ปรากฎการณ์ไพดี้ คือ ปรากฎการณ์พัฒนาความคิดจากผู้ที่กำลังช่วยเหลือเด็กพิเศษในหลายบทบาทและวิชาชีพ ณ สถาบันไพดี้ ซึ่งเป็นหน่วยงานเล็กๆ ที่เกิดจากความตั้งใจของผู้มีประสบการณ์นโยบาย การจัดระบบ และประสาบการณ์กับเด็กที่มีความบกพร่องในการดำเนินชีวิต และมุ่งมั่นที่จะพัฒนาระบบการพัฒนาความสามารถของเด็กที่มีความต้องการช่วยเหลือพิเศษ เช่น ออทิสติก สมาธิสั้นและไม่อยู่นิ่ง บกพร่องทางร่างกาย บกพร่องทางสติปัญญา บกพร่องทางการเรียนรู้ เป็นต้น โดยอ้างอิง "โมเดลต้นไม้" ที่ผ่านกระบวนการวิจัยเชิงคุณภาพโดยอาจารย์กิจกรรมบำบัด ม.มหิดล (ข้างล่าง)
สถาบันไพดี้ ให้บริการพัฒนาทักษะชีวิตโดยจัดโปรแกรมฝึก ที่ผ่านการทดลองและเรียนรู้ร่วมกันระหว่างผู้ปกครองและผู้บำบัด เช่น โปรแกรมการเขียน โปรแกรมการแต่งกาย โปรแกรมการปรับพฤติกรรมการดำเนินชีวิต เป็นต้น คุณลักษณะพิเศษของโปรแกรมเหล่านี้ คือ การลำดับกิจกรรมการฝึกต่อเนื่องกัน 3-6 สัปดาห์ด้วยหลักการทางกิจกรรมบำบัดและจิตวิทยาพัฒนาการ และให้โอกาสผู้ปกครองแลกเปลี่ยนเรียนรู้และฝึกปฏิบัติ จะเห็นว่าทีมงานสถาบันไพดี้พยายามเน้นการสร้างรากฐานที่แข็งแรงให้เด็กพิเศษเกิดความมั่นใจและเข้าใจความต้องการในการเรียนรู้ทักษะชีวิตในลำต้น กิ่ง ใบ ในหลายบริบท (บทบาทในสถานการณ์ชีวิต) ที่บ้าน โรงเรียน และชุมชน โดยแบ่งการให้บริการแบบช่วยเหลือสังคม เช่น จัดเสวนาผู้ปกครอง ครู และผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้องกับโปรแกรมทักษะชีวิต กับการให้บริการแบบธุรกิจ เช่น การจัดโปรแกรมการฝึกเฉพาะรายและกลุ่มสำหรับเด็กพิเศษ การให้คำปรึกษาและประเมินทักษะชีวิต การให้คำแนะนำสื่อการเรียนรู้ (อ่านด้วยสมอง) การให้คำปรึกษาและอบรมเชิงปฏิบัติการแก่ผู้ปกครอง ครู และนักวิชาชีพ
ปรากฎการณ์ไพดี้เกิดขึ้นอีกครั้งกับการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ตอบโจทย์ ทำอย่างไรที่จะขยายการให้บริการเพื่อช่วยเหลือเด็กพิเศษในเขตพื้นที่ (ระยะแรกเน้นชุมชนที่สถาบันไพดี้ตั้งอยู่ใน อ. คูคต จ. ปทุมธานี) ...ขอปรบมือให้กับผู้บริหารและผู้จัดการสถาบันไพดี้ ที่ติดต่อผู้เชี่ยวชาญและผู้เกี่ยวข้องได้อย่างสมบูรณ์ และทำให้เกิดการเรียนรู้ร่วมกันด้วยความรัก ความเมตตา และความมุ่งมั่น ภายในพื้นที่ อย่างน่าสนใจ
ประเด็นที่ผมเรียนรู้และได้รับจากการเป็นกระบวนกร ณ เวทีเสวนาครั้งนี้ คือ
ผมคิดว่าภาระกิจข้างต้นมีความเป็นไปได้สูง หากสถาบันไพดี้และเครือข่ายชุมชนไม่ "ทบทวนความคิดแบบวนในอ่าง" แต่ควร "ทบทวนความคิดแบบทีมงานมุ่งเป้าหมาย"
ขอบคุณครับอาจารย์ป๊อป เราจะไม่พายเรือในอ่างนะ ตอนนี้ผมพายเรือไปข้างนอกแล้ว หลังจากที่อาจารย์มาให้แนวคิดต่างๆ ไพดี้และชุมชนจะเข้มแข็งและงานที่ทำอยู่เป็นที่ประจักษ์ได้ ก็ด้วยความช่วยเหลื่อจากอาจารย์ป๊อป อาจารย์อ้อม และเครือข่ายต่างๆ เป็นกำลังสำคัญครับ
ขอส่งกำลังใจให้พายเรือนำสถาบันไพดี้ไปสู่จุดหมายของการช่วยเหลือเด็กและครอบครัวไทยอย่างเข็มแข็งครับ
พึงได้ยินชื่อสถาบันนี้ อยู่ที่ปทุมธานีหรือคะ สักวันคงได้มีโอกาสไปเยี่ยมชมสู้ๆนะคะเป็นกำลังใจให้ค่ะ
ขอบคุณครับคุณครูเบน
เพิ่งได้ยินชื่อสถาบันนี้นะคะ
สนใจมากค่ะ
ขอบคุณคะ
ขอบคุณมากครับ Krutoi
กิจกรรมบำบัดต่อนอกได้มั๊ยคะ?
แล้วถ้าเราเรียนจบจะไปทำงานที่ต่างประเทศอย่างเดนมาร์ก แล้วเค้าจะมีงานรองรับรึป่าว?
ระหว่างกิจกรรมกับกายภาพอันไหนหางานง่ายกว่ากันคะ...
ถ้าต่างประเทศเค้าต้องการอาชีพไหนมากกว่ากัน
หนูอยากรู้มากๆๆ เลย*
แล้วกิจกรรมกับกายภาพมันแตกต่างกันตรงไหนคะ เรียนจบมาทำงานแทนกันได้รึป่าวคะ
ขอบคุนมากนะคะ ที่ให้คำตอบหนู*
(ตอบมาในเมลหนูก้ได้นะคะ)
ขอบคุณครับคุณหนูอยากรู้
ทั้งกิจกรรมบำบัดและกายภาพบำบัด เป็นวิชาชีพที่รายได้ดีและมีเกียรติมากในต่างประเทศ แต่น้องจะต้องสอบผ่านภาษาอังกฤษและความรู้พื้นฐานในวิชาชีพตามระเบียบของประเทศนั้น
สำหรับความแตกต่างของทั้งสองวิชาชีพ คลิกอ่านที่ http://gotoknow.org/blog/otpop/248107
ขอชื่นชมที่ทีมงานสถาบันไพดี้ได้จัดกิจกรรมและโครงการที่สร้างประโยชน์แก่สังคมไทย...และในวันนี้สถาบันไพดี้ได้นำแนวคิดทักษะชีวิตมาสร้างสรรค์โครงการ "อ่านด้วยสมอง - Reading by Senses" ซึ่งได้เผยแพร่ในรายการ "ย่อหน้านี้...มีชีวิต" เมื่อวันเสาร์ที่ 18 ต.ค. 2552 เวลา 14.30-15.00 น. ทางช่องสทท. (ช่อง 11 เก่า)
ติดตามอ่านที่ http://gotoknow.org/blog/yongyos-travel/306102
สถานบันไพดี้เป็นตัวอย่างของการทำงานเพื่อสังคม โดยมีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับนักวิชาการหลายหน่วยงาน เช่น ดร. ป๊อป จาก ม.มหิดล