ข้อสงสัยเกี่ยวกับตุ๊กตาบลายธ์ (Blythe Doll)


ใครลอกเลียนใครกันแน่? แล้วใครคือเจ้าของลิขสิทธิ์ในไอเดียนี้ที่แท้จริง?

โดยส่วนตัวแล้วผู้เขียนไม่เคยคิดอยากเล่นตุ๊กตาบลายธ์เลย เพราะโดยเหตุผลส่วนตัวคือ กลัวตุ๊กตาที่มีหน้าตาประเภทนี้ (ถึงใครๆ จะว่าน่ารักก็เถอะ แต่ผู้เขียนไม่นิยม) ...เรื่องมันก็ควรจะจบแต่เพียงเท่านี้ เพราะผู้เขียนไม่ได้นิยมชื่นชอบตุ๊กตาคอลเลคชั่นนี้สักเท่าไหร่ แต่เรื่องที่กวนใจผู้เขียนจนต้องบันทึกเอาไว้ในนี้ก็เพื่อหา "คำตอบ" ให้กับ "ข้อสงสัย" ที่เกิดจากการได้สนทนาเรื่องน้องตุ๊กตาบลายธ์กับเพื่อนในรถ เรื่องมันมีอยู่ว่า...


ด้วยกระแสความนิยมในตัวตุ๊กตาบลายธ์นั้น ทำให้ปัจจุบันจะพบเห็นร้านค้าที่ขายของเกี่ยวกับตุ๊กตาคอลเลคชั่นนี้เป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นชุดตุ๊กตา รองเท้า กระเป๋า และอื่นๆ สำหรับแต่งตัวน้องตุ๊กตาบลายธ์เขาแล้วนั้น ก็ยังมีสินค้าประเภทอื่นๆ อีก เช่น ภาพถ่ายตุ๊กตาบลายธ์ เสื้อยืดที่สกรีนลายเป็นตุ๊กตาชุดนี้ หนังสือรวมเล่มภาพถ่ายการเดินทางของตุ๊กตาบลายธ์ และอื่นๆ อีกมากมาย (ที่ผู้เขียนอาจไม่เคยเดินผ่านแล้วเห็นสินค้า)

 
สิ่งสำคัญในสินค้าเหล่านี้ก็คือ เป็นไปได้หรือไม่ว่า สินค้าประเภทภาพถ่ายตุ๊กตาบลายธ์ เสื้อยืดที่สกรีนลายตุ๊กตาบลายธ์ และหนังสือรวมภาพถ่ายการเดินทางของตุ๊กตาบลายธ์นั้น เป็นสิ่งที่อาจจะเรียกได้ว่า เป็นสินค้าที่ผิดกฎหมาย หรือเป็นสินค้าที่ละเมิดลิขสิทธิ์

 
ในตอนแรกที่ได้ฟังเพื่อนเล่าให้ฟังถึงเรื่องการปราบปรามสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ตุ๊กตาบลายธ์นั้นเป็นเรื่องที่น่าจะเป็นการขู่กรรโชกทรัพย์กันมากกว่า (เหมือนที่เคยเกิดขึ้นกับเพลงคาราโอเกะ) แต่เมื่อมาคิดวิเคราะห์ประกอบข้อมูลให้ดีก็พบว่า เราอาจจะคิดผิดก็ได้?


เรื่องที่เพื่อนเล่าให้ฟังมีอยู่ว่า มีพี่ผู้หญิงคนนึงเขารวบรวมภาพถ่ายของน้องบลายธ์จากที่หลายๆ คนได้พาตุ๊กตาตัวนี้ไปเที่ยวในสถานที่ต่างๆ แล้วก็บันทึกภาพเอาไว้แล้วเอามาลงเว็บอวดโชว์กัน พี่เขาก็เอามารวบรวมแล้วผลิตเป็นหนังสือแบบผลิตง่ายๆ ขึ้นมา แล้วก็มีร้านที่ขายตุ๊กตา บลายธ์บอกว่ามีลูกค้าต้องการสั่งซื้อจำนวน 15 เล่ม จากนั้นเมื่อพี่ผู้หญิงเขาผลิตไปให้ ก็ถูกจับฐานละเมิดลิขสิทธิ์ภาพถ่ายตุ๊กตาบลายธ์ (เรื่องเล่านี้ไม่ได้บอกว่าละเมิดลิขสิทธิ์ภาพถ่ายของบุคคลอื่น ซึ่งผู้เขียนคิดว่าน่าจะเป็นข้อหานี้มากกว่า) เพื่อนเล่าให้ฟังในทำนองที่ว่า ถูกล่อซื้อเหมือนล่อซื้อยาบ้าเลย ผู้เขียนฟังแล้วก็รู้สึกสงสัยในหลายประเด็นอยู่ (ซึ่งมันคงต้องมีข้อเท็จจริงที่มากกว่านี้) แต่สิ่งหนึ่งที่ได้ผลในตอนนี้ก็คือ การผลิตสินค้าประเภทภาพถ่าย เสื้อยืดสกรีนลาย หรือหนังสือรวมการเดินทางของตุ๊กตาตัวนี้นั้น ล้วนเป็นเรื่องที่ละเมิดกฏหมายทรัพย์สินทางปัญญาไปแล้วในความคิดของคนทั่วไปที่ได้ฟังเรื่องเล่านี้ แต่ผู้เขียนกลับสงสัยว่า มันเป็นเช่นนั้นจริงหรือไม่?

 
เมื่อลองแยกสินค้าทั้ง 3 ประเภทที่ผู้เขียนยกตัวอย่างดังข้างต้น มาแยกแยะและวิเคราะห์ เป็นชิ้นๆ ผู้เขียนเองมีความเห็นว่า


1. สินค้าประเภทภาพถ่ายตุ๊กตาบลายธ์ในอิริยาบถต่างๆ ที่เห็นเขาชอบมาอัดรูปขายกันนั้น อันนั้นถ้าจะว่าเข้าข่ายละเมิดลิขสิทธิ์ตัวตุ๊กตาบลายธ์ ในข้อหาเอามาจำหน่ายเพื่อประโยชน์ทางการค้าก็อาจจะนับว่าผิดก็ได้ (ข้อนี้ไม่แน่ใจนัก เพราะอีกใจก็แย้งว่า จริงๆ มันก็เป็นงานลิขสิทธิ์ใหม่ที่เกิดขึ้นมา เนื่องจากเป็นลิขสิทธิ์ภาพถ่ายที่คนขายเขาถ่ายแล้วก็เอามาขาย (กรณีที่เขาถ่ายเอง ขายเองไม่ได้ไปเอาของใครเขามา) ลิขสิทธิ์จึงน่าจะเกิดขึ้นใหม่เป็นเรื่องลิขสิทธิ์ของภาพถ่าย ไม่น่าจะไปเกี่ยวกับละเมิดลิขสิทธิ์ในตัวน้องบลายธ์เขา


2. สินค้าประเภทเสื้อยืดสกรีนลายตุ๊กตาบลายธ์นั้น สินค้าตัวนี้ผู้เขียนค่อนข้างมั่นใจว่าน่าจะละเมิดลิขสิทธิ์ เพราะทางผู้จัดจำหน่ายอาจจะมีการผลิตสินค้าไลน์นี้ออกมาก็ได้ เช่นเดียวกับสินค้าประเภทตุ๊กตาบาร์บี้ที่ผลิตเสื้อผ้าเด็กออกมาจำหน่ายเช่นกัน (นอกเหนือไปจากการผลิตเสื้อผ้าเพื่อแต่งตัวให้ตุ๊กตา)

3. สินค้าที่เป็นสมุดภาพถ่ายรวมเล่มการเดินทางไปเที่ยวในที่ต่างๆ ของตุ๊กตาบลายธ์นั้น ในกรณีที่ถ้าภาพถ่ายที่นำมารวมเล่มนั้นได้มีการขออนุญาตลิขสิทธิ์จากเจ้าของแต่ละคนเรียบร้อยแล้วนั้น มันก็ไม่น่าจะผิด ในทางตรงกันข้ามน่าจะเกิดลิขสิทธิ์ใหม่ด้วยซ้ำ คือ ลิขสิทธิ์ที่เกิดจากการ รวบรวมผลงานอันมีลิขสิทธิ์เข้าไว้ด้วยกัน (จำมาตราไม่ได้) ข้อนี้จึงเป็นข้อที่สงสัยมากว่า เรื่องลิขสิทธิ์เกี่ยวกับภาพถ่ายตุ๊กตาบลายธ์นั้น คนอื่นๆ มีสิทธิ์ถ่ายตุ๊กตาบลายธ์ที่ตนมีครอบครองไว้เป็นกรรมสิทธิ์หรือไม่ และสามารถถ่ายภาพตุ๊กตาในมุมสวยๆ เพื่อมาจำหน่ายได้หรือไม่ ข้อนี้ผู้เขียนสงสัยมาก หากมีผู้รู้ด้านกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญาได้แวะเวียนผ่านมา โปรดให้คำชี้แนะไว้ในที่นี้ด้วยนะคะ จักเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง (เพื่อไม่ให้เกิดการข่มขู่ใช้กฎหมายในทางที่ผิด)


ในตอนแรกที่ได้ฟังเพื่อนเล่า เข้าใจเอาเองว่า ผู้หญิงคนนั้นไม่น่าจะผิด แต่พอได้มาอ่านประวัติและเรื่องราวของตุ๊กตาบลายธ์แล้ว ทำให้ต้องกลับมาทบทวนใหม่ว่า อาจจะผิดจริง เพราะไปอ่านเจอบทความว่า ได้เคยมีการทำสมุดรวมภาพถ่ายการเดินทางของตุ๊กตาบลายธ์มาแล้ว โดยใช้ชื่อหนังสือรวมภาพถ่าย (ที่มีตุ๊กตาบลายธ์เป็นนางแบบ) ว่า "This is Blythe" โดย Gina Garan ที่ขายได้กว่า 100,000 เล่มในปี 2001 (อันที่จริงไอเดียนี้ ผู้เขียนก็เคยเห็นในหนังเรื่อง เอมิลี่ สาวน้อยหัวใจสะดุดรัก (Amelie) หนังฝรั่งเศสที่เคยเข้าฉายที่โรงหนังเฮ้าส์ ก็เคยเสนอไอเดียนี้เอาไว้เหมือนกัน คือ การพาตุ๊กตาซานตาคลอสของพ่อไปเที่ยวในที่ต่างๆ แล้วถ่ายรูปส่งมาให้พ่อดู ว่าตุ๊กตาซานตาคลอสของพ่อแอบหนีไปเที่ยว เป็นไอเดียที่คนดูหลายคนน่าจะชื่นชอบเลยทีเดียว-ไม่พ้นแม้ผู้เขียน)


ข้อสงสัยในเรื่องของตุ๊กตาบลายธ์ของผู้เขียน จึงมุ่งประเด็นที่ภาพถ่ายเป็นหลัก เพราะโดยส่วนตัวเห็นว่า ถ้าเรามีตุ๊กตาของเรา แล้วเราก็ถ่ายภาพเอง มีคนมาเห็นแล้วชอบมาขอซื้อ ก็ไม่น่าจะผิด และถ้ามีคนมาสั่งให้ถ่ายเพิ่ม ก็ไม่น่าจะผิด เพราะไม่ได้ไปดัดแปลงตุ๊กตาบลายธ์ให้ผิดไปจากลิขสิทธิ์เดิม และไม่น่าจะไปละเมิดลิขสิทธิ์ตัวใดของผู้ผลิตสินค้าตุ๊กตาลิขสิทธิ์ตัวนี้


สิ่งที่น่าสนใจยิ่งไปกว่าก็คือ ภาพยนตร์เรื่องเอมิลี่ สาวน้อยหัวใจสะดุดรักนั้น มีการออกฉายในปี 2001 เช่นเดียวกับปีที่หนังสือประสบความสำเร็จ ดังนั้นเป็นไปได้หรือไม่ว่าไอเดียนี้จริงๆ แล้ว เกิดจากผู้ผลิตหนังสือ "This is Blythe" หรือ ผู้กำกับภาพยนตร์เรื่อง Amilie ใครลอกเลียนใครกันแน่? แล้วใครคือเจ้าของลิขสิทธิ์ในไอเดียนี้ที่แท้จริง?

 vs 

เกร็ดเพิ่มเติม
ประวัติตุ๊กตา Blythe (บลายธ์)
"Blythe"(บลายธ์) คือตุ๊กตาวินเทจที่ถูกออกแบบขึ้นในปี 1972 โดย Kenner โรงงานผลิตของเล่นในอเมริกา ที่ต้องการสร้างตุ๊กตาให้ต่างจากตุ๊กตาทั่วไปด้วยโมเดลตุ๊กตา 4 แบบ ชื่อ Blythe, Karess, Willow และ Skye พร้อมแฟชั่นเครื่องแต่งกายกว่า 12 ชุด โดดเด่นด้วยดวงตากลมโตที่เปลี่ยนสีได้ 4 สี เขียว ชมพู ส้ม และน้ำเงิน เพียงแค่ดึงห่วงที่อยู่หลังศีรษะ แต่มันกลับเป็นตุ๊กตาที่เด็กๆ หวาดกลัว ด้วยเหตุนี้จึงทำให้บลายธ์ไม่เป็นที่นิยม จนต้องปิดตัวลงหลังวางขายได้เพียง 1 ปี

30 ปีต่อมา จากสินค้าค้างสต๊อกกลับเป็นตุ๊กตาหายากที่ได้รับความนิยมในหมู่นักสะสม หลังจากที่เพื่อนสนิทของ Gina Garan (โปรดิวเซอร์สาวชาวอเมริกัน) ได้มอบตุ๊กตาเป็นของขวัญ เธอก็ตกหลุมรักมัน เริ่มพามันเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ขณะเดียวกันเธอก็เริ่มฝึกถ่ายภาพจากกล้อง SLR โดยมี Blythe เป็นนางแบบจนถูกตีพิมพ์เป็นหนังสือรวมภาพถ่ายชื่อ This is Blythe รวมถึงหนังสือ Firecracker Alternative Book ที่ขายได้กว่า 100,000 เล่มในปี 2001

หลังจากที่ Hasbro ผู้สืบทอดกิจการจาก Kenner ได้มอบลิขสิทธิ์การผลิตตุ๊กตาให้บริษัท Takara ประเทศญี่ปุ่น Blythe ก็เริ่มเป็นที่รู้จักและกลายเป็นตุ๊กตายอดนิยมของคนญี่ปุ่น จากการเป็นพรีเซ็นเตอร์โฆษณาทีวีให้กับห้างดัง Parco จนกลายเป็นกระแส Blythe ฟีเวอร์ ได้รับความสนใจจากคนในแวดวงแฟชั่น มีการระดมสุดยอดดีไซเนอร์มาร่วมออกแบบเสื้อผ้าตัวจิ๋วให้เหล่านางแบบ Blythe ได้สวมเดินเฉิดฉายอยู่บนแคตวอล์กกลางกรุงโตเกียว

และในปี 2001 Takara ได้รับหน้าที่แปลงโฉม Blythe ให้โดดเด่นขึ้นด้วยขนาดตัว 11 นิ้ว พร้อมชื่อใหม่ "Neo Blythe" และนับแต่นั้นมาก็มีคอลเลกชั่นต่างๆ ของ Neo Blythes ขึ้นมากมาย นอกจากนี้ยังมีการเปิดตัว Blythe สายพันธ์ใหม่ "Petite Blythe" ด้วยขนาดตัวที่เล็กกะทัดรัดเพียง 4 1/2 นิ้ว ปิดท้ายด้วย Blythe Belle ตุ๊กตาพีวีซีที่จำลองและย่อส่วนขนาดของ Blythe ให้เหลือเพียงแค่ 3 นิ้ว

ข้อมูลประวัติตุ๊กตาบลายธ์จาก
http://www.tumsrivichai.com/index.php?lay=boardshow&ac=webboard_show&WBntype=1&Category=tumsrivichaicom&thispage=5&No=1170271  

 

 

หมายเลขบันทึก: 264694เขียนเมื่อ 31 พฤษภาคม 2009 00:02 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 20:49 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (17)

สวัสดีค่ะ

*** ขอบคุณบันทึกน่าอ่านนี้

*** เอารูปตุ๊กตามาฝาก

 

 

ขอบคุณค่ะ

แต่ระวังภาพถ่ายที่นำมาลง อาจจะผิดลิขสิทธิ์นะคะ

(แซวเล่นค่ะ ^_^)

  • ไม่ชอบเล่นเหมือนกันครับ
  • ฮ่าๆๆ
  • กลัวโดนแซว
  • อาจารย์หายไปนานมากๆๆ
  • ขอบอก

สวัสดีค่ะอ.ขจิต

คือแบบว่า

ไม่สามารถเขียนได้สม่ำเสมอเท่าอาจารย์เลยค่ะ

คือมันต้องมีเรื่องโดนใจจริงๆ จึงจะอยากเขียน อิอิ

(หาเรื่องแก้ตัว ^_^)

เห็นเขาฮ๊อตกันมาก พึ่งรับทราบข้อมูลดีดี ขอบคุณนะคะ ถ้าให้เลือกซื้อ เอาเงินไปซื้อตำราเสริมวิชาการให้ลูกชายดีกว่าค่ะ

เห็นด้วยกับคุณน้อยหน่ามากค่ะ ถ้าเงินจำนวนที่เท่ากันสามารถเลือกซื้ออะไรได้หลายอย่าง แนทคนหนึ่งที่ขอเลือกซื้ออย่างอื่น ที่ก่อให้เกิดประโยชน์ทางกายภาพได้มากกว่านี้ (เพราะของเล่นชิ้นนี้ก่อให้เกิดประโยชน์ทางด้านจิตใจซะมากกว่า)

เราก้อมีนะ

มันน่ารักดีไง

ตอนแรกซื้อมา

ก้อเห่อมาก้ลย

แต่หลังเนี่ย

ไมค่อยแร้วอ่า

ตอนนี้ก้อเลย

นั่งมอง

ตุ๊กตา

ว่าซื้อมาได้ยังไงว่ะ

ตัวตั้ง 12000

เสียดายมากเลยยยยยยยยยค่ะ

ไม่น่าซื้อเลย

อย่างน้อยเขาก็ได้ทำหน้าที่ของเขาแล้วค่ะคุณลูกแก้ว

ในแง่ที่ให้คุณค่าทางจิตใจ

ถึงแม้ว่าเวลาจะผ่านไป

เขาไม่ได้ให้คุณค่าทางจิตใจแก่เราอีกแล้ว

แต่เขาก็ยังให้แง่คิดใหม่ๆ แก่เราถึงวิธีการใช้เงิน

ที่สอนให้เราเลือกใช้จ่ายได้คุ้มค่ากว่าเดิมค่ะ :)

(ว่าแต่ว่า มันแพงมากเลยนะคะ)

พี่เราอ่ะไปพัทยา

มีตุ๊กตาบลายธ์สวยๆทั้งนั้นเลย

มีเจ้าหญิงด้วยละ

แต่ไม่ได้ซื่อนะพี่เราไปถ่ายรูปเฉยๆ

ชอบตุ๊กตาบลายธ์เหมือนกันค๊ะ รักน้องตุ๊กตาบลายธ์ที่สุดเลย

มาอ่านเรื่องตุ๊กตาของเธอล่ะ

มุมเรื่องทั้งสนุกและมีความรู้ เขาว่า มีฝีมือแล้วล่ะค่ะ

อาจารย์แหววคะ

ขอบคุณกำลังใจจากอาจารย์มากๆ เลยค่ะ :)

นู๋พึ่งจะได้น้องบลายธ์คร้า นู๋ดีใจมากกกกกกกกก แต่มันเหมือนเสียเพราะ นู๋ดึงไม่ค่อยเก่งคร้า มีความสุขมากกกกกเลยคร้า

(^-^)

อยากได้บลายธ์จังงงง

(^-^)

Dคร้า ^ _^ฉัเป็นคนที่ชอบบลายธ์ ม้าก มาก(จริงน้า)

จากเรื่องที่อานมาก็okนะเรื่องอ่านแล้วหนุกดี

ใครอยากได้บาย (ถูกๆ )ก็ไปซื้อที่ สามเพ็ง เอานะ^ _^

ในฐานะคนรักบลายธ์

ขอออกตัวก่อนว่า ส่วนตัวเป็นคนรักน้องบลายธ์คนหนึ่ง ที่มานี่ก็คือมาบอกในฐานะคนเล่นน้องบลายธ์ค่ะ

เรื่องกฎหมาย ไม่ค่อยมีความรู้สึกเท่าไหร่นะคะ ทราบแต่ว่า ผู้เป็นคนถ่ายรูปคือเจ้าของรูป ถือเป็นสิทธิ์ของตนในการนำไปเผยแพร่หรือทำการแจกจ่าย หากผู้อื่นซึ่งไม่ได้รับอนุญาต มีการนำไปเผยแพร่หรือหาผลประโยชน์ อันนั้นก็คือผิดลิขสิทธิ์

เรื่องรูปถ่ายน้อง เพื่อนๆ พี่ๆ ในกลุ่มคนที่นักและเล่นน้องบลายธ์ เจอกันเป็นทิวแถวค่ะ ถูกพวกพ่อค้าแม่ค้าที่ฝักใฝ่ผลประโยชน์แต่ไม่ลงทุน นำรูปน้องที่เจ้าตัวตั้งใจถ่ายและตกแต่งภาพแล้วเอาขึ้นเวปบอร์ดเพื่ออวดโชว์กันนั้น ไปอัดขายบ้าง ไปสกรีน หรืออะไรก็สุดแล้วแต่

เจ้าของรูป ผู้ซึ่งเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ก็ได้ทำลายน้ำหรือใส่ชื่อแสดงความเป็นเจ้าของไว้ในภาพแล้ว แต่พ่อค้าแม่ค้าก็ได้ลบชื่อของเจ้าของรูปทิ้ง แล้วเอาไปทำขายหน้าตาเฉย

คนเล่นน้อง รักน้อง ดูแล แต่งตัว ทำผม สระผมให้น้อง ให้น้องออกมาสวย น่ารัก แล้วยังต้องหาฉาก จัดสถานที่ หาวิวสวยๆ เพื่อนถ่ายรูปลูกสาวสุดที่รัก แล้วยังต้องหากล้องดีๆ มาถ่ายรูปน้องให้สวยๆ สุดท้ายสวยไม่พอ ต้องมาแต่งรูปแต่งสีกันอีกกว่าจะได้รูปน้องงามๆ สักรูปหนึ่ง

คิดว่ามันทำยากมั้ยคะ ใช่ มันอาจจะไม่ยาก แต่มันก็ไม่ได้ง่ายนักหรอกค่ะ ที่สำคัญคือเจ้าของรูปเค้าทำด้วยใจ

ตั้งใจแทบตาย แต่ดันเดินไปเห็นรูปของตัวเองถูกขโมยไปทำเป็นลายเสื้อแขวนโชว์หราอยู่หน้าร้าน แถมโดนลบชื่อออกไปอีก

เวลาเล่นบอร์ด เซฟรูปคนอื่นแล้วเอารูปเขาไปโพสต่อ เขายังให้ลงเครดิต ยังไม่รู้สึกชอกช้ำอะไรเท่าไหร่

แต่นี่เอาไปทำขาย... เจ้าของรูปคงไม่รู้สึกดีหรอกค่ะ ที่รูปของตัวเองถูกขโมยไปหาผลประโชน์แบบนี้

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท