จากซิกุนคุนยา ถึงไข้หวัดใหญ่2009 : สถานศึกษาต้องสร้างกระบวนการเรียนรู้


การศึกษาในจังหวัดชายแดนภาคใต้

 

              ได้ติดตามโรคสองชนิดนี้มาโดยตลอดและมีโอกาสเขียนไว้ 2-3 ครั้ง มาวันนี้ได้นำข้อเขียนจาก มติชน (20 มิ.ย.52) ที่ได้อ้างอิงข้อมูลเชิงวิชาการ ซึ่งระบุว่า"ในรอบเกือบ 2 เดือนที่ผ่านมา ทั่วโลกต้องตื่นตระหนกกับการรับมือการระบาดของ "โรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1" ซึ่งเป็นโรคระบาดใหม่เกิดจากการกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1 ที่ต่างไปจากเดิม และมีพันธุกรรม (ดีเอ็นเอ) บางส่วนใกล้เคียงกับไข้หวัดใหญ่ในสุกร

             แต่ล่าสุด มีข้อมูลวิชาการจากนักวิทยาศาสตร์ขององค์การอนามัยโลก (WHO) และนักวิทยาศาสตร์สหรัฐอเมริกา ยืนยันว่าโรคไม่ได้รุนแรงอย่างที่คาดไว้แต่แรก เกี่ยวกับเรื่องนี้ นพ.คำนวณ อึ้งชูศักดิ์ ผู้ทรงคุณวุฒิ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้ข้อมูลว่า ไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 มีความรุนแรงใกล้เคียงกับไวรัสไข้หวัดใหญ่ที่ระบาดตามฤดูกาล โดยเปรียบเทียบได้จากอัตราการป่วยตาย โดยไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 มีอัตราการเสียชีวิตเพียงร้อยละ 0.4 ขณะที่ไวรัสไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล มีอัตราการเสียชีวิต ร้อยละ 0.75-1 ขณะที่โรคไข้หวัดนกมีอัตราการเสียชีวิตร้อยละ 60

           "ทั่วโลกมีผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ปีละ 1,000 ล้านคน เป็นผู้ป่วยที่มาพบแพทย์ 100-200 ล้านคน ในจำนวนนี้มีอาการหนักต้องนอนโรงพยาบาล 3-5 ล้านคน และเสียชีวิตประมาณ 250,000-500,000 คน ขณะที่ประเทศไทยมีผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ ปีละประมาณ 9 แสนราย ในจำนวนนี้มีอาการหนักนอนพักโรงพยาบาล 36,000 คน และมีผู้เสียชีวิต 320 คน โดยผู้เสียชีวิตเกือบทั้งหมดมีโรคประจำตัว เป็นผู้สูงอายุหรือเด็กเล็ก" นพ.คำนวณระบุ

                       

           ขณะที่ นพ.ศุภมิตร ชุณห์สุทธิวัฒน์ ผู้ทรงคุณวุฒิ กรมควบคุมโรค กล่าวว่า ขณะนี้ทีมนักวิชาการ สธ.ได้มีการประมาณการว่าตลอดปี 2552 ไทยจะมีผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ทั้งสายพันธุ์เก่า และสายพันธุ์ใหม่ ราว 1.2 ล้านคน และมีผู้เสียชีวิต 400 คน หรือเพิ่มขึ้น 1.5 เท่า จากเดิมที่มีผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ปีละ 9 แสนคน และเสียชีวิต 320 คน

            "จึงเป็นไปได้ที่ประเทศไทยจะพบผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่เพิ่มมากขึ้น หรือเรียกได้ว่ามีผู้ป่วยทุกจังหวัด และอาจมีผู้เสียชีวิตได้ ซึ่งเป็นไปตามหลักวิชาการ ซึ่งการพบผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้น ไม่ได้หมายความว่าเชื้อไวรัสมีความรุนแรง แต่เป็นเรื่องปกติของโรคระบาดใหม่ที่มนุษย์ไม่มีภูมิต้านทานโรคทำให้ติดเชื้อไวรัสและป่วยได้ง่าย แต่เมื่อได้รับเชื้อแล้วต่อไปก็จะมีภูมิต้านทานต่อเชื้อนั้นๆ และจะไม่ป่วยอีก" นพ.ศุภมิตรกล่าว

                       

               ขณะที่ รศ. (พิเศษ) ทวี โชติพิทยสุนนท์ ผู้ทรงคุณวุฒิ ระดับ 11 กรมการแพทย์ สธ. ให้ข้อมูลว่าประวัติศาสตร์การเกิดโรคระบาดใหม่ในรอบ 100 ปี พบว่าการระบาดของโรคจะกินเวลานานประมาณ 12-13 เดือน หลังจากนั้นจะเข้าสู่สถานการณ์ปกติ หรือกลายเป็นโรคระบาดประจำฤดูกาล ซึ่งในกรณีของไรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 หลังจากระบาดครบ 1 ปี ก็จะกลายเป็นโรคไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ซึ่งในเชิงการแพทย์ วิธีป้องกัน รักษาโรค ใช้มาตรฐานเดียวกัน เพราะลักษณะเหมือนกัน แต่ในเชิงวิชาการ นักวิทยาศาสตร์ ยังต้องเฝ้าระวังโรค เก็บตัวอย่างเชื้อไวรัสอยู่ตลอดเวลา เพื่อจับตาดูพฤติกรรมของไวรัสว่ามีการกลายพันธุ์อีกหรือไม่

           ดังนั้น เพื่อไม่ให้ประชาชนตื่นตระหนก และกังวลว่าจะติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 สธ. จึงได้จัดพิมพ์สมุดปกเขียว คู่มือประชาชน "รู้เท่าทันเพื่อป้องกันไข้หวัดใหญ่ 2009" จำนวน 1 ล้านเล่ม ขนาดเท่าเอ 5 มี 12 หน้า พิมพ์ 4 สี แจกให้ประชาชนทั่วประเทศ เนื้อหาภายในเล่ม ประกอบด้วยข้อมูลลักษณะของโรค การป้องกันโรค การดูแลรักษาสุขภาพ รวมถึงการรักษาในกรณีที่ติดเชื้อ ซึ่งใช้เป็นมาตรการเดียวกับการป้องกัน และรักษาโรคไข้หวัดใหญ่ทั่วไป

คำแนะนำสำหรับนักเรียนและประชาชนทั่วไปในชีวิตประจำวัน มีดังนี้

1.ล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำสบู่ หรือใช้แอลกอฮอล์เจลทำความสะอาดมือ

2.ไม่ใช่สิ่งของร่วมกับผู้อื่น เช่น แก้วน้ำ หลอดดูดน้ำ ช้อนกลาง ผ้าเช็ดมือ ผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดตัว เป็นต้น

3.ไม่ควรคลุกคลีใกล้ชิดกับผู้ป่วยที่มีอาการไข้หวัด

4.ทานอาหารที่มีประโยชน์ เน้นผัก ผลไม้ นม ไข่ ทานอาการปรุงสุกใหม่ๆ และใช้ช้อนกลางทุกครั้งในการทานอาการร่วมกัน นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และออกกำลังกายสม่ำเสมอ

5.ควรหลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่ที่มีผู้คนแออัด และอากาศถ่ายเทไม่ดีเป็นเวลานานโดยไม่จำเป็น

"ใส่หน้ากาก กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ"

     มาตรการป้องกันโรคดังกล่าว สถานศึกษาคงจะต้องให้ความรู้กับคุณครู นักเรียน ผู้ปกครอง อย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ อย่ารอแต่"ปิดโรงเรียนอย่างเดียว"

          เกาะติดสถานการณ์ไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ โลกเริ่มเข้าสู่ภาวะการระบาดใหญ่ของไข้หวัดใหญ่ทั่วโลกแล้ว รายละเอียด ดูได้จากเว็บไซต์ กระทรวงสาธารณสุข  http://www.moph.go.th หรือสำนักโรคติดต่ออุบัติใหม่ กรมควบคุมโรค   http://beid.ddc.moph.go.th/th/index.php?option=com_content&task=view&id=2110271&Itemid=242

          หนังสือด่วนที่สุด สพฐ. ลงวันที่ 12 พฤษภาคม 2552 เรื่องมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิด เอ เอช1 เอ็น1 เรียน ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาทุกเขตพื้นที่การศึกษา data_new/6/files/2009512150651.pdf

            คำแนะนำ สำหรับสถานศึกษา

คำสำคัญ (Tags): #ไข้หวัดใหญ่ 2009
หมายเลขบันทึก: 269545เขียนเมื่อ 20 มิถุนายน 2009 19:56 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 20:56 น. ()สัญญาอนุญาต: ไม่สงวนสิทธิ์ใดๆจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (8)

สวัสดีค่ะ คุณประสิทธิ์

  • ที่โรงเรียนได้มีการรณรงค์ผ่านเสียงตามสายก่อนเข้าแถวเคารพธงชาติ
  • ในห้องเรียน...ก็ได้ให้ความรู้ และการป้องกันตนเองและครอบครัวแบบเบื้องต้น
  • ที่สำคัญ...ครูนกเห็นนักเรียนที่เป็นหวัด...มีการใช้ผ้าปิดจมูก...ถือว่าเป็นมติของการรับผิดชอบต่อสังคม และมีวินัยในตนเองค่ะ  แต่ครูนกก็ติงนร.ที่แอบวัยรุ่นนำผ้าปิดจมูกไปใส่ลวดลายตามจินตนาการ...ว่าไปวาดด้วยน้ำหมึกแบบนั้น...มีอันตรายจากผงน้ำหมึกนะ...ได้ผลค่ะ...เปลี่ยนผ้าเป็นชิ้นใหม่ในทันที

 

  • สวัสดีค่ะ ท่านประสิทธิ์ หนูกุ้ง
  • เป็นเรื่องที่ต้องอาศัยความร่วมไม้ร่วมมือจากทุกฝ่าย
  • ดูแลตนเอง  ใส่ใจผู้อื่น  รักษาสุขภาพกายและจิตให้สมดุล
  • และต้องไม่ลืมนึกถึงการดำเนินการให้.....
  • "สถานศึกษาคงจะต้องให้ความรู้กับคุณครู นักเรียน ผู้ปกครอง อย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ อย่ารอแต่"ปิดโรงเรียนอย่างเดียว"
  • ขอบคุณท่านผอ.คนเก่งกับข้อมูลดีดีค่ะ

ขอบคุณ noktalay และ ครูแป๋ม ครับ ช่วยกันสร้างความรู้ครับ

สวัสดีคะอาจารย์ประสิทธิ์

ขอบคุณนะคะที่ช่วยเผยแพร่เรื่องโรคไข้หวัดใหญ่

เห็นด้วยคะกับการรณรงค์ให้ความรู้กับครูและนักเรียน

ขอบคุณ ประกาย~natachoei ที่~natadee ที่เข้ามาร่วมรณรงค์ครับ

สวัสดีค่ะ อ.ประสิทธิ์

มารายงานตัวค่ะ

อาจารย์หายไปหลายวันนะคะ

โชคดีค่ะ

ขอบคุณครูจิ๋ว ติดภาระหลายวันครับ

เป็นข้อมูลและคำแนะนำที่ดีมาก แต่วิธีภายนอกร่างกายอาจตามไม่ทันเชื้อโรค ดูแลสุขภาพให้แข็งแรงจากภายในน่าจะดีกว่า คำตอบสุดท้ายอาจเพียงแค่รับประทานสมุนไพร "ฟ้าทะลายโจร"คำตอบที่แสนยุ่งยากอาจกลายเป็นง่ายนิดเดียว

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท