เมื่อเป็นเด็กๆเป็นเด็กขี้กลัว..ที่กลัวที่สุด..คือกลัวผี...สาเหตุก็อาจจะมาจากความมืดสมัยนั้นเรายังไม่มีไฟฟ้าใช้กันและพอตกกลางคืนเรื่องฮิตที่เขาชอบเล่าให้เด็กอย่างเราฟังคือเรื่องผีๆสนุกด้วยกลัวด้วยถึงกับนั่งบีบตัวให้อยู่บนกระดานที่มีร่องเพราะความกลัวผีที่เล่ากันอยู่ขณะนั้น...ตอนโต(อยู่มหาวิทยาลัยศิลปกร)ต้องเรียนเรื่องของสรีระมีโครงกระดูกแขวนไว้ให้เรียนรู้กัน..เขาก็เล่ากันว่าเวลาพบๆจะเห็นเจ้าของโครงร่างนี้มาเดินเล่นเป็นประจำ..วันนั้นเรานั่งท่องเพื่อจะจำชื่อส่วนต่างของโครงกระดูกวันรุ่งขึ้นจะสอบเวลาโพล้เพล้เต็มทีสองคนกับเพื่อนนั่งอยู่กับเจ้าโครงกระดูกนั้นคลำกันไปคลำกันมาเจ้าโครงกระดูกนั้นหล่นโครมลงมาบนหัวเพื่อนเราเร็วยังกับสายฟ้าแลบตึกสี่ชั้นยายธีลงมาอยู่ข้างล่างได้อย่างไรไม่รู้ถ้าเป็นนักวิ่งคงจะได้เหรียญทองซ้อนสองเหรียญเป็นรางวัลความเร็ว...แต่พอนึกขึ้นได้ถึงเพื่อนรีบวิ่งกลับขึ้นไปดู..เราหัวเราะกับภาพที่เห็นเพื่อนมีหัวกระโหลกผีอยู่บนหัวมีมือของโครงกระดูกคล้องคออยู่จึงทำให้เพื่อนเรากระดุกกระดิกไม่ได้..ตั้งแต่นั้นมายายธีเลยหายกลัวผี...กลับกลายมาเป็นความกลัวในสิ่งที่จับต้องได้..กลัวติดยึดถือในตัวตน
เรื่องกลัวผีนี่ว่ากันไม่ได้นะคะก็เด็กๆมักถูกหลอกเรื่องมีอะไรในความมืด ทำให้จินตนาการไปได้ตามหนังผี การ์ตูนผีที่มีอยู่ทั่วไป
นุชไม่กลัวผีมากนัก อาจรู้สึกหวาดๆวังเวงนิดหน่อยเวลาไปในที่มืดๆ พี่น้อย-แม่บ้านและลูกสาวแกซึ่งโตจนมีลูกเป็นหนุ่มเป็นสาวแล้ว กลัวผีขนาดหนักค่ะ
แต่อย่างที่คุณยายธีเขียนค่ะ การยึดถือในตัวตน ยึดอัตตานั้นน่ากลัวกว่าเพราะสร้างทุกข์และความเสียหายได้มากมาย
ขอบคุณค่ะ..ที่มาเยี่ยมเยียน