเข้าแถว ประมาณ 20 – 30 นาที เมื่อถึงเวลาโรงเรียนอาจจะเปิดเพลงมาร์ชของโรงเรียน หรือเพลงชักชวนให้อ่านหนังสือ แล้วให้นักเรียนปฏิบัติกิจกรรมหยุดทุกอย่างเพื่ออ่าน ด้วยการอ่านหนังสือ บทความ สาระน่ารู้ แผ่นปลิว แผ่นพับความรู้ต่างๆ อาจจะให้มีการบันทึกการอ่านลงในสมุดบันทึก หรือแบบบันทึกที่ทางโรงเรียนจัดให้ว่าได้สาระอะไรบ้าง โดยทางโรงเรียนอาจจัดให้มีการประกวดสมุดบันทึกการอ่านได้อีกด้วย
มั่นใจเหลือเกินค่ะว่าคงมีเพื่อนบรรณารักษ์หลายๆคนได้ดำเนินการจัดกิจกรรมต่างๆข้างต้นกันบ้างแล้ว มุ่งมั่นทำต่อไปนะคะ เพื่อเด็กๆและเยาวชนของชาติจะได้เตือนโตเป็นกำลังสำคัญของชาติในอนาคตค่ะ
4.5 ทุกวันศุกร์เป็นกิจกรรมโต้วาที อภิปรายเกี่ยวกับหนังสือ วิจารย์หนังสือเป็นต้น
5. การจัดกิจกรรมหยุดทุกอย่างเพื่ออ่าน ควรจัดเป็นประจำทุกวัน โดยเฉพาะในตอนเช้าก่อนเข้าแถว ประมาณ 20 – 30 นาที เมื่อถึงเวลาโรงเรียนอาจจะเปิดเพลงมาร์ชของโรงเรียน หรือเพลงชักชวนให้อ่านหนังสือ แล้วให้นักเรียนปฏิบัติกิจกรรมหยุดทุกอย่างเพื่ออ่าน ด้วยการอ่านหนังสือ บทความ สาระน่ารู้ แผ่นปลิว แผ่นพับความรู้ต่างๆ อาจจะให้มีการบันทึกการอ่านลงในสมุดบันทึก หรือแบบบันทึกที่ทางโรงเรียนจัดให้ว่าได้สาระอะไรบ้าง โดยทางโรงเรียนอาจจัดให้มีการประกวดสมุดบันทึกการอ่านได้อีกด้วย
มั่นใจเหลือเกินค่ะว่าคงมีเพื่อนบรรณารักษ์หลายๆคนได้ดำเนินการจัดกิจกรรมต่างๆข้างต้นกันบ้างแล้ว มุ่งมั่นทำต่อไปนะคะ เพื่อเด็กๆและเยาวชนของชาติจะได้เตือนโตเป็นกำลังสำคัญของชาติในอนาคตค่ะ
คำสำคัญ (Tags): #ความหมายของการจัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่าน#บทบาทของผู้ปกครองต่อการสร้างนิสัยรักการอ่าน
หมายเลขบันทึก: 272085เขียนเมื่อ 29 มิถุนายน 2009 22:24 น. ()ความเห็น (4)
ภูดิท บุญพิมพ์
จะมีสักกี่คนที่คิดได้อย่างอาจารย์ ผมจะขออนุญาตนำขอความของอาจารย์ไปให้ ครู บรรณารักษ์ ในหลาย ๆ โรงเรียนได้อ่าน บทความนี้ และก็หวังว่า สิ่งที่อาจารย์ ได้คิดได้ทำ จะประสบความสำเร็จนะครับ
ขอบพระคุณมากค่ะคุณภูดิท ดิฉันก็ได้แต่หวังว่าหากทุกคนร่วมมือกัน ก็คงแก้ปัญหาเรื่องนิสัยรักการอ่านของเด็กไทยได้อย่างแน่นอน เริ่มต้นที่ตัวเรา แล้วส่งเสริมการอ่านให้กับลูกๆในบ้าน จากนั้นค่อยขยายไปยัง เพื่อน และสังคม
ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งเลย โปรเจ็คนี้
จะนำมาใช้กับกลุ่มเป้าหมาย กศน.บ้างค่ะ