ทบทวนสัปดาห์ที่ผ่านมา (20 – 26 มิถุนายน 2552) มีเรื่องที่ผ่านเข้ามาในชีวิต และตัวเราก็ได้นำตัวเองผ่านเข้าไปในเรื่องนั้น ๆ ด้วยเช่นกัน… เพียงช่วงสั้น ๆ มีมากมายหลายเรื่อง… วันนี้ขอนำเสนอเรื่องการได้กราบนมัสการพระธรรมทูตท่านหนึ่ง และการได้ฟังบรรยายธรรมโดยท่านภิกษุณีธัมมนันทา
ผู้เขียนได้ไปกราบนมัสการพระธรรมทูตท่านหนึ่ง ซึ่งท่านได้เดินทางไปเผยแพร่ศาสนาพุทธในทวีปยุโรปหลายประเทศด้วยกันเป็นระยะเวลาปีกว่า ท่านได้กรุณามอบไฟล์ภาพวัดไทยในต่างประเทศให้มาลงใน G2K
ท่านมีเรื่องเล่าประสบการณ์มากมาย แต่วันที่เดินทางไปกราบนมัสการ ท่านยังไม่พร้อมที่จะเล่า เนื่องจากเพิ่งเดินทางมาถึงประเทศไทยได้ไม่กี่วัน ยังปรับสภาพความเป็นอยู่คือไม่ได้
แต่มีอยู่คำหนึ่งที่ท่านกล่าวว่าท่านพบเห็นความแปลกใหม่ประหลาดใจมากมาย เห็นความไม่แน่นอน ความไม่เที่ยง…มาถึงที่นี่กลับพบแต่ความเที่ยง…(สภาพวัดไม่เปลี่ยนแปลง รกรุงรังและเต็มไปด้วยฝุ่นเช่นเดิม….มุก)
นอกจากนี้ ท่านยังกล่าวว่าท่านเข้ามาแวะเยี่ยมบล๊อกของผู้เขียนแล้ว…และให้แรงบันดาลใจแก่ผู้เขียนให้ทำสิ่งต่าง ๆ มากมาย (ขออุบไว้)
เมื่อใดก็ตามที่ผู้เขียนมาที่วัดแห่งนี้ สิ่งที่ผู้เขียนสัมผัสได้เต็มหัวใจคือความเท่าเทียมกันของความเป็นมนุษย์
ไม่ว่าเราจะเป็นใครมาจากไหน…เราได้พบกับความอ่อนน้อมถ่อมตน…ไหว้ศิษย์วัดผู้อาวุโส…ไหว้ทุก ๆ คนที่อาศัยวัดแห่งนี้…โดยไม่คำนึงถึงฐานะ ศักดินา…เราได้ทานข้าวก้นบาตรของท่าน…
ความเท่าเทียมกันนี้ยังไม่รวมไปถึงสิ่งที่เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วคือการพลัดพราก…ซึ่งทำให้หลายคนที่ไม่เคยได้ไปวัดมาก่อนก็ได้ไป แต่ผู้เขียนไปทุกครั้งที่มีโอกาส…ไปโดยไม่ต้องมีวันสำคัญ…ไปเพื่อไปเดินรอบ ๆ วัด…
อีกสองวันต่อมา ผู้เขียนก็ได้ไปฟังธรรมบรรยายของท่านภิกษุณีธัมมนันทา
ระหว่างที่ท่านนั่งรอที่จะบรรยายธรรม ผู้เขียนก็เข้าไปแนะนำตัว ท่านจดจำได้…คำกล่าวของท่านสั้น ๆ ที่มีต่อผู้เขียนทำให้รู้สึกอิ่มเอม
ท่านกล่าวว่า “ตั้งใจอะไรก็ให้ทำ อย่าเพียงแค่อยาก”
หลังจากท่านบรรยายธรรมเรื่อง “กฎแห่งกรรม” จบลง มีบางคนมาบ่นให้ผู้เขียนฟังว่าทำไมท่านให้ผู้ฟังบรรยายธรรมถามคำถามเป็นหลัก แทนที่ท่านจะบรรยายธรรมยาว ๆ เหมือนพระท่านอื่น ๆ
ผู้เขียนก็ตอบสั้น ๆ ว่า “ธรรมอยู่ที่ใจแต่ละคน ไม่ได้อยู่ที่คำพูด”
หลังจากโอกาสดีงามที่ได้กราบนมัสการพระทั้งสองรูป ผู้เขียนได้พบคำสำคัญจากจิตที่สอนธรรม
"อย่ารักเฉพาะคนดี อย่ามีอคติกับคนชั่ว"
เราควรรักและมีเมตตาต่อทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน
ด้วยจิตที่เป็นกลาง แต่อาจจะปฏิบัติต่อกันและกันไม่เหมือนกัน
เพราะความแตกต่างของศีลและปัญญา
--------------------------------
ผู้เขียนได้ปรับวิธีการนำเสนอบันทึกใหม่โดยบางบันทึกจะใส่เพลงบรรเลงประกอบ เพื่อประโยชน์ในการทำให้กัลยาณมิตรที่แวะมาเยี่ยมเยียนได้รู้สึกผ่อนคลายค่ะ (การเยียวยาอารมณ์ความรู้สึกที่หนักอึ้งจากการงานด้วยเสียงเพลง)
เพลงที่เลือกมาจะเป็นเพลงที่ให้ความรู้สึกปลดปล่อยและเป็นอิสระ มีความสอดคล้องกับเนื้อหาที่นำเสนอเป็นหลักค่ะ
ขอบพระคุณทุกท่านที่แวะมาเยือนค่ะ
พี่ศิลาคะ สวยจังเลยคะ....
วันนี้พี่เดียว สุนันทาโทรมาหาก้อย พูดถึงพี่ศิลาด้วยบอกว่าได้คุยโทรศัพท์กับพี่ศิลา น่ารักมาก เสียงเพราะด้วย...ก้อยชักอยากได้ยินเสียงพี่ศิลาบ้างแล้วสิค่ะ อิอิ
ด้วยความระลึกถึงนะคะ
พี่ศิลาคะ สวยจังเลยคะ....
หมายถึงวัดไทยที่มีหิมะปกคลุมใช่ไหมคะ
พี่ศิลาก็เห็นว่าสวยมากเลยค่ะ ก็เลยอยากนำมาให้ผู้อ่านได้ชมกันค่ะ
เสียงพี่ศิลาเพราะหรือคะ ... ทำไมพี่สุนันทาไม่บอกพี่ศิลาเลยนะ เสียดาย...อิอิ
ขอบพระคุณพี่สุนันทาที่ชมและน้องก้อยที่ชมตามด้วยค่ะ
สวัสดีค่ะพี่ศิลา
ตั้งใจอะไรก็ให้ทำ อย่าเพียงแค่อยาก”
"อย่ารักเฉพาะคนดี อย่ามีอคติกับคนชั่ว" เราควรรักและมีเมตตาต่อทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน ด้วยจิตที่เป็นกลาง แต่อาจจะปฏิบัติต่อกันและกันไม่เหมือนกัน เพราะความแตกต่างของศีลและปัญญา
"อย่ารักเฉพาะคนดี อย่ามีอคติกับคนชั่ว"
ขอบคุณค่ะพี่ศิลา ...
สุขกายสบายใจนะคะ ^_^
ไม่เคยเห็นวัดไทยที่มีหิมะขาว ๆ ปกคลุมเลยอ่ะ
สวยมาก ๆ เลยค่ะ ความหมายในบันทึกนี้ก็มากล้น
เพลงก็ไพเราะ ขอบคุณนะคะ
สวัสดีครับ
เห็นด้วยกับคำว่าธรรมะอยู่ที่ใจไม่ใช่คำพูดครับ
ยินดีมากที่พี่ได้นำประสบการณ์ทางธรรมกับการถ่ายทอดจากผู้รู้ทั้งสองท่านครับ
ผมเคยได้ยินชื่อของท่านภิกษุณีธัมมนันทามาบ้างเหมือนกันครับ
ท่านมีความเพียรสูงมากครับจากการศึกษาประวัติของท่าน
ผมมีความรู้สึกว่าวัดไทยแลเด่นเป็นสง่ามาก
และแลเหมือนไม่ถูกหิมะปกคลุมครับ
เหมือนแลหิมะจะมาแสดงความอ่อนน้อมครับ..ผมรู้สึกเองน่ะครับ
สวัสดีครับอาจารย์ .."อย่ารักเฉพาะคนดี อย่ามีอคติกับคนชั่ว"..ผมเองมักเป็นบ่อยๆ อคตินี้มาเร็วมากเลย..ก็พยายามตั้งสติ..พยายามใช้เมตตาแต่สำหรับบางกรณีก็ต้อง อุเบกขา ครับ อย่างที่อาจารย์บอกว่า เพราะความแตกต่างของศีลและปัญญา ขอบพระคุณครับ
สวัสดีค่ะคุณศิลา
แวะมาบอกว่า ชอบบันทึกนี้ค่ะ เพราะกระชับสั้นและตรงจริต ....
อ่านตั้งหลายครั้ง แต่ยังไม่สุกงอมพอที่จะคอมเม้นท์ค่ะ ต้องขออภ้ย ไม่ชอบทำอะไรทั้งที่ย้งไม่พร้อมค่ะ...วันนี้มาอ่านอีก คิดว่าอยากคุยก็เลยคอมเม้นท์ไว้ค่ะ...5555... ตามใจตัวเองซะ...!!!!
ชอบตรงนี้มาก ๆ ค่ะ... “ตั้งใจอะไรก็ให้ทำ อย่าเพียงแค่อยาก”
ส่วนเรื่องให้รักทุกคนนั้น ยอมรับอย่างจริงใจว่ายังทำไม่ได้ค่ะ...แม้จะเข้าใจและเห็นด้วยว่า เขาเป็นเช่นนี้อย่างนั้นเพราะศีลและปัญญาต่างกันไป...
อย่างมากที่ทำได้ตอนนี้คือ ไม่อาฆาต ผูกใจเจ็บ และไม่โกรธค่ะ แต่ยัง...รักไม่ได้...
คงต้องรอให้ใจสูง ธรรมะแก่กล้าขึ้นอีกหน่อย
ขอบคุณข้อคิดดี ๆ และทรงพลังค่ะ
(6___^)
เอาดอกราชาวดีสีเหลืองมามอบตอบแทนไมตรีครับ อยู่ไหม...มารับไปด้วยครับ
ราชาวดี สีม่วง
ราชาวดี สีขาว
ราชาวดี สีเหลือง
ราชาวดี มี 3 สีครับ เอามาฝากคุณแล้ว
สวัสดีค่ะ
แวะมาทักทายด้วยความระลึกถึงและอ่านคำตอบที่...ถุกใจ ค่ะ
ขอบคุณข้อคิด เตือนใจดี ๆ ที่มีให้เสมอมานะคะ
รักษาสุขภาพด้วยนะคะ
งานเยอะ ต้องรักษาจิตให้แข็งแรงค่ะ
ชอบเพลงนี้จังเลย
(^___^)
สวัสดีค่ะ
* แวะมารับธรรมะดีๆ ค่ะ
* สุขกายสุขใจนะคะ
สวัสดีค่ะ คุณSila Phu Chaya
"อย่ารักเฉพาะคนดี อย่ามีอคติกับคนชั่ว"
เราควรรักและมีเมตตาต่อทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน
ด้วยจิตที่เป็นกลาง แต่อาจจะปฏิบัติต่อกันและกันไม่เหมือนกัน
เพราะความแตกต่างของศีลและปัญญา
สวัสดี ครับ คุณ sila
ผมชอบบันทึก แห่งความเท่าเทียมกัน บันทึกนี้
และที่สำคัญ คือ สิ่งที่ได้มากกว่าความเท่าเทียมกัน คือ ธรรม ที่รับไว้
จะนำไปปฏิบัติ เพื่อให้เห็นถึงความแตกต่าง จะไม่เลือกรักใคร เพราะดี หรือชั่ว
แต่จะน้อมนำธรรมที่ได้อ่านจากบันทึกนี้ ไปใช้ตามกำลังและสติปัญญาที่ตัวเองมีอยู่....
ขอบคุณ จริง ๆ
สวัสดีครับSila Phu-Chaya
คำง่ายๆ เช่นนี้"อย่ารักเฉพาะคนดี อย่ามีอคติกับคนชั่ว"
พูดง่าย แต่ทำยาก
เที่ยงนี้ ถึงไม่อยู่ก็ไม่เป็นไร
ยกมาตั้งไว้ให้...แทนความระลึกถึง
ทานเมื่อหิว ครับ คุณ sila
ข้าวยำปักษ์ใต้
แวะมาชมวัดหิมะ พระธรรมทูตท่านเดินทางไปสวิสเซอร์แลนด์แล้ว
มาชม
มาเชียร์
เห็น...
วัดมีหิมะปกคลุม...
ได้แง่คิดว่า...อาจจะผิดก็ได้หนา...คือ.
การสร้างหลังคาวัดนั้นเหมาะสำหรับภูมิภาคอย่างประเทศไทย
เหมือนกับอยู่เมืองไทยใช้ของแบบไทย ๆ
อยู่ในเมืองหิมะตกคงใช้สิ่งของอย่างในเมืองนั้น ๆ
เป็นห่วงว่าหลังคารับน้ำหนักหิมะไม่ไหว...
จะพังลงมาสักวันแล้วผู้อาศัยอยู่ข้างในจะเดือดร้อน...