สงสัยไหมครับว่า ทำไมการเรียนรู้ในบางครั้งก็รู้สึกว่า เราได้เรียนรู้กับเรื่องนั้นๆไปหมดแล้ว หรือเรียนไปแล้วรู้สึกถึงทางตัน หนทางข้างหน้าดูเหมือนตีบแคบลงทุกวัน จะมองหาพลังหรือแรงดลใจจากการทำงานก็เหมือนจะไม่มี
หนทางหนึ่งที่ผมได้รับคำแนะนำจากพี่เล็ก ปรีดา เรืองวิชาธร กระบวนกรจากเสมสิกขาลัยก็คือ ต้องหาวง เหมือนกับการเล่นดนตรี ถ้าเล่นคนเดียว มันไม่มีทางพัฒนา แต่ถ้าเล่นกันเป็นวง ฝีมือจะพัฒนาอย่างรวดเร็ว
วันนี้ได้มีโอกาสไปนั่งจิบน้ำชาที่ร้านวงน้ำชา ขอนแก่น ใกล้กับที่ทำงานที่วัดหนองแวงพอดี กะว่าจะคุยแล้วสักสองทุ่มก็จะกลับ แต่ก็เลยเถิดแถมชวนพี่โป่ง ผอ.ศูนย์แพทย์วัดหนองแวงกับน้องอ๊อด เภสัชกรมานั่งล้อมวงทำสุนทรียสนทนาย่อยๆกับพี่ดี เจ้าของร้านอีกด้วย
ผมรู้สึกแปลกใจกับการที่เมื่อเราออกจากพื้นที่เดิมๆ มันช่วยให้เรากล้าพูดในสิ่งที่เราไม่กล้าแม้จะเอ่ยในที่ทำงาน บรรยากาศที่สบายๆ ไม่เร่งรีบ ช่วยทำให้เราหลุดจากกรอบเดิมๆทั้งทางด้านกายภาพและทางด้านความคิด เมื่อสิ้นสุดการสนทนา ผมรู้สึกถึงพลังแห่งการสนทนาที่ปลุกเร้าพลังภายใน จะทำอย่างไร พลังแห่งการสนทนาและการรับฟังอย่างลึกซึ้ง จึงจะเกิดขึ้นในองค์กรที่เราใช้ชีวิตอยู่ทุกคืนวัน ไม่ต้องไปเติมพลังกันในที่ไกลๆหรือจากภายนอก สามารถเติมพลังให้กันและกันให้ขับเคลื่อนการทำงานอย่างมีความสุข
คงต้องหาวงกันต่อไป
ขอร่วมเป็นครอบครัวเดียวกัน ถ้าเป็นการจัดสรรที่ยิ่งใหญ่
คงได้รับคำเชื้อเชิญ นะค่ะ