Journey to America : Preface


American Journay เป็นเรื่องที่ผมจะเล่าถึงช่วงเวลาที่อยู่ในอเมริกาครับ ซึ่งถึงปัจจุบันที่เขียนนี่ ก็ยังอยู่ในอเมริกา วิธีที่จะเขียนก็คือจะเขียนไปเรื่อยๆ นะครับ จบเป็นบลอกๆ ไป แต่ก็คงจะได้หลายบลอกอยู่ เพราะมันมีหลายประเด็นมาก

เรื่องที่ผมจะเล่าต่อไปนี้ เป็นเรื่องที่ผมเล่าไปแล้ว เมื่อหลายปีก่อนในช่วงเวลาที่ผมยังอยู่ต่างประเทศ ผมได้บันทึกไว้ในเวบบลอคที่ตอนนี้แทบไม่ได้ใช้งานแล้ว เพื่อกันลืม และเพื่อเล่าให้ใครต่อใครฟัง

ก็เลยอยากจะขอฝากไว้ที่นี่ ซึ่งเป็นอีกที่ที่ผมจะได้มีโอกาสแชร์ให้คนอื่นๆ อ่านกันนะครับ

..............................................................................................................................

American Journay เป็นเรื่องที่ผมจะเล่าถึงช่วงเวลาที่อยู่ในอเมริกาครับ ซึ่งถึงปัจจุบันที่เขียนนี่ ก็ยังอยู่ในอเมริกา วิธีที่จะเขียนก็คือจะเขียนไปเรื่อยๆ นะครับ จบเป็นบลอกๆ ไป แต่ก็คงจะได้หลายบลอกอยู่ เพราะมันมีหลายประเด็นมาก

Preface

ในตอนนี้จะเล่าถึงเหตุและผลในการไป เมื่อ 5 ปีก่อน ไม่ต้อง 5 ปีก่อนหรอก ในศตวรรษนี้ การเรียนจบปริญญาตรีในประเทศไทย มันไม่ได้สร้างโอกาสที่ดีเลยในอาชีพ การเรียนต่อปริญญาโทที่หลายสิบปีก่อนคือของโก้เก๋ที่ทำกันไม่ได้ง่ายๆ กลายเป็นสิ่งจำเป็นในการไต่เต้าขึ้นสู่ระดับที่พอจะหายใจลึกๆได้ในโลกการงานอาชีพ ผมเองไม่เห้นด้วยที่ดีกรีการศึกษาจะเป็นประเด็นหลักของโครงสร้างเงินเดือนในสังคมไทย แต่มันก็เป็นเช่นนี้มาแต่ไหนแต่ไร ก็ไม่ว่ากันล่ะ(เพราะผมก็เป็นส่วนหนึ่งของสังคมนี้เช่นกัน) ผมจบปริญญาตรีและไฟแรงอย่างมาก อยากจะหางานทำเพื่อทดลองเคล็ดวิชาต่างๆ ที่ร่ำเรียนมา แต่ที่บ้านได้แนะนำว่าควรไปเรียนต่อต่างประเทศ และควรไปเดี๋ยวนี้ในขณะที่ยังมีเงินสนับสนุนอยู่ 55 จึงเกิดเป็นคนสองกลุ่มกับ 2 ความคิด ผมกลุ่มหนึ่ง(อันที่จริงมีผมคนเดียว) อยากทำงาน ก็เที่ยวสมัครงานไปทั่ว จนได้ผ่านการสอบข้อเขียนและ สัมภาษณ์ของธนาคารไทยพานิชย์ อีกกลุ่มหนึ่งคือกลุ่มที่บ้าน(ก็คือกลุ่มคนที่เหลือในบ้านผม) ที่ติดต่อหาโรงเรียนภาษาอะไรต่างๆ นานา และจองตั๋วเครื่องบินกะว่ายังไงผมก็ต้องไป

สุดท้ายกลุ่มหลังก็ชนะ เมื่อเงินเดือนสตาร์ทของผมน้อยจนน่าใจหาย จนผมเองก็สลดใจ กรูเรียนแทบตาย แล้วเมื่อไหร่จะลืมตาอ้าปากได้ คงขอไม่กล่าวนะครับว่าเท่าไหร่ แต่ก็คงต้องขอเงินพ่อแม่ไปอีกพักใหญ่ล่ะ แต่จริงๆ ก็จะเอาอะไรมากกับเด็กปริญญาตรีเกรดลุ่มๆ ดอนๆ หลังวันรับปริญญาเพียง 1 วัน ผมก็ต้องขึ้นเครื่องไปอเมริกา ประเทศที่ผมเกิดมาไม่เคยไปมาก่อน (อันที่จริง ณ เวลานั้น นอกจากพม่า ผมก็ไม่เคยไปประเทศไหนเลย)

ทำไมต้องอเมริกา....เหตุผลก็คือผมมีญาติอยู่ ญาติของผมเป็นคนไทยและอยู่ในเมืองตากอากาศที่มีชื่อพอสมควรในเขต Los Angeles ชื่อ Big Bear Lake ความต้องการของแม่ คือให้ผมมาพักอยู่กับญาติ อย่างน้อยก็ไม่ต้องดิ้นรนมากนัก ลูกแม่จะได้สบายๆ (ถอดความได้ว่า อยู่นานเปลืองเงิน จะได้รีบกลับ) แต่ทว่าเมืองที่ว่านี้ ไม่มีโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัยอะไรให้ผมเรียนหรอก ความจริงก็คือผมถูกจะส่งมาอยู่กับคนที่ผมเหมือนจะรู้จัก เพราะเคยเห็นแว้บๆ ที่เมืองไทย เป็นคนไทยอยู่ในเมืองที่มีมหาวิทยาลัย แต่การมาอยู่ที่นี่ต้องเสียค่าเช่า เพราะอันที่จริงก็ไม่ใช่ญาติโยมอะไร แล้วน้ำไฟเขาก็ต้องเสีย จะมาอยู่กันง่ายๆ ก็ดูจะเบียดเบียนกันไปนิด ซึ่งคุณน้าเจ้าของบ้านคนนี้คือคนที่ช่วยผมให้ได้เรียนรู้อะไรหลายๆอย่าง ได้รวดเร็วขึ้น และช่วยอำนวยความสะดวกผมในช่วงแรกๆ อย่างมาก

หลังจากวันรับปริญญา วันที่ครอบครัวภาคภูมิใจ ยิ้มแย้มถ่ายรูปกัน (แต่ผมโคตรจะเหนื่อย) ผมก็ต้องแพคกระเป๋าทันที แม้แต่ครุยก็ไม่มีเวลาไปคืนเอง แต่ก็ยังมีเวลาไปล้างอัดรูปด่วน (ด่วนจริงๆ) และขนรูปถ่ายวันรับปริญญาทั้งหมดขึ้นไปดูบนเครื่องบิน (ประมาณ 15 อัลบั้ม) นั่งดูรูปที่เราถ่าย ณ ที่ที่เราหันหลังให้ในวันที่อยู่บนเครื่องบินช่วยให้ลดความตื่นเต้นกับการเจอสิ่งใหม่ๆ ได้พอสมควร และเช่นกันก็ทำให้เรานึกถึงความสนุกที่เราจากมา..anyway

ในสคริปการเดินทางระยะยาวของผมก็คือ

1.เรียนภาษา
2.เข้ามหาวิทยาลัย
3.เรียนจบ กลับ

ซึ่งกระบวนการง่ายๆ แบบนี้น่าจะใช้เวลาไม่เกิน 2-3 ปีน่าจะเสร็จ แต่ ณ วันที่ผมเขียนนี้ ผมอยู่ที่นี่มา 4 ปี 8 เดือนแล้ว ชีวิตบางทีมันก็ไม่ได้ใช้กันง่ายๆอย่างที่คิด บางครั้งอุปสรรคมันพุ่งมาหาเราเอง บางครั้งก็เพราะเรานั่นแหละที่ทำให้มันยุ่งยาก การตัดสินใจเมื่อเกือบ 5 ปีก่อน ทำให้ผมมีเรื่องมานั่งเขียนวันนี้ แล้วจะเขียนใหอ่านต่อไปว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างในบลอกต่อไปครับ สำหรับคนที่เข้ามาผมก็หวังว่าการอ่านเรื่องของชาวบ้านแบบนี้ คงจะช่วยฆ่าเวลาที่น่าเบื่อๆ ได้ไม่มากก็น้อยนะครับ

เขียนเมื่อ : 11 พฤษภาคม 2548 15:49:12 น. ลอส แองเจลิส

 

คำสำคัญ (Tags): #บันทึก
หมายเลขบันทึก: 269343เขียนเมื่อ 19 มิถุนายน 2009 22:15 น. ()แก้ไขเมื่อ 5 มิถุนายน 2012 19:58 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)
อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท