วัฒนธรรมการกอด

You can't wrap love in a box, but you can wrap a person in a hug.

วัฒนธรรมฝรั่งอย่างหนึ่ง ที่มักจะสร้างความเขินอาย... ไม่แน่ใจ... ขยะแขยง... กล้าๆกลัวๆ... สยิวกิ๊ว... สยึ๋มกึ๋ย... สยอง... และอื่นๆ ให้กับคนไทย ก็คือ วัฒนธรรมการกอด

 

นั่นอาจจะเป็นเพราะว่า ไทยเราไม่ค่อยจะกอดกันเท่าไหร่ แม้จะในครอบครัวของเราเอง  แล้วยิ่งระหว่างเพื่อนกันแล้ว โดยเฉพาะการกอดกันระหว่างเพศตรงข้ามด้วยนี่  โน! เลย... อย่ามาแตะต้องซะให้ยาก (จะมีก็แต่ในกลุ่มเพื่อนผู้หญิงแหละค่ะ ที่กอดกัน เดินจูงมือกัน เป็นเรื่องปกติ) 

 ฝรั่งกอดกัน เพราะถือว่า "การกอด" เป็นยาบำบัดโรคขนานเอก ไม่ว่าจะเป็นการป่วยทางร่างกายหรือจิตใจ เพราะจะช่วยให้อาการเจ็บป่วยนั้นบรรเทาลง  นั่นคือ เมื่อมีคนมากอดหรือสัมผัสเรา ไม่ว่าจะเป็น พ่อ แม่ เพื่อนๆ  ลูกเรา คนที่เรารู้จัก หรือคนรัก สุขภาวะของจิตใจเราจะอยู่ในสภาวะ euphoria  สมองจะหลั่งสาร endrophin ซึ่งเป็น biological opioid ที่ทำให้ร่างกายสดชื่นและลดความเจ็บปวดต่างๆลงได้  เด็กๆ ที่เห็นพ่อแม่กอดกันบ่อยๆ จะมีความเข้มแข็งทางจิตใจ (ทำให้ไม่มีปัญหาการขาดความอบอุ่น) เค้าจะไม่งอแง แม้จะตอนที่เขาไม่รู้ความ  หรือเรื่องราวที่ระหองระแหงกันอยู่ ก็สามารถแก้ไขได้อย่างรวดเร็วเมื่อได้กอดกัน

 ฝรั่งจึงกอดกันบ่อย  ไม่ว่าจะกอดกันตอนเช้าก่อนออกไปทำงาน ไปโรงเรียน  กอดเมื่อพบเจอหน้ากัน  กอดเมื่อจากลา  กอดแสดงความยินดีในวันเกิด วันที่ได้คะแนนดีดี  วันที่ได้เลื่อนตำแหน่ง วันแต่งงาน และอื่นๆ  กอดเมื่อต้องการให้กำลังใจ (อาจจะมีตบหลังเบาๆ ด้วย ... อย่าแรงค่ะ เดี๋ยวจุก และคนโดนกอดจะหาว่าเราไม่จริงใจกับการกอดนั้น ...ซวยอีก) และกอดเมื่อต้องการกำลังใจ

 

แล้วฝรั่งก็กอดไม่เลือกเพศด้วยค่ะ เพราะตอนกอดนั้น เค้ากอดจริงๆ ไม่ได้คิดอะไร (มีแต่คนไทยแหละค่ะ ที่คิดมากไปเอง หุ หุ) ... และเพราะเราอยู่กันคนละวัฒนธรรม จึงไม่เข้าใจ  ฝรั่งเดินตรงมาจะกอด เราก็ถอยหนี ... ฝรั่งก็ยิ่งรีบเดินมาจะกอดให้ได้ เราก็ยิ่งถอยเร็วขึ้น ... บางทีหนีไม่ทัน โดนฝรั่งกอดแน่นๆ เราก็มักจะทำหน้าบอกบุญไม่รับกัน เพราะว่า เรา (มัวแต่) คิดว่า ...ไอ้นี่มันจะมาไม้ไหน จะทำอะไรเราเนี่ย ...บางทีก็คิดไปไกลถึงขั้นว่า เอ..ไอ้เจ้าฝรั่งหัวแดงนี่มันดูถูกเรารึเป่าเนี่ย

จุ๊ จุ๊ จุ๊ ... กรุณารักษามารยาทกันหน่อยจ้า คนไทยเจ้าขา...

ฝรั่งทำท่าขอกอดต้องให้เค้ากอดนะคะ ตามมารยาทที่ดี

... เพราะถ้าไม่ให้กอด เค้าจะงง ว่า เราเป็นอะไร ทำไม..รังเกียจเค้าเหรอ  (มีวันนึงในชั้นเรียนป.โท เมื่อมีการ discuss ถึงวัฒนธรรมที่แตกต่างกันระหว่างเชื้อชาติ แล้วเราคนไทยก็ยกหัวข้อนี้ขึ้นมาพูด เพื่อนฝรั่งผู้ชาย บางคนของแอมมี่ก็สงสัยนะคะ ว่าไอ้การกอดกันนี่ มันน่ารังเกียจตรงไหนเหรอ???  เค้าไม่เข้าใจว่าทำไมคนไทยไม่กอดกันเลย??? ..เป็นไปได้ไง??? แล้วยูอยู่กันได้อย่างไร???  ตอบไม่ทันกันเลยค่ะ ...แต่ก็น่างง จริงๆด้วย) 

สรุปว่าข้อดีของการกอดคือ

.. การกอด ทำให้ ความสัมพันธ์ยั่งยืน ..
.. การกอด ทำให้ มีความสุข และเป็นการแบ่งปันความสุข ..
.. การกอด ทำให้ จิตใจเข้มแข็ง ..
.. การกอด ทำให้ เรื่องร้าย กลายเป็นดี ..
.. การกอด ทำให้ คนอื่นอิจฉา .. .. และอยากกอดมั่ง ..

 

เอาหละ เรามาเริ่มต้นกอดกันดีกว่าค่ะ

 

 

 

ศัพท์และประโยคที่เกี่ยวกับการกอด

hug (n.)            กอด (ทีเดียว)

hugs                 กอด (หลายที)

bear hug          อ้าแขนกว้างๆ โอบ แล้วกอดแน่นๆ (เหมือนหมีกอด กอดหมี)

group hug        กอดกันเป็นกลุ่ม (อบอุ่นดี)

hug me, please   ช่วยกอดฉันหน่อยนะจ๊ะ

I need a hug       อยากได้กอด (มากอดฉันหน่อย)

give me a hug     ช่วยกอดฉันหน่อยนะ

give me a big hug   ช่วยกอดฉันแน่นๆ หน่อย

give me another hug   กอดอีก ๆ (โลภจริงๆ)

Can I have a hug?        ขอกอดหน่อยได้มั๊ยจ๊ะ

Give that person a big hug    ช่วยกอดคนนั้นแน่นๆ หน่อย

Want a hug?            อยากให้กอดมั๊ย

I feel left out. I haven't got a hug yet.  รู้สึกเหมือนโดนทอดทิ้ง  ไม่มีใครกอดฉันเล๊ย

I wanna hug  (แสลง มาจาก I want a hug)  อยากได้กอดจัง หรืออยากกอดก็ได้ค่ะ

I wanna hug you tight.                   ฉันอยากกอดเธอแน่นๆ

I have got too many hugs lately.   ช่วงนี้มีแต่คนมากอดมากมาย

You suppose to give her a hug.      คุณควรไปกอดเธอหน่อยนะ

เอาไว้ฝึกพูดกันนะคะ ^^

 

[small man]

      การกอด คือ การสื่อสารที่แสดงถึงความรัก ความห่วงใยได้เป็นอย่างดีครับ 

       ช่วงหลังๆ มานี้  ผมทดลองกอดช่วงเวลาจะจากกัน  เป็นความรู้สึกที่ดีมากครับ

       ผมกอดผู้ชายด้วยกันได้อย่างสนิทใจครับ   แต่ผู้หญิง ผมได้ทดลองกอดดูบ้าง  ก็ดีครับ   (ผมใช้วิธีกอดหลวมๆครับ) 

[dr-ammy]

ดีจังค่ะ คุณ small man ถ้าเราเจตนาดี เค้าก็น่าจะรับรู้ได้นะคะ

[ยายธี]

การกอด..ฝรั่งก็ไม่ได้ใช้กันพร่ำเพรื่อ..กอดไม่ถูกกาละเทศะ..ก็อาจจะถูกมองอย่างติเตียน...หรืออาจจะสัมผัสได้จากไปกอดเขาแล้วเขาไม่อยากให้กอดน่ะ..ตัวอย่างเช่น..ภรรยาท่านประธานาธิปบดี..กอดกษัตริย์หญิงเมื่อถูกแนะนำ..ก็เป็นข่าวที่ได้ยินได้ฟังกันในยุโรป..คนไทยใช้การประนมมือไหว้เมื่อพบปะทักทาย..ถือเป็นมารยาทอันดีงามมาแต่โบราณ..เดี๋ยวนี้ฝรั่งยกมือไหว้กันให้เห็น...วัฒนธรรมเป็นสิ่งสืบทอด..การกระทำขึ้นกับเวลาและสิ่งแวดล้อม..เป็นความคิดของยายธีค่ะ

[dr-ammy]

ใช่ค่ะ คุณยายธี

จะทำความรู้จักคนชาติไหนๆนั้น แอมมี่เชื่อว่า เราจำเป็นที่จะต้องเข้าใจถึงวัฒนธรรมของชาตินั้นๆ ด้วย

ฝรั่งมาเมืองไทย เค้าก็ต้องเรียนรู้ที่จะไหว้และพูดคำว่าสวัสดี คนไทยไปญี่ปุ่น ก็ต้องรู้จักวิธีโค้งคำนับให้ถูกต้อง และพูดทักทายให้ตรงเวลา เวลาไปฝรั่งเศสก็ต้องกอดและเอาแก้มแนบซ้ายขวา และพูดว่า บองชูว์ ไปอังกฤษและอเมริกาก็ต้อง shake hand กระชับมั่น ตามองตา

ก็เหมือนวัฒนธรรมการกอดค่ะ เราก็ต้องเรียนรู้และพยายามเข้าใจ และก็ต้องถูกกาละเทศะเหมือนที่คุณยายธีแนะนำไว้ด้วย

ขอบคุณมากค่ะ ที่มาแบ่งปัน ^^

[ลีลาวดี]

 ค่ะ อยากกอดแสดงความยินดี หรือความรัก กับทุกคน แต่ความคิดของคนทั่วไปยังไม่เปิดกว้างพอ จะเข้าใจเราผิด เลยไม่ค่อยกล้ากับคนทั่วไปค่ะ

[dr-ammy]

เริ่มต้นจากคนในครอบครัวก่อนก็ได้ค่ะ คุณลีลาวดี

แอมมี่ว่า บางทีคนเราก็ลืม กอดให้กำลังใจกันนะคะ

กอดสร้างพลังได้ดีมากๆค่ะ แอมมี่ไปลองใช้หลายงานสัมนา team building แล้วค่ะ ได้ผลดีมาก (เสียน้ำตากันไปหลายหยดด้วย + ดึงพลังความสามัคคีได้อย่างเหนียวแน่นอีกต่างหากค่ะ)

[นงนาท สนธิสุวรรณ]

" Can I have a hug ?....ขอป้ากอดหน่อยจ้า.."

ป้าใหญ่ใช้บ่อยมากค่ะเมื่อพบหลานๆ...

[dr-ammy]

Let me give you a hug ขอกอดป้านงนาททีนึงได้มั๊ยคะ ^^

คุณป้าใจดี จัดกิจกรรมดีดีสร้างสรรค์สังคมมากมาย คนใจดีจึงน่ากอดกว่า

เพื่อนๆ เห็นด้วยมั๊ยคะ