58.หาความรู้จากความป่วยไข้ : เมื่อฉันเป็น RSI


 

ฉันลุกขึ้นมาเป็น โรคสมัยใหม่ (Modern Disease)

หรือจะเรียกว่า โรคาภิวัฒน์ (Diseaselization)  อีกหนึ่งโรคกับเขาเหมือนกัน

เหตุแห่งความเป็นโรค คือ การใช้คอมพิวเตอร์อย่างไม่ถูกสุขลักษณะนั่นเอง

 

ความจริงแล้ว อาการนี้ไม่ได้เพิ่งเกิด  แต่เกิดมาหลายปีแล้ว (มากกว่าหนึ่งปี)

เริ่มจาก การปวดข้อมือ เมื่อย ล้า กล้ามเนื้อบริเวณข้อมือขวา

ซึ่งใช้จับเมาส์ และพิมพ์งานเป็นเวลานานๆ

 

การรักษาแรกๆ ก็เพียงไปหาหมอ  ทานยาคลายกล้ามเนื้อ และ

ออกกำลังกายในส่วนของข้อมือ มือ และแขนขวา

ให้มีการเปลี่ยนอิริยาบถบ่อยๆ ไม่ค้างมือทำงานในท่าเดิมนานๆ

ก็อยู่กับมัน (หมายถึงความไม่สบายมือและแขนขวา) มาได้เรื่อยๆ

แค่รู้สึกรำคาญเป็นพักๆ  หรือบางวันปวดมากขึ้นก็ลดการทำงานลงบ้าง

แล้วแต่โอกาสจะเอื้ออำนวย

 

แต่...สักเดือนที่ผ่านมา...อาการที่สะสมไว้รุนแรงขึ้น

มีอาการปวดมือ ลามขึ้นมาที่แขน เลยไปที่ไหล่ แผ่นหลัง

แล้วสุดท้าย คือ ขึ้นไปที่คอ...ทำให้คอแข็ง เอี้ยวคอไม่ได้

 

ถึงเวลาที่ต้องกำจัดโรคอย่างเป็นเรื่องเป็นราวแล้ว

การรักษาโรคโดยแพทย์แผนปัจจุบันเป็นตัวเลือกอันดับหนึ่ง

 

หมอบอกว่าเป็นโรค RSI (Repetitive Strain Injury)

คำอธิบายเหตุแห่งความป่วยไข้...ไม่ได้ทำให้แปลกใจ

เพราะ ชีวิตประจำวันเป็นอย่างนั้นจริงๆ คือ เกิดจากการใช้คอมพิวเตอร์

และการนั่งทำงานที่ไม่ถูกสุขลักษณะ 

 

แน่นอน อีกอย่างที่หมอบอกก็คิดไว้เหมือนกัน

คือ การไม่ค่อยออกกำลังกาย ...นิสัยเสียๆ ของคนทำงานในเมือง

ที่มีเวลาขับรถ มากกว่าเวลาเดินและวิ่งด้วยแข้งขาของตนเอง

 

อาการที่เกิดจากการนั่งทำงานอยู่หน้าเครื่องนานๆ  หรือ RSI

อาการนี้จะเกิดขึ้นจากการที่คนเรานั่งทำงานหน้าเครื่องคอมพิวเตอร์

แบบไม่ถูกสุขลักษณะ

 

เช่น เอามือวางไว้บนคีย์บอร์ด ที่ไม่ถูกต้อง บิดข้อมือมากเกินไป

วางมือไม่ขนานกับในระดับเส้นตรง หรือขนานกับพื้นปกติ

แต่เรากลับวางมือแบบคดงอ ไม่มีที่พิงซึ่งตามที่ถูกต้องแล้ว

เก้าอี้นั่งควรมีที่ช่วยพยุงมือ เพื่อให้ขนานกับพื้นและตั้งฉากกับร่างกาย

เพื่อให้เกิดความสบายใจการทำงานให้มากขึ้นด้วย

 

รวมถึงระยะเวลาที่ควรจะพิมพ์งานและทำงานบนคีย์บอร์ดควรอยู่ที่ 20-30 นาที

แล้วทำการพักข้อมือเพื่อป้องกันปัญหาดังกล่าว

 

RSI สามารถเกิดได้ทุกส่วนของร่างกาย

ตั้งแต่แขน ข้อมือ ข้อนิ้ว แผ่นหลัง ต้นคอ หัวไหล่และสายตา

หากปล่อยไว้นานๆ อาจจะมีอาการหนักถึงระดับที่ต้องผ่าตัดเอ็นกันเลย

 

ในอเมริกา...ประเทศเจริญแล้วมากๆ และเป็นต้นแบบของเรา

อาการของโรค RSI เป็นอันดับหนึ่งในส่วนของโรคที่เกิดจากการทำงาน

มีผู้ป่วยใหม่เพิ่มขึ้นในแต่ละปี ประมาณ 300,000 คน

อัตราการเจริญเติบโตเพิ่มสูงขึ้นในแต่ละปีประมาณ 20%

พนักงานต้องขาดงานโดยเฉลี่ย 30 วันทำงานต่อปีเพื่อรักษาโรคเหล่านี้

 

แม้ว่าตอนนี้ RSI จะยังไม่ใช่ปัญหาของสังคมไทย

ในอนาคตคาดว่า คนไทยจะมีอัตราการเจ็บป่วยจากอาการนี้จะมากขึ้นเรื่อยๆ

เพราะ สังคมไทยสมัยใหม่ มีคนทำงานแบบนั่งโต๊ะ ใช้คอมพิวเตอร์มากขึ้น

และ คอมพิวเตอร์กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน รวมถึงนอกเวลาทำงานด้วย

และหมอที่รักษาก็บอกเช่นนั้นว่า มีคนป่วยด้วยโรคนี้เข้ามารักษามากขึ้นเรื่อยๆ

 

 

เมื่อรู้เหตุแห่งความป่วยไข้แล้ว

ก็ถึงเวลาต้องเลือกวิธีการแก้ปัญหา

 

ถ้าเลือกแพทย์แผนปัจจุบัน...ก็ใช้วิธีการกายภาพบำบัด และการกินยา

การทำกายภาพ ก็คือการคลายกล้ามเนื้อด้วยการใช้เครื่องมืออุตราซาวน์

ใช้คลื่นเสียงในการนวดไปที่จุดที่กล้ามเนื้อแข็งเกร็ง และประคบความร้อน

 

อีกวิธีหนึ่ง ก็เป็นแพทย์ทางเลือก หรือแผนโบราณนั่นเอง

เดาถูกแล้วล่ะค่ะ...การนวดแผนไทย ...ช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อได้

มีการกดจุด นวดคลายเส้นต่างๆ เพื่อให้เลือดลมไหลเวียน

 

แต่ทั้งสองวิธี ก็ต้องใช้เวลาระยะหนึ่งในการฟื้นฟู

เพราะ กว่าจะเป็นขนาดนี้ได้ก็สะสมโรคมาเป็นปีๆ เหมือนกัน

แล้วอย่างนี้จะให้หายง่ายๆ ได้อย่างไร...จริงไหม.

ได้ผลอย่างไรแล้วจะมาบอกค่ะ.

 

สุภาษิตเตือนใจ :

     ความไม่มีโรค เป็นลาภอันประเสริฐ

     แต่พอเป็นโรค ก็ใช้เป็นลาภได้ เพื่อการแสวงหาความรู้ไง

 

 

……………….

 

ขอบคุณแหล่งที่มาของข้อมูลที่ค้นคว้าเพิ่มเติม ได้แก่

 

http://www.hiso.or.th/hiso/health_news/health_story4_19.php

 

http://www.thaicyberpoint.com/ford/blog/id/181/

 

http://www.com-th.net/webboard/index.php?topic=932.0

  

หมายเลขบันทึก: 266757เขียนเมื่อ 8 มิถุนายน 2009 22:32 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 20:52 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (12)

สวัสดีครับ ขอให้หายเร็วๆ นะครับ เป็นกำลังใจให้ครับ

  • สวัสดีค่ะ คุณBob
  • ขอบคุณสำหรับดอกไม้สวยๆ และกำลังใจดีๆ ค่ะ

สวัสดีค่ะ

 ความไม่มีโรค เป็นลาภอันประเสริฐ
 แต่พอเป็นโรค ก็ใช้เป็นลาภได้ เพื่อการแสวงหาความรู้

  • พอเราเป็นเราก็ต้องแสวงหาความรู้ เพื่อรู้จักกับมัน จะได้รู้เท่าทันมัน รู้ทันโรคนั้นๆ  เราต้องสำนึกขอบคุณ ที่ทำให้เรารู้จักโรค RSI ได้ละเอียด ชัดเจนมากขึ้นค่ะ

ครูใจดีก็เป็นโรคประเภทนี้....ผ่าตัดข้อมือมาแล้ว 3 ครั้ง ไม่เวริ์ก...ค่ะ เดี๋ยวนี้เวลาใช้คอมพ์นานๆ ก็พักอริยาบท ไม่ฝืนนั่งพิมพ์อะไรนานๆ เหมือนเมื่อก่อน มันจะปวดเมื่อยทั้งมือไหล่ หลังและก็ข้อมือที่ผ่าตัด ว่างๆ ก็จะไปนวดแผนไทย ช่วยได้เยอะทีเดียวค่ะ

  • อย่างไรเสีย ก็ขอให้รักษาสุขภาพด้วยนะคะ อย่าหักโหมกับงานมากจนเกินไปค่ะ
  • ขอเป็นกำลังใจให้หายเร็วไวค่ะ

ก๊อก ก๊อก ก๊อก....

  • อยู่หรือเปล่าค่ะ
  • แวะเข้ามาทักทายค่ะ
  • สงสัยงานยุ่งมากเลยใช่ไหม?
  • เป็นกำลังใจให้ค่ะ
  • ระลึกถึงเสมอ

ขอบคุณสำหรับความรู้ครับ

สงสัยผมก็เป็นผู้ป่วย RSI แล้วเหมือนกัน

สวัสดีค่ะ ครูใจดี

  • ขอบคุณค่ะที่เข้ามาเยี่ยมไข้
  • พักนี้โรค RSI กำเริบ...ไต่ขึ้นไปถึงคอ ทำให้นั่งทำงานนานๆ ไม่ได้
  • เลยลดการใช้คอมพิวเตอร์ และการนั่งหน้าจอนานๆ ลง
  • ตามคำแนะนำของหลายคนค่ะ
  • แต่ได้กำลังใจของครูใจดี...คงจะหายวันหายคืนขึ้นค่ะ
  • ตอนนี้หมั่นไปทำกายภาพ และออกกำลังกายตามคำแนะนำค่ะ

ขอบคุณในความเป็นห่วงค่ะ

 

สวัสดีค่ะ หลวงเสก

  • ถ้าเป็น RSI จริงๆ ก็ยินดีต้อนรับเข้าชมรมค่ะ
  • แต่ต้องรักษาตัวนะคะ จะได้ใช้ร่างกายได้อีกนานๆ
  • ลองไปปรึกษา นักกายภาพบำบัด นะคะ ค่อยๆฟื้นตัวค่ะ
  • เพราะกว่าจะเป็นก็สะสมอยู่นาน จะให้หายเร็วๆ คงไม่ได้

ขอบคุณค่ะที่แวะมาทักทาย

สวัสดีค่ะ

  • เมื่อตะกี้ เอาเค้กไปเยี่ยม รู้สึกไม่ดี เพราะมีไขมันเยอะเกินไป ไม่เหมาะ
  • เปลี่ยนเป็น "ข้าวพันผัก" ก็แล้วกันนะคะ

      สูตรนี้ เพิ่มโปรตีน ด้วยไข่  เสริฟร้อนๆ เลยค่ะ

สวัสดีค่ะ

มาเยี่ยม ขอให้หายไว ๆ นะคะ

ใกล้วันแม่แล้ว เอาดอกมะลิมาฝากค่ะ

 

สวัสดีค่ะ...

ช่วงนี้งานค่อนข้างมากค่ะ เลยไม่ได้แวะเข้ามาเยี่ยม... แต่ยังระลึกถึงเสมอค่ะ

ขอให้สุขภาพแข็งแรง มีความสุขทุกวันนะคะ

สวัสดีค่ะ ครูใจดี

  • ขอบคุณค่ะ ที่แวะมาเยี่ยมเยียนเสมอ
  • เป็นมิตรแดนไกล ที่ระลึกถึงอยู่เสมอเช่นกัน
  • ขอให้ครูใจดี น่ารักตลอดไปค่ะ

เขียนได้ดีมากครับ

ผมก็เป็น RSI เหมือนกันครับ เป็นๆหายๆ เพราะบ้าคอมพิวเตอร์นะครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท