งาน : การวิเคราะห์ข่าว บทความ ดร.ประกอบ ใจมั่น
นิสิต : นายคุณาพร ไชยโรจน์ รหัส 5277708001
การปฏิรูปและบูรณาการการศึกษา : แนวคิดและประสบการณ์ของโรงเรียนและชุมชนบางแห่งในประเทศไทย กรณีศึกษาชุมชนบ้านนาหว้าตำบลนาหว้า อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา
ภูมิหลังความเป็นมา
ชุมชนบ้านนาหว้า เป็นตำบลหนึ่งในอำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา มีอยู่ 12 หมู่บ้าน มีกลุ่มออมทรัพย์ที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2521 มีสมาชิกในหมู่ที่ 1 และ 12 มีผู้นำที่สำคัญคนหนึ่งของบ้านนาหว้า คือ นายเคล้า แก้วเพชร ซึ่งเป็นแกนนำที่มีความเชื่อมั่นว่า ชนบทต้องมีองค์กรชาวบ้านที่เข้มแข็ง สำหรับช่วยเหลือซึ่งกันและกันจึงจะอยู่รอด และเชื่อว่าชาวบ้านมีความสามารถในการบริหารจัดการทุนได้ด้วยตนเอง
นายเคล้า แก้วเพชร เป็นผู้นำที่นำกระบวนการเรียนรู้และการจัดการสร้างรูปแบบขององค์กรเครือข่ายชาวบ้านในชุมชนนาหว้า ให้มีระบบสวัสดิการเพื่อการตนเองในด้านต่างๆ ในรูปแบบ “กองทุนสวัสดิการ” ซึ่งกองทุนทั้งหมดเกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตของชาวบ้านตั้งแต่เกิดจนตายมากมายหลายกองทุน ซึ่งกองทุนต่างๆ เหล่านี้เกิดขึ้นและประสบผลสำเร็จได้ด้วยการเรียนรู้อย่างค่อยเป็นค่อยไปของชุมชน มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างผู้นำในชุมชน และการแลกเปลี่ยนกับผู้นำภายนอก
กองทุนที่สำคัญและกิจกรรมในชุมชนบ้านนาหว้า
กองทุนที่มีอยู่อย่างมากมายในบ้านนาหว้า อาทิ กลุ่มออมทรัพย์ สวัสดิการกองทุนหมุนเวียน กองทุนวัว กองทุนรวมน้ำยาง กองทุนโรงสีข้าว กองทุนโต๊ะ/เต็นท์/เก้าอี้/ชุดเครื่องครัว กองทุนชุดน้ำสังข์แต่งงาน กองทุนค่ารักษาพยาบาล
จากที่กล่าวมาข้างต้นเป็นส่วนหนึ่ง แต่ยังมีอีกหลายกองทุนในชุมชนบ้านนาหว้า ซึ่งเห็นได้ว่าชาวบ้านนาหว้ามีศักยภาพและความสามารถในการบริหารจัดการองค์กรหรือกองทุน เพื่อจัดสวัสดิการให้กับชุมชนและสมาชิกได้เป็นอย่างดี
จากการพัฒนาจนเข้มแข็งทำให้มรการพัฒนาองค์ความรู้ และมรการจัดกระบวนการเรียนรู้จนพัฒนาเป็นกองทุนหมุนเวียนชาวบ้านสงขลา และสมาคมฟื้นฟูหมู่บ้านชนบทสงขลา
จนกระทั่งในปี 2542 กองทุนเพื่อสังคม ได้จัดเงินทุนสมทบให้กับกลุ่มออมทรัพย์ที่มีกองทุนสวัสดิการ จำนวน 12 ล้านบาท จำนวน 21 กลุ่ม กลุ่มออมทรัพย์ชุมชนบ้านนาหว้าเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม 21 ชุมชนที่ได้รับทุนสมทบ (matching fund) มีครูชบ ยอดแก้ว เป็นประธาน ชุมชนบ้านนาหว้าจึงได้รับทุนสมทบอีก 2 ล้านกว่าบาท นำไปบริหารจัดการให้เกิดผลกำไร ทำให้กองทุนสวัสดิการต่างๆ เพิ่มขึ้นจากเดิมอีกกว่า 30 กองทุน
กองทุนสมทบส่วนหนึ่งและดอกเบี้ยนำไปจัดเป็นสวัสดิการ และจัดให้มีโครงการดังนี้ คือ โครงการช่วยเหลือผู้ยากไร้ในชุมชน โครงการช่วยเหลือคนพิการและผู้สูงอายุ โครงการเลี้ยงโคขุน โครงการเลี้ยงไก่พื้นบ้าน โครงการส่งเสริมการปลูกอ้อย
การเรียนรู้ของชุมชน
ชุมชนบ้านนาหว้าเป็น “ชุมชนเรียนรู้” ที่ใช้การออมทรัพย์และการจัดการกองทุนต่างๆ เป็นเวทีการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องมายาวนานสม่ำเสมอ ความสำเร็จอยู่ที่การจัดการที่ทุกคนมีส่วนร่วม มีบทบาทในการเป็นผู้นำกองทุน ผู้จัดการกองทุนร่วมกัน จะเรียกว่าทุกคนในชุมชนล้วนมีบทบาทก็ไม่ผิดนัก การให้ทุกคนมีบทบาทในการบริหารจัดการ เรียนรู้ความรับผิดชอบ ความเสียสละ การทำงานเพื่อส่วนรวม นอกนั้น ทุกคนได้เรียนรู้ถึงการจัดการในรูปแบบต่างๆ
การเรียนรู้เกิดขึ้นเมื่อมีการประชุมการออมทรัพย์ประจำเดือน การประชุมร่วมกันของผู้นำกองทุนทั้งหมด การประชุมกองทุนย่อยของแต่ละกองทุน ซึ่งมีการทำรายละเอียดทุกอย่าง จนกองทุนแต่ละกองทุนสามารถมีเงินเหลือจากการจัดการที่มีประสิทธิภาพ และกลายเป็นเงินที่นำไปก่อให้เกิดกองทุนอื่นๆ
จากกิจกรรมที่หลากหลายรูปแบบและความโดดเด่นของการจัดการกองทุนสวัสดิการ ชุมชนบ้านนาหว้าจึงกลายเป็นแหล่งเรียนรู้เรื่องสำคัญสำหรับชุมชนจากทั่วประเทศ มีองค์กรและกลุ่มบุคคลจากที่ต่างๆ เข้ามาศึกษาดูงาน เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์อยู่เสมอ ซึ่งก็เป็นโอกาสสำคัญอีกโอกาสหนึ่งของการเรียนรู้ของชุมชนนาหว้าเอง
เรียบเรียงจาก รายงานการวิจัย เรื่อง การปฏิรูปและบูรณาการการศึกษา : แนวคิดและประสบการณ์ของโรงเรียนและชุมชนบางแห่งในประเทศไทย โดย รศ.ดร.เสรี พงศ์พิศ และคณะ
*****ที่มาของข้อมูล............ http://www.ru.ac.th/tambon/mooban/bannavar.htm
ภาควิเคราะห์
จากการวิเคราะห์ข้อมูลเบื้องต้นของการปฏิรูปและบูรณาการการศึกษา : แนวคิดและประสบการณ์ของโรงเรียนและชุมชนบางแห่งในประเทศไทย กรณีศึกษาชุมชนบ้านนาหว้าตำบลนาหว้า อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา ทำให้พอที่จะทราบได้ว่าการที่ชุมชนแห่งนี้ทั้ง 12 หมู่บ้านเข้มแข็งขึ้นได้นั้นมีที่มาจากปัจจัยหนึ่งที่สำคัญคือ การมีผู้นำที่เข้มแข็ง(นายเคล้า แก้วเพชร)ซึ่งถือเป็นหัวสมองหลักของชุมชนอันนำพานวัตกรรมการบริหารจัดการภายในมาใช้อย่างมีประสิทธิภาพ-ประสิทธิผล นายเคล้า แก้วเพชรเป็นผู้นำที่นำกระบวนการเรียนรู้และการจัดการสร้างรูปแบบขององค์กรเครือข่ายชาวบ้านในชุมชนนาหว้า ให้มีระบบสวัสดิการเพื่อการตนเองในด้านต่างๆ ในรูปแบบ “กองทุนสวัสดิการ” และด้วยรูปแบบที่ท่านนำระบบกองทุนสวัสดิการมาใช้จัดการภายในหมู่บ้านนี่เองจึงถือเป็นนวัตกรรมที่เป็นต้นแบบให้หลายๆหมู่บ้านในประเทศไทยปฏิบัติตาม-เลียนแบบ จนเป็นที่ประจักษ์ถึงความสำเร็จหลายหมู่บ้านแล้ว อาทิ กลุ่มออมทรัพย์ สวัสดิการกองทุนหมุนเวียน กองทุนวัว กองทุนรวมน้ำยาง กองทุนโรงสีข้าว กองทุนโต๊ะ/เต็นท์/เก้าอี้/ชุดเครื่องครัว กองทุนชุดน้ำสังข์แต่งงาน กองทุนค่ารักษาพยาบาล ซึ่งถือเป็นการเสริมสร้างศักยภาพให้ชุมชนเข็มแข็งด้วยตัวเอง พึ่งพาตนเองได้ในแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง เมื่อจัดการตนเองให้ไม่เดือดร้อนแล้วจึงสามารถมีเวลาไปช่วยเหลือเพื่อนๆคนอื่นภายในชุมชนได้ เป็นต้น อนึ่ง การเรียนรู้เพื่อพึ่งพาตนเองของชุมชนบ้านนาหว้าเป็น “ชุมชนเรียนรู้” ที่ใช้การออมทรัพย์และการจัดการกองทุนต่างๆ เป็นเวทีการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องมายาวนานสม่ำเสมอ การให้ทุกคนมีบทบาทในการบริหารจัดการ เรียนรู้ความรับผิดชอบ ความเสียสละ การทำงานเพื่อส่วนรวม นอกนั้นทุกคนในชุมชนยังได้ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันอีกด้วย ชุมชนบ้านนาหว้าจึงกลายเป็นแหล่งเรียนรู้เรื่องสำคัญสำหรับชุมชนจากทั่วประเทศ มีองค์กรและกลุ่มบุคคลจากที่ต่างๆ เข้ามาศึกษาดูงาน เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์อยู่เสมอ
ไม่มีความเห็น