เกษตรกรบางรายปลูกไม้ผลเช่น เงาะ ทุเรียน ลองกอง และมังคุด และมีการดูแลรักษาอย่างดี แต่ไม้ผลไม่เจริญเติบโต ไม่มีการแตกยอดอ่อนใหม่ หรือแตกยอดอ่อนน้อยมากและยอดสั้น แม้เวลาผ่านไปหลายปีแต่ยังมีขนาดเท่าเดิม เมื่อดูวิธีการปลูกแล้วปรากฏว่าเกิดจากสาเหตุ 2 ประการคือ
1.เกษตรกรขุดหลุมและปลูกฝังลึก ทำให้รากฝอยซึ่งเป็นรากหาอาหารขาดอากาศหายใจและต้องใช้เวลาในการงอกขึ้นมาอยูระดับผิวดินเพื่อให้ได้อากาศหายใจ (เมื่อรากหายใจไม่ได้ก็ไม่สามารถดูดน้ำและธาตุอาหารได้) ทำให้พืชโตช้า วิธีป้องกันคือ ไม่ปลูกให้ลึก ให้ปลูกสูกกว่าระดับผิวดินเล็กน้อยแล้วใช้ดินกลบให้ดูเป็นกะลาคว่ำ เมื่อดินได้รับน้ำและดินยุบตัวจะต่ำลงเสมอผิวดิน
2. เกษตกรไม่มีการตัดรากที่ขดอยู่ก้นถุงโดยเฉพาะต้นพันธุ์ที่มีอายุมากต้นใหญ่ รากแก้วและรากฝอยจะงอกและขดอยู่รอบก้นถุง ถ้าไม่มีการตัดออกเมื่อปลูกรากจะงอกช้าหรือไม่งอกต่อเลยโดยเฉพาะรากแก้วเป็นรากที่พืชใช้ในการยึดลำต้น เมื่อรากแก้วไม่งอกยอดอ่อนก็ไม่แตกใหม่เช่นกัน ซึ่งเป็นธรรมชาติของพืชที่จะดำรงชีพอยู่ได้ ซึงอาการดังกล่าว เรียกว่า โรคนั่งยองของพืช
วิธีการแก้ไข การปลูกไม้ผลไม้ยืนต้นทุกครั้งต้องทำการตัดรากฝอยและรากแก้วที่คดก้นถุงเพาะออกก่อน ก่อนทำการตัดรากต้องงดการให้น้ำก่อนรอให้ดินในถุงเพาะแห้งเมื่อตัดดินจะไม่แตก วิธีตัดโดยการใช้มีดคมๆ ตัดดินก้นถุงลึกประมาณ 1 - 2 นิ้ว และใช้กรรไกรตัดกิ่งที่คม ๆ ตัดรากที่คดอยู่ก้นถุงออกให้หมด
มีคำถามสงสัยเกี่ยวกับการตัดรากแก้วค่ะ ว่ามีประโยชน์ในการคุมความสูงของต้นรึเปล่า เลยค้นหาดู แต่เจอกระทู้เกี่ยวการตัดรากแก้วของยางพารา มีการโต้กันในกระทู้ว่า รากแก้วสามารถงอกได้อีกหลังจากตัด จริงหรือ! ซึ่งไม่ได้ข้อสรุปไม่ทราบว่า คุณหนุ่ม ร้อยเกาะจะพออธิบายให้ชัดเจนถึงความรู้เกี่ยวกับเรื่องการตัดรากแก้ว ที่มีผลกระทบ หรือวัตถุประสงค์ในการตัดด้านอื่นๆ นอกจากชอนไชทำลายอาคาร อะไรนี้เป็นต้น ค่ะ
ปลูกพืชคลุมดิน