Journey in America : Chapter 1 BKK2LA


ภาพแรกเมื่อเครื่องมาถึงน่านฟ้าอเมริกา ก็คือวิวของบ้านเรือนครับ หากคุณมองจากบนฟ้า คุณจะเห็นบ้านเรือน เรียงเป็นตารางอย่างมีระเบียบ เห็นฟรีเวย์ยาวตัดกันเป็นสี่เหลี่ยม ดูยุ่งเหยิงตรงจุดตัดที่มีทางเชื่อมนิดหน่อย การผังเมืองของประเทศพัฒนาแล้วมันต่างกับประเทศกำลังพัฒนาอย่างเราลิบโลก

.....การนั่งเครื่องบินนานๆ มันเป็นความรู้สึกที่แย่มาก และการเดินทางออกนอกประเทศนานๆ ครั้งแรก ผมก็คิดว่าควรจะสวมชุดที่มันสบายๆ ผมเลยใส่เสื้อบอลประเพณีซะเลย (ซึ่งเสื้อตัวนี้จนปัจจุบันผมก็ไม่ได้ใส่อีก เพราะมีความคิดว่าอยากจะใส่มันอีกครั้งในวันที่เรากลับประเทศไทยแบบถาวร) แต่มันก็ยังทำให้ผมอึดอัดกับ 18 ชั่วโมงบนเครื่องอย่างมาก ซึ่งผมคิดว่า ไม่น่าจะมีเสื้อผ้ายี่ห้อไหน ทำให้คุณหลับสบายในชั้นประหยัดของเครื่องบินได้

ด้วยความที่ไม่ค่อยจะได้นั่งเครื่องบ่อย สิ่งที่ผมอยากจะเห็นก็คือ วิว ซึ่งผมก็เลือกริมหน้าต่างเลย เพื่อที่จะได้เห็นเต็มๆ ... จะบอกไว้สำหรับคนที่คิดคล้ายผมว่า อย่าคิดจะดูอะไรเลยครับ คุณจะเห็นแต่ท้องฟ้าเท่านั้น วิวสวยๆ มันก็จะมีแค่ตอนเครื่องขึ้นหรือลงเท่านั้น ไม่คุ้มกับการที่จะต้องลุกขึ้นขอทางคนข้างๆ เพื่อไปห้องน้ำ หรือหยิบอาหารเครื่องดื่มข้ามหัวเขาไปมา ข้อดีสำหรับที่นั่งริมหน้าต่างบางที่นั่ง คือมันจะมีที่ว่างให้คุณอีกนิดหน่อยตรงระหว่างหน้าต่างกับตัวคุณ แต่มันก็ไม่เสมอไปหรอกนะครับ

หกชั่วโมงจากกรุงเทพถึงโอซาก้า ผมก็มีโอกาสยืดเส้นยืดสาย แต่ก็ต้องกลับไปนั่งขดต่ออีก 10-12 ชั่วโมงเพื่อถึงที่หมายนั่นคือ ลอส แองเจลิส

ภาพแรกเมื่อเครื่องมาถึงน่านฟ้าอเมริกา ก็คือวิวของบ้านเรือนครับ หากคุณมองจากบนฟ้า คุณจะเห็นบ้านเรือน เรียงเป็นตารางอย่างมีระเบียบ เห็นฟรีเวย์ยาวตัดกันเป็นสี่เหลี่ยม ดูยุ่งเหยิงตรงจุดตัดที่มีทางเชื่อมนิดหน่อย การผังเมืองของประเทศพัฒนาแล้วมันต่างกับประเทศกำลังพัฒนาอย่างเราลิบโลก แต่ในความมีระเบียบนั้นผมว่ามันขาดไปอย่างหนึ่ง คือชีวิตชีวา บางครั้งความเป็นระเบียบ หรือความเหมือนๆกัน ซ้ำๆกันของอะไรก็ตาม มันทำให้ชีวิตดูน่าเบื่อ เพราะฉะนั้นบางคนจึงมองของที่รกรุงรัง หรือสีสันที่ฉูดฉาดคาดเดาที่มาที่ไปลำบาก เป็นงานศิลปะที่มีคุณค่าได้ แต่สำหรับผังเมืองในแง่ประโยชน์ใช้สอยก็คงต้องมาก่อน โดยเฉพาะประเทศที่ไม่ค่อยจะมีชั้นเชิงทางศิลปะเท่าไหร่

คิดไปเรื่อยเปื่อย เครื่องก็ลงจอดเรียบร้อย ที่สนามบินนานาชาติแห่งลอส แองเจลิส เป็นสนามบินที่วุ่นวายแห่งหนึ่ง เครื่องบินจากทั่วโลกดาหน้ากันลงจอด จนไม่มีที่จอดเชื่อมกับอาคารผู้โดยสาร ทำให้ต้องจอดรอ เราก็รอกันไป เกือบครึ่งชั่วโมงหลังจากลงสู่พื้น ผมถึงได้สูดอากาศแรกของอเมริกา

สนามบินที่นี่จัดว่าทันสมัย แต่เก่า ถ้าคุณลองมาดูจะพบว่ามันเก่าจริงๆ คงเพราะวันๆ นึงมีคนผ่านมาไม่รู้กี่หมื่นกี่แสนคน และแถมยังตลอด 24 ชั่วโมงอีกต่างหาก ผมก็เดินผ่านมาถึงด่านตรวจคนเข้าเมือง น่าแปลกที่เจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่หน้าตาเหมือนชาวเอเชียบ้านเราซะมาก หลายคนยิ้มแย้มแจ่มใส หลายคนพยายามยิ้มแย้มแจ่มใส หลายคนดุเหมือนโดนแฟนขัดใจมา ก็เข้าใจว่างานมันค่อนข้างเครียด ...ผมไม่ต้องสื่อสารอะไรมากนัก เพราะเอกสารผมก็ครบถ้วนดี ...สำหรับคนที่จะผ่านเข้าออกด่านตรวจคนเข้าเมืองที่ไหนก็ตาม คุณจะต้องพบกับคำถามยอดฮิตซึ่งก็เหมือนกับเวลาเราเจอเพื่อนโดยบังเอิญ เราก็จะถามเขาว่า “ไปไหนมา” แต่ทีนี้เป็นเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง เขาก็จะถามคุณว่า “จุดประสงค์ในการมาครั้งนี้คืออะไร” และ "จะอยู่นานแค่ไหน” สองคำถามนี้คุณต้องตอบแน่นอน นอกนั้นก็แล้วแต่ว่าเขาอยากทราบอะไร

ทีนี้พอจากทางออกผู้โดยสารขาเข้า (งงมั๊ยครับ ทางออก ผู้โดยสารขาเข้า) ผมก็ได้พบกับเจ้าของบ้านที่ผมจะไปพักอยู่ และตรงนี้เองก็เป็นการเริ่มต้นชีวิตในต่างประเทศของผม...

เขียนเมื่อ : 11 พฤษภาคม 2548 15:47:01 น. ลอส แองเจลิส

คำสำคัญ (Tags): #บันทึก
หมายเลขบันทึก: 269347เขียนเมื่อ 19 มิถุนายน 2009 22:24 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 07:24 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท