เมื่อติดตามไปเยี่ยมบ้านนักเรียน


กำลังใจ กำลังสติปัญญา

เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาได้มีโอกาสได้ติดตามคณะกรรมการพร้อมด้วยหน่วยงานและองค์กรต่าง ๆ ในจังหวัดได้ไปเยี่ยมบ้านนักเรียน  เริ่มทำใจได้มากแล้วว่าจะพบเจอปัญหาอะไร  นึกในใจว่าอย่าเจอปัญหาหนัก ๆ เลย  วันนี้มีกำหนดเยี่ยมบ้านนักเรียน 5 คน   เมื่อทุกคนมาพร้อมแล้วก็เดินทางไปพบคุณครูประจำชั้นเพื่อจะพาคณะเราไปยังบ้านนักเรียนที่เลือกไว้  บ้านหลังแรกมอง ๆ ครั้งแรกนึกว่าสถานที่ทำงานของครอบครัวเพราะภาพที่เห็นเป็นโรง โล่ง ๆ โปร่ง ๆ แบ่งกั้นเป็นห้องนอนเล็ก ๆ สายตาเหลือบเห็นห้องน้ำที่แอบหลบ  มุมหนึ่งของโรง (ขออนุญาตเรียกบ้านโรง) สอบถามผู้ปกครองในฐานะพ่อที่เมียเลิกไปแล้ว ซึ่งเป็นฝ่ายเลี้ยงดูลูกสาว แต่พ่อก็มีภรรยาใหม่แล้วมีลูกด้วยกันอีก ที่พักนี้ก็ไม่ใช่เป็นของตนเองอาศัยเขาอยู่  รายได้มาจากการรับจ้างทั่วไป คณะที่มาเยี่ยมเยียนสอบถามปัญหาต่าง ๆ พร้อมทั้งให้กำลังใจนักเรียนหากนักเรียนมีปัญหาอะไรก็ให้รีบบอกคุณครูที่ปรึกษาก่อนเป็นอันดับแรก  นึกสงสัยในใจแต่ไม่กล้าถามเชิงลึกว่านักเรียนมีความสุขมั๊ยน่า..กับสภาพครอบครัวที่เลือกไม่ได้เช่นนี้  แล้วอย่างนี้จะมีกำลังใจ กำลังสติปัญญาในการมานั่งเรียน  ...มาอีกบ้าน ครอบครัวนี้หายใจโล่งหน่อยเพราะสภาพบ้านชั้นเดียว หลังเล็ก ๆ ข้อมูลจากครูที่ปรึกษาบอกว่าเป็นลูกชายคนเดียวแม่เป็นมะเร็งตาย อยู่กับพ่อมีอาชีพเป็นยาม ขณะมาถึงบ้านน้องนักเรียนพ่อไม่อยู่บ้าน นักเรียนคนนี้ไม่ไปโรงเรียนมา 2-3 วันแล้ว เพราะตาอักเสบ แดง ๆ  แต่ที่มองเห็นด้วยตาเปล่าของเราเห็นว่าตาช้ำ ๆ เหมือนร้องไห้ใหม่ ๆ นั่นแหละ  น่าตายิ้มแย้มแจ่มใส่ ยังไม่ได้ถามรายละเอียดพ่อนักเรียนก็มาถึงบ้าน พ่อมีบุคลิกร่าเริงแจ่มใจ คุยสนุก มองปัญหาเป็นเชิงบวก บ้านที่อยู่อาศัยก็เป็นของตนเองที่ซื้อไว้นานแล้วก่อนภรรยาเสีย บ้านหลังนี้จึงเป็นการมาเสริมแรงให้กำลังใจต่อสู้ต่อไปเพราะน้องนักเรียนอยู่ ม.ปลายแล้ว.......บ้านหลังที่สามสุดรันทด อยู่กันสามคนพี่น้องเล็ก ๆ ตาอยู่บ้านติดกันนั้นพิการ  น้อง ๆ นักเรียนทั้งสามคนอาศัยบ้านหลังเล็ก ๆ ที่มองดูแล้วไม่น่าจะเรียกว่าบ้าน เพราะมีสภาพไม่แข็งแรง หลังคามุงแฝกผุ ๆ พี่คนโตมีจักรยานเก่า ๆ ขี่ไปโรงเรียน ตาให้เลี้ยงไก่ไข่ไว้หลังบ้าน เพื่อไว้เก็บไข่กิน สอบถามตาบอกว่า แม่เด็ก ๆ เลิกกับพ่อทิ้งให้ทั้งสามพี่น้องอยู่กับตา ไม่มีรายได้ อาศัยญาติ ๆ หยิบยื่นบ้างเล็กน้อย นาน  ๆ ครั้ง พ่อมาเยี่ยมบ้าง  แม่ก็หายไปนาน....  บ้านหลังต่อมานักเรียนไปซื้อรองเท้ากับญาติ อยู่แต่แม่ให้ข้อมูล บอกเราว่าลูกป่วยเป็นโรคเบาหวาน (ทั้ง ๆ ที่เด็กยังอยู่ ม.ต้น) มีปัญหาในการหาเงินรักษาตัว พ่อเป็นกรรมกรรับจ้างงานก่อสร้าง  แม่ไม่มีรายได้อะไรเพราะต้องคอยรับส่งลูกไปโรงเรียน ฐานะก็ยากจน  แต่มอง ๆ สภาพบ้านทั่วไปแล้วก็ทรุดโทรมมาก   ส่วนบ้านหลังสุดท้ายเป็นครอบครัวที่อยู่กันพร้อมพ่อแม่ลูก มีอาชีพรับจ้างทำอิฐแดง มองดูแล้วเป็นงานหนักมาก ๆ เป็นการจ้างเหมาวันไหนทำงานได้มากก็จะได้เงินพอประมาณ เช่นขยันได้ทำได้ประมาณ 4000 ก้อน จะได้เงินประมาณ 4-500 บาท แต่งานจะต้องเสร็จจนกระทั่งส่งถึงเตาเผาก่อนถึงจะคิดว่าสำเร็จ สอบถามพ่อแม่ก็ตอบตรงไปตรงมาว่าการจะทำให้ได้ประมาณนั้นต้องทำติดต่อกันหลายๆ วัน หากวันไหนอากาศไม่ดีมีฟ้าฝนมา ก็เป็นปัญหาเพราะอิฐจะไม่แห้ง ส่วนบ้านพักนั้นดีหน่อยเพราะนายจ้างให้อยู่ฟรีแต่ต้องเสียค่าไฟ ค่าน้ำเอง   มองดูจากการไปเยี่ยมบ้านนักเรียนทั้ง 5 รายนักเรียนทุกคนมีผลการเรียนดีมาก ๆ  แต่มีปัญหาภายในครอบครัว ปัญหาการดำรงชีวิตประจำวัน  ปัญหาการสุขภาพ  สภาพแวดล้อมด้านที่อยู่อาศัย  ปัจจัยเสี่ยงในการใช้ชีวิตในการเดินทางไปโรงเรียน  ปัญหาสุขภาพจิตบ้าง เพราะนักเรียนบางคนเศร้า  เหงาหงอย  เสื่องซึม เหมือนชีวิตไม่มีจุดหมายปลายทาง  อยู่ไปวัน ๆ ตามมีตามเกิด บางรายต้องแบกภาระเหมือนกับผู้ใหญ่  มองแล้วเยาวชนของชาติจะมีกำลังใจในการศึกษาหาความรู้ติดตัวไปใช้ในอนาคตของตนเองได้มากน้อยเพียงใด...ถามว่าเรามีนักเรียนในลักษณะเช่นนี้หรือมากกว่าที่พบอีกเท่าใด  ใครจะเป็นผู้หยิบยืนโอกาสให้เขาได้บ้าง

หมายเลขบันทึก: 270773เขียนเมื่อ 24 มิถุนายน 2009 23:59 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 07:31 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท