วันหยุดติดต่อกัน 4 วันในเดือนพฤษภาคม เราชวนกันแบกกระเป๋าแทนเป้ไปวังเวียง หลายคนอาจสงสัยว่า ไปที่เดิมอีกแล้วรึ ไม่เบื่อบ้างหรืองัย ...ก็สมาชิกในทีมเปลี่ยนหน้าไปเรื่อย...ได้เรียนรู้ถึงสัมพันธภาพ ความเบื่อจึงไม่เกิดขึ้น
เฮียอ้อน มาจากโคราช มารับพวกเราไปหนองคาย...ฝากรถไว้ที่ด่านเชิงสะพาน (ค่าฝากรถประมาณ 90-100 บาท/คัน ขึ้นอยู่กับสถานที่) ระหว่างทางก็คุยกันว่าทริปนี้จะเอายังงัย เอาเป็นว่า 3 วัน 2 คืนก็แล้วกัน ถ้าถูกใจก็ถึงละไมกันต่อ
คราวก่อนเราข้ามด่านด้วยรถโดยสารระหว่างประเทศ (ค่ารถ 55 บาท) ซึ่งจะถึงสถานีขนส่งเลย คราวนี้เราใช้รถประจำทางจากด่านไทย-ไปด่านลาว (ประมาณ 20 บาท อาจเปลี่ยนแปลงตามค่าเงิน) และจะใช้บริการ Taxi หรือ รถจัมโบ้ ราคาก็ประมาณ 300-500 บาท แล้วแต่การต่อรอง ซึ่งจะพาเราไปส่งที่ท่ารถ VIP เป็นของเอกชน บริษัทลาวพันธวงษ์ ใกล้กับหอสมุดแห่งชาติ www.Lao-PhanthavongTour.com (085-20) 561-9083, 551-2795 ค่ารถจากเวียงจันทน์-วังเวียง ราคาประมาณ 250-280 บาท ตามแต่ค่าของเงินเช่นกัน บางครั้งอาจได้ไปรถบัสปรับอากาศขนาด 45 ที่นั่ง สภาพพอใช้ได้ หรือดีหน่อยอาจจัดให้เป็นรถตู้ 10 ที่นั่ง ย้ำอย่าให้เกิน 10 ที่นั่งเป็นอันขาด...เพราะจะนั่งไม่สบาย ก่อนเวลารถออกพวกเรามีเวลาประมาณ 2 ชม.ในการกินลมชมวิวนครหลวงเวียงจันทน์ ย่านวงเวียนน้ำพุ
ตื่นเช้าวันที่สอง ด้วยความสดชื่น แม้จะค่อนข้างร้อน แต่ตอนเช้าขุนเขาที่วังเวียงเต็มไปด้วยมวลหมอก เฮียอ้อนปั่นจักรยานไปตลาด...ที่อยู่ห่างออกไปไกลมาก กว่า 2 กิโล แต่ได้หนังพอง ปากหม้อ และข้าวต้มหมู (ข้าวต้มมัดนะ)ติดมือมามาฝากน้องๆ ก็คุ้มค่ากับเวลาที่หมุนผ่านไป
วันที่ 3 เป็นวันเดินทางกลับ...พวกเราใช้เวลาเดินเล่นตามรีสอร์ทต่างๆ เพื่อรอเวลาไปขึ้นรถ VIP ตอน 10.00 น. ซึ่งเราเลื่อนเวลาขึ้นมาจากเที่ยว 13.00 น. ด้วยว่ามีกิจธุระที่ต้องทำต่อ ฆ่าเวลาด้วยการดูบรรยากาศและ Check ราคาที่พัก...สำหรับการมาคราวหน้า ส่วนตัวแล้วยังชอบมาลีนเกสต์เฮาส์ ราคาย่อมเยาและเงียบ แต่ต้องมาหน้าหนาวเพราะไม่มีแอร์ หรือมาหน้าตอนข้าวออกรวง จะ work มากขึ้น
บรรยากาสโรแมนติกจังเลยคะ
บรรยาย ซะ......จนเห็นภาพเลย ฮิ ฮิ
ยิ่งบอกว่า มีขวดพลาสติก ลอยตุ๊บป่อง มากับน้ำ เฮ้อ..........ช่าเหมือนกับที่ไหนน้า คล้ายๆ คุ้นๆ
ชอบจังค่ะ ต้องยอมรับว่า นักท่องเที่ยว คือดาบสองคม.
เพราะ เราอาจเป็นหนึ่งในดาบเล่มที่ทำลายสิ่งแวดล้อมโดยไม่ได้ตั้งใจก็ได้
สวัสดีค่ะคุณกระติก... สบายดีนะคะ
คุณวันเพ็ญคะ เม้ทท์ข้างบนถือว่าเป็นคำเชิญหรือป่าวคะ
วันดีคืนดี อาจจะพบคนแปลกหน้าไปเคาะประตูห้องก้อไนคะ
อิอิ...
สวัสดีค่ะ คุณ pa_daeng
สิ่งที่ดึงดูดให้ทำซ้ำแล้วซ้ำเล่าโดยไม่มีเหตุผล...อาจจะเป็นนิยามของคำว่า เสน่ห์ ได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น
สบายดีนะคะ
บรรยากาศสวยมากมาก..อะแฮ่ม..ตาร้อนไปหมดแล้ววววววว.....อิอิ
"วังเวียง" ผมเองก็อยากไปอีกครั้งเลยครับ...
เมื่อปีก่อนได้ตามคุณดิเรก คุณเอก และดร.กะปุ๋มไปเที่ยวที่วังเวียง นอกจากจะได้ชมภาพที่สวยงามแล้ว
พบเห็นมิตรภาพ ความเป็นทีม แง่มุม และอะไรๆ อีกมากมาย จากเรื่องเล่าของคนทั้ง 3
การเดินทางให้อะไรมากกว่าที่คิดนะคะ เพียงแต่เราเปิดประตูรับเท่านั้นเอง
คุณดิเรก คงสบายดีนะคะ
ปล. ถึงคุณดิเรก
ถัดจากตำแหน่งในภาพคุณดิเรกนั่งเล่นน้ำไปทางสะพานไม้หน่ะคะ เดินข้ามน้ำซองไปเจอร่องน้ำ ต้องร้องเรียกให้พี่ชายหาเสื้อชูชีพมาให้...กัว กัว
เลยมีป้าสวมชูชีพสีส้มมมมมแปร๋น เลยน้ำ...ทั้งที่น้ำตื้นซะ...น่าอายมั๊ยคะ ...
แต่ป้าไม่อายค่ะ..เอาว่า save เป็นพอ...อิอิ
... เมืองลาว งาม ด้วย วิถีสงบ เงียบ
... เรียบ ด้วย วิถี ชีวิต ชาวบ้าน
... ผสาน ความเป็นอยู่ที่ สบายๆ
... สุดท้าย ชอบต้มยำปลาคัง ค่ะ แซบหลาย
ทึ่งความสามารถในการแต่งกลอนของคุณ POO
ธรรมชาติของวังเวียงยังคงงดงามอยู่ แต่อีกนานๆเข้าคงซึมซับความงามได้ยากจากความพลุกพล่านของนักท่องเที่ยวและกิจกรรมการท่องเที่ยวต่างๆนะคะ พี่เคยไปนานมาแล้วตั้งแต่สมัยที่คนไทยยังไม่ค่อยนิยมไปกัน มีแต่ฝรั่งแบ็คแพ็ค
ขอบคุณการทักทายจากพี่นุช นะคะ
หายคิดถึงแล้วค่ะ...