เป็นบทความที่กินใจมากค่ะ อยากให้หลาย ๆ คนได้อ่าน ได้คิด และนำไปใช้กับคนรอบข้างและเด็ก ๆ
สวัสดี พงษ์จันทร์
เขียนบ้างซิครับ จะได้อ่านสำนวนที่แพรวพราว ของ ศน.คนเก่ง
ขอบคุณที่แวะมา
รักวัวให้ผูก รักลูกต้องเข้าใจ ใช่ไหมค่ะ มิเช่นนั้นจะเข้าข่าย พ่อแม่ และครูรังแกฉัน อิอิ
......กุหลาบที่บ้านค่ะท่านรอง.......
รักลูกมาก แต่ก็เคยตีลูกเหมือนกัน เพราะบางเรื่อง ต้องให้เขาจำ ไม่ได้ตีให้เจ็บ
ลีลาวดี
ใช่ครับ ต้องเข้าใจว่า เด็กทุกคนต้องการความรัก ความอบอุ่น และที่สำคัญคือ เขาต้องการให้ผู้ใหญ่ทุกคน รวมทั้งเพื่อนๆ รักเขา แต่..เด็กบางคนอาจคิดว่า ดื้อ...จะทำให้ครูสนใจเขา
ถ่ายภาพได้สวยนะครับ เพียง...กุหลาบค่อนข้างร่วงโรย ฮิฮิ ฮ่าฮ่า
(ไม่เกี่ยวคนถ่ายหรือคนเขียนนะครับ.....)
ครู ป.1
มีคำกล่าวที่ผมจำที่มาไม่ได้ ว่า
"สำหรับเด็ก เรื่องทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับตัวเอง "ใหญ่เสมอ"
สำหรับผู้ใหญ่ เรื่องทุกเรื่องที่เกี่ยวกับเด็ก "เล็กเสมอ"
หากไม่ตีจะดีกว่าไหมครับ สำหรับเด็กเพียงเราดุก็เสียใจมากพอแล้วครับ
พาหลานมาให้ช่วยตี....อิอิ.อิ
สวัสดีค่ะ
มาอ่านแล้วก็เลยคิดถึงตอนตัวเองเป็นเด็ก ๆ ค่ะ
ไม่เคยถูกตี แต่ถูกคาดโทษ ด้วยความที่เป็นคนใจเสาะ จึงไม่กล้าทำผิดอีก เพราะแม่เตือนแล้ว...
แต่...หากต้องตีหรือทำโทษต้องเป็นทางเลือกสุดท้าย สำหรับบางคนบางกรณี ... และที่สำคัญต้องให้เขารู้ว่า เราตีเขาเพราะ...ความรัก...ไม่อยากให้เขาทำผิดซึ่งจะไม่เป็นผลดีกับเขาอีกค่ะ
(^___^)
สวัสดีค่ะ รักวัวให้ผูก รักลูกให้เตือน มีลูกวัยรุ่น และทำงานเกี่ยวกับวัยรุ่นค่ะ การทำงาน กับการเลี้ยงลูกวัยรุ่น มีข้อแตกต่างกันมาก แต่หากเราเข้าใจพฤติกรรม และพัฒนาการของวัยรุ่นแต่ละช่วงวัย ช่วยได้เยอะค่ะ
สวัสดีครับ ท่าน ผอ.
ตีจริงๆ แหละ หากไม่ยอมกินให้หมดจาน
แบ่งลุงสักชิ้นสองชิ้นก็ดีนะ ชักหิวแล้ว (น่ากินทั้งนั้น...)
มาเยี่ยมบ่อยๆ นะหนูม่อนคนเก่ง
สวัสดีครับ คนไม่มีราก
ไม่ตีจะดีไหมครับ เขาก็เหมือนเราตอนเป็นเด็ก.....
เขาอาจคิดว่า "รักเขา...ทำไมต้องตีเขา"
เด็กที่ทำผิดซ้ำซาก...อาจเป็นเพราะเขาคิดว่า..
"เขาจะไม่ยอมทำตามคำสั่งของคนที่เขาไม่ชอบ.." ก็เป็นได้นะครับ
สวัสดีครับคุณวันเพ็ญ
ไพเราะมากครับ กับคำ "รักวัวให้ผูก รักลูกให้เตือน"
ใช่ครับวัยรุ่นเขามีความรู้สึกนึกคิดเป็นตัวของตัวเอง หากเรารับฟังเขา ให้ความเป็นกันเอง ให้เขาเข้าใจว่า เราเป็นพวกเดียวกับเขา เราให้คำปรึกษาแก่เขาได้ทุกเรื่อง และเรามีเวลาสำหรับเขา ชีวิตเขาจะก้าวไปตามทางที่สมควรจะเป็น
ขอบคุณครับ
ยังไม่เคยมีลูกแต่คิดว่า การเลี้ยงลูกให้เป็นคนดีนั้นไม่ง่ายเลย
ส่วนมากเป็นครอบครัวเดี่ยว ต้องดูแลกันพ่อแม่ลูก ไม่มีคนแก่เฒ่าคอยสอน หรือแนะนำ ไม่มีคนอาบน้ำร้อนมาก่อนคอยแนะนำค่ะ ส่วนมากก็อ่านหนังสือแล้วก็มาสอนมาปฏิบัติกับลูกค่ะ
ยิ่งสังคมในปัจจุบัน ต้องยอมรับว่าสังคมปัจจุบันเปลี่ยนไปมากค่ะ
แต่เราก็อยากเลี้ยงลูกให้ดีที่สุด แต่ไม่เป็นการรังแกเด็ก เหมือนพ่อแม่รังแกฉัน
ชอบบทประพันธ์ของ "พจนา จันทร์สันติ " มองเห็นได้ชัดเจนเลยค่ะว่า เด็กก็คือเด็กค่ะ ยังเป็นโลกของเด็กค่ะ
น้องใยใหม น่ารักมากๆค่ะ
คุณดุจดาวครับ น้องใยไหม น่ารักจริงๆ ชื่อก็ดูดี นึกถึงสาวๆ บ้านเรากำลังสาวไหมเลยครับ
เห็นด้วยครับว่าเลี้ยงลูกยากมาก พ่อแม่เราท่านเก่งมากเลี้ยงเรากับพี่ๆ น้องๆ ตั้งหลายคน และถึงแม้ว่าบางคนชีวิตอาจลุ่มๆ ดอนๆ แต่ก็เป็นคนดีในสังคม
พ่อแม่ทุกคนอยากเห็นลูกเป็นคนดี แต่..ก็มีบ้างที่ลืมมองความต้องการและความสามารถของเขา เป็นเหตุให้ "พ่อแม่รังแกฉัน" อย่างว่าครับ
ดูแลสุขภาพด้วยนะครับ ช่วงนี้อากาศปรวนแปรมาก
ดอกไม้สวยมากครับ
ไม่บอกที่มา น่าจะเป็นดอกไม้ในสวน
ขอบคุณนะครับ
กล้วยไม้ ดอกไม้รอบๆบ้านค่ะ รดน้ำไปถ่ายรูปไป...
สวยมากครับ (ดอกไม้นะครับ เพราะคนรดน้ำไม่เห็นครับ ฮ่า ฮ่า)
รักวัวให้ผูก รักลูกให้ตี โบราณชี้บอกไว้หลายเหตุผล
ไม้อ่อนดัดง่าย ไม้แก่ดัดยากฝากทุกคน ล้วนเป็นผลจริงแท้ใช่แค่กลอน
อย่าดูถูกภูมิปัญญาบรรพบุรุษ ยอดเยี่ยมสุดสร้างไทยได้สังหรณ์
เชื่อโบราณไม่บานบุรีนี้แน่นอน ใช่บอกสอนฝากไว้ใคร่ครวญดู
สวัสดีครับ คุณวิโรจน์
ขอบคุณที่แวะมาให้ข้อคิดดีๆ ครับ
คำพังเพยของไทย มีความหมายลึกซึ้งครับ บางคำมิได้แปลความอย่างที่บอก เช่น "รักยาวให้บั่น รักสั้นให้ต่อ" หรือ "รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา"
รักวัวให้ผูก หมายถึง การเลี้ยงสัตว์จะต้องห่วงใย ผูก คือการสร้างความผูกพัน การเอาใจใส่ด้วยความรัก คงไม่ใช่ผูกไว้กับต้นเสาหรือต้นไม้แน่นอน
รักลูกให้ตี คงหมายถึง การตีกรอบหรือสร้างกรอบที่ดีให้ลูก เพื่อเขาจะได้อยู่ในกรอบของสังคม การดูแลขัดเกลานิสัยของลูกให้อยู่ในกรอบของครรลองคลองธรรม คงมิใช่หมายถึงการเฆี่ยนตีครับ
ขอขยายความตามกลอนเก่าเข้าเรื่องหน่อย ไม่อยากปล่อยให้เข้าใจกลายเหตุผล
"รักลูกให้ตี" ท่านอธิบายให้ยินยล ก็เหตุผลที่ดีมิผิดเลย
วุฒิภาวะของเด็กนั้นท่านคงทราบ ไม่เข็ดหลาบยังคะนองอาจมองเฉย
รักเมตตากลัวลูกผิดคิดเกินเลย จึงต้องเอ่ยอธิบายให้เข้าใจ
ละอารมณ์ออกไปเตือนให้คิด สิ่งใดถูกสิ่งใดผิดแยกแยะให้
หนึ่งภาคฑัณฑ์ก่อนตีมิช้าไป หากทำผิดครั้งใหม่จึงได้ตี
สังคมไทยเรานี้ที่ยิ่งใหญ่ บรรพบุรุษของไทยให้สิ่งนี้
ภูมิปัญญาวัฒนธรรมประเพณี ขนบธรรมเนียมดีที่สร้างไทย
รับพระพุทธศาสนาปัญญาชาติ ไม่เป็นทาสมารกิเลสเหตุทั้งหลาย
วิถีธรรมนำดีวิถีไทย สิทธิมนุษยชนนั้นไซร้ทำลายเรา
อันว่าความกรุณาปราณี จะมีใครบังคับก็หาไม่ หลั่งมาเอง เหมือนฝนอันชื่นใจ จากฟากฟ้า สุราลัย สู่แดนดิน
ความเมตตากรุณาเท่านั้น ที่จะซื้อใจเด็กได้คะ
ท่านเปลวเทียนคะ ใกล้เวลา จะไปเตรียมตัว ขึ้นรถทัวร์ ไปกรุงเทพ มัวแต่มานั่งอ่านนั่งเมนท์ ตกรอบรถทัวร์แน่เลย บทความบทนี้ ชอบที่จะตอบมากเลย มันต้องใช้เวลา เพื่อจะได้เหตุผลที่เหมาะสมกับสมัยใหม่ กลับจากกรุงเทพแล้ว จะกลับมาลุย บล็อคบทความนี้ต่อนะคะ “รักวัวให้ผูก รักลูกให้ตี” แล้วเจอกันใหม่ค่ะ
สวัสดีครับ คุณวิโรจน์
บทกลอนชัดเจนและกินใจมากครับ
ขอบคุณที่กลับมาขยายความที่ดีมากครับ
ปล. ขออภัยหากตอบสั้น เพราะตอนนี้ผมเป็นหวัดและปวดฟันด้วย ขอโทษนะครับ
คุณสุครับ เด็กที่ไหนเนี่ย ขอเก็บเอาไปประกอบการอบรมครูนะครับ (รับรองขึ้น power point ครูยิ้มหรืออาจถึงขั้นฮาตึง)
"....เป็นสิ่งดีสองชั้นพลันปลื้มจิต...."
ซื้อตั๋วรึยังครับ หากซื้อแล้วปล่อยเขาไปเถอะ ยังไง้ ยังไงตั๋วก็อยู่กับเรา ฮ่า ฮ่า
ครับ... จะรอครับ (อย่าเอาหวัด 2009 มาฝากนะครับ ตอนนี้ผมก็ชักจะแย่ คืนนี้คงอยู่ไม่ถึงสามทุ่ม)
ซื้อตั๋วรึยังครับ หากซื้อแล้วปล่อยเขาไปเถอะ ยังไง้ ยังไงตั๋วก็อยู่กับเรา ฮ่า ฮ่า เดี๋ยวเถอะ เข้าใจนะ ที่กล่าวมาแปลได้ว่า มีตั๋วอยู่ยังไง ยังไง ก็ไม่เสียเปรียบเขาใช่ไหม เงินไปตั๋วมา ยุติธรรมแล้ว ความหมายนี้ใช่ไหม ส่วนคุณจะได้ไปหรือไม่ได้ไป คุณก็ได้ตั๋วแล้ว อืม---อืม __ เป็นความคิดที่มีเหตุผล แต่
ไม่เข้าท่าเลย หึ หึ หึ เข้ามาเยี่ยม ฟังเพลง ก็เพราะทั้งนั้น แล้วแต่จะเปลี่ยน ฟังเพลงไหนก็ได้คะ
ประเพณีของไทยมาช้านานแล้วว่า “รักวัวให้ผูก รักลูกให้ตี” แล้วยังมีหลายสิ่งหลายอย่างที่กล่าวมา ถูกต้องมากเลย ยอมรับในสิ่งที่เขียนมาให้อ่าน ให้สำนึก ว่าใช่ ใช่ ใช่
เมื่อ จ. 15 มิ.ย. 2552 @ 07:18
1350953 [ลบ] [แจ้งลบ] จากกการอ่านเมนท์ตอบ ของคุณวิโรจน์ พูลสุขข้างต้นนั้น ก็ถูกต้องตรงที่ว่า มันเป็นวัฒนธรรม
แต่สมัยทุกวันนี้ ถ้าจะทำเช่น โดยการตีสั่งสอนลูกด้วยไม้เรียว เด็กไม่เข้าใจแล้ว ว่าพ่อแม่ตีทำไม บางครั้งพ่อแม่ตีลูกด้วยอารมณ์ เพื่อระบายอารมณ์โกรธเกรี้ยวกับลูก ทำให้ลูกเสียใจและมีปมด้อย และคิดเอาเองว่า พ่อแม่ไม่รักตน ฉะนั้น การตีลูก ควรอธิบายเหตุและผลอย่าใช้อารมณ์ จะมีผลเสียตามมา โดยเฉพาะเด็กบางคน ยิ่งด่าเหมือนยิ่งยุ ยิ่งยั่วเหมือนส่งเสริมเพื่อการเอาชนะพ่อแม่ หรือครูให้ได้ ยิ่งจะไปกันใหญ่
สำหรับครูที่ตีเด็กนั้น ก็อย่าประจานเสียจนเด็กเกิดความอับอาย (อย่าคิดว่าเป็นครูแล้วทำได้) ต่อหน้าเพื่อนฝูง ทำให้เขารู้ว่า ตีทำไม ทีหลังอย่าทำแบบนี้อีก แต่เชื่อไหมทุกวันนี้ครูใช้ไม้เรียวกับเด็กไม่ได้แล้วนะคะ ตีเด็กเมื่อไหร่ ฟ้องพ่อ ฟ้องแม่ เป็นเรื่องเป็นราวกันเสียยกใหญ่ พ่อแม่เขาก็จะว่า เกิดมาไม่เคยตีลูกแม้สักปลายนิ้วก้อย คุณเป็นใคร บังอาจมาตีลูกฉันจนเป็นรอย (ตามจริงหารู้ไหมว่า นั่นมันยังน้อยไป เด็กอะไร ไม่ตั้งใจเรียน การบ้านก็ไม่เคยส่ง บางครั้งก็หนีเรียน) ฉะนั้นรักลูกให้ตี อยากท้ำ อยากทำ ก็คงเปลี่ยนไป ด้วยสถานการณ์ไม่เหมือนเมื่อก่อน คงใช้การทำความเข้าใจกันด้วยเหตุและผล อย่าใช้อารมณ์ (ตอนนี้กำลังสอนสังฆราชใหญ่เลย)) หรือถ้าหากขี้เกียจไม่สั่งสอนเด็กสอนเท่าไหร่ก็ไม่ฟัง ก็คงปล่อยให้ธรรมชาติสอนเขาเอง แต่กลัวผลลัพธ์ออกมา จะแก้ไขเยียวยาไม่ทัน ถ้าเป็นเอามาก พ่อกับ แม่ ที่บ้าน คุณครูที่โรงเรียน ก็จะต้องร่วมมือกัน(พ่อแม่ครู มีจิตคิดถึงหัวอกเขาอกเราหรือเปล่า ต้องใช้จิตวิทยา อย่างน้อยก็เปรียบเทียบใส่ใจ จากใจตนเอง เพราะเคยเป็นเด็กมาก่อน ย่อมจะรู้ว่า ตนเคยเป็นอย่างไร ชอบอย่างไร เด็กก็ชอบอย่างนั้นแหละ)
ส่วนรักวัวให้ผูก นั้น สมัยก่อน อาจจะใช่ เพราะท้องทุ่งนาเขียวขจี ผูกไว้ตรงไหนก็ไม่อดอยาก ผูกอยู่ได้ทั้งวัน แต่ในสมัยปัจจุบันนี้ รักวัวให้อยู่ในคอก แล้วเดี๋ยวจะหาหญ้ามาให้กินเอง เพราะทุกวันนี้ท้องทุ่งหญ้ามันหายไป มีน้อย ถ้าปล่อยไว้ ไม่รู้ว่า วันนี้กินอิ่มหรือเปล่า ถ้าผูกไว้ตรงไหน หญ้าตรงนั้นก็คงไม่พอให้ กินทั้งวัน ต้องโยกย้ายเปลี่ยนที่ใหม่ ไม่เช่นนั้น วัวตัวนั้นอดอยากแน่ ต้องปล่อยมันไปหากินเอาเองตามที่มันหากินได้บ้าง อย่าผูกดีกว่า ส่วนเจ้าของก็แวะเวียนมาดูบ้าง เพราะทุกวันนี้ ขโมยมันเอารถมาขนวัว ทีละ 2ถึง3 ตัวหรือเป็นคอกขึ้นรถ โดยเจ้าของหารู้ไม่ ถึงว่าทุกอย่างมันไม่เดิม
ฉะนั้น คำว่า “รักวัวให้ผูก รักลูกให้ตี” เป็นคำพังเพยสุภาษิต ในสมัยก่อนใช้ได้ แต่ในสมัยปัจจุบัน ควรจะเปลี่ยนใหม่ว่าอย่างไรดี ให้สมกับยุคโลกาภิวัตน์
“รักวัวให้ปล่อย รักลูกก็ให้ปล่อย” ธรรมชาติลงโทษเขาเอง แต่มองอยู่ห่างๆ ต้องคอยแนะนำ ชี้ช่องทาง ที่เขาจะพลาดได้ แต่ถ้าไม่เชื่อ ก็ตัวใครตัวมัน ลูกใครมีกรรม
ขอให้ทุกคนที่อยู่รอบข้าง จงช่วยกันประคับประคอง หรือพยุง ให้เขาได้ยืนหยัดอย่างมั่นคง หรือจะเปรียบเป็นเก้าอี้ซักตัวหนึ่ง ถ้าเด็กมีปัญหา เหน็ดเหนื่อยก็ให้โอกาสเขาได้มานั่งลงพักพิงสักพัก รองรับเขาไว้ ไม่ให้เขาล้มตกเก้าอี้ แล้วก็ปลอบใจเขาให้สู้และดิ้นรนในทางที่ถูกต้อง ให้โอกาสเขาสักครั้งเถอะ
กลับมายังนอนไม่อิ่มเลย มาเมนท์ คงจะยังไม่สละสลวยเท่าไหร่ แต่รับปากไว้ว่าจะกลับมา ลุย ก็ลุยก่อนหละ ไม่ใช่คนขี้ฝอย
ชอบไปเมนท์สร้างสีสรรให้บล็อคนอื่น บล้อคตนเองไม่เขียนสักที ชอบอ่านมากกว่าชอบเขียน ชอบใช้ความคิด มากกว่า ในเรื่องของคนอื่น ว่ามีความคิดเหมือนตนเองไหม ไม่ใช่ชอบแสดงนะ ถ้าว่า จะลาออก
ดอกไม้ไหว้ครูคะ แลกกับครูอย่าตีหนูนะ ถ้าตีก็ตีเบาๆนะ หนูเจ็บก็เป็นนะคะ (ไร้เดียงสาแค่ไหน ตีได้ลงคอเชียวหรือ)
ขอพระอภัยมณีศรีสุวรรณสินสมุทรสุดสาครโมราสานนท์วิเชียรด้วยนะครับ ที่ตอบช้าไปหลายเพลา พอดีช่วงนี้งานเยอะนะครับ (ว่าจะไม่แก้ตัว แต่อดไม่ได้ ความเคยชิน แหะแหะ)
คืนก่อนจะตอบแล้ว ตอนประมาณเกือบตีสอง แต่เน็ทเจ๊งก่อนที่คนจะเจ๊ง ก็เลยได้โอกาสให้คนนอน
ผมได้ภาพเด็กน้อยจากคุณสุ ไปฉายให้คุณครูดูสองภาพแล้ว ฮ่า ฮ่า (วันเสาร์นี้ ศิลปินเดี่ยวบรรยายทั้งวันครับ)
แววตา สีหน้าของเขาบ่งชัดว่าเขามุ่งมั่นที่จะมอบดอกไม้และไหว้ครูด้วยความรักที่เปี่ยมล้น แต่ในความมุ่งมั่นนั้นเจือปนอยู่ด้วยความว้าวุ่นใจ ไม่แน่ใจ และกังวลใจว่า ครูจะรักจะเอ็นดู หรือจะเหลียวแลตัวเขาหรือไม่ ...... เด็กน้อยเอ๋ย.......ขอให้หนูจงพบแต่สิ่งที่ดีงามด้วยเถิด
ผมเห็นด้วยกับคุณสุทุกประการครับ......... ในชีวิตผมเคยตีเด็กครั้งสุดท้ายเมื่อปี 2512 เคยให้เขาเอามะกอก (มะเหงก) เขกโต๊ะครั้งสุดท้ายเมื่อปี 2519 แล้วไม่ได้ทำอีกเลย และเสียใจจนบัดนี้ เพราะผมพบแล้วว่า หากเขาทำความผิด เพียงผมไม่ใส่ใจเขา ไม่มองหน้าเขา ทำเหมือนไม่มีเขาอยู่ในโลกนี้ เขาก็เจ็บปวดมากแล้ว
เราไม่จำเป็นต้องเฆี่ยนต้องตีครับ แต่...เมื่อเขาสำนึกเราต้องให้โอกาสเขาครับ แล้วเขาจะกลับมา กลับมาเป็นเด็กดีอีกครั้งหนึ่ง
ความคิดของคุณสุกับของผมตรงกันเลยครับ (ไม่คิดลึก...ไม่คิดยาว..ครับ..ฮ่า ฮ่า)
กลับมายังนอนไม่อิ่มเลย มาเมนท์ คงจะยังไม่สละสลวยเท่าไหร่ แต่รับปากไว้ว่าจะกลับมา ลุย ก็ลุยก่อนหละ ไม่ใช่คนขี้ฝอย
ขอบคุณมากครับ สำหรับถ้อยคำนี้ ผมดีใจมาก ดีใจที่ผมได้พบกับมิตรที่มีน้ำใจงามเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งคนแล้ว
โอ๊ย...... ไม่ว่า ไม่ว่าครับ โธ่บอกอยู่ประเดี๋ยวนี้เองว่า คุณสุมีน้ำใจงาม
ครับ ครับ ผมไม่ตีหนูคนนี้แน่นอนครับ ผมจะลูบผมที่ดำขลับของแก แล้วจะโอบแกเบาๆ พร้อมกระซิบว่า “ครูรักหนูนะจ๊ะ”