ความสำคัญและความหมาย
บุญเข้ากรรม คือบุญที่ทำขึ้นในเดือนอ้าย (เดือนเจียง)
ซึ่งเป็นเดือนแรกของปีที่ชาวอีสานจะต้องประกอบพิธีบุญกันจนเป็นประเพณีซึ่งอาจจะเป็นข้างขึ้นหรือข้างแรมก็ได้
พิธีบุญนี้จะเกี่ยวกับพระโดยตรงซึ่งความจริงน่าจะเป็นเรื่องของสงฆ์โดยเฉพาะ
แต่มีความเชื่อกันว่าเมื่อทำบุญกับพระที่ทำพิธีนี้จะทำให้ได้อานิสงส์มาก
ญาติโยมจึงคิดวันทำบุญเข้ากรรมขึ้น
บุญเข้ากรรมที่บอกว่าเป็นบุญสำหรับพระโดยตรงนั้นเพราะเป็นกิจกรรมที่ต้องการทำเพื่อให้พระที่ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
(อาบัติหนักรองจากปาราชิก) ซึ่งถือว่าเป็นครุกาบัติประเภทหนึ่ง
ภิกษุเมื่อต้องอาบัตินี้แล้วจะต้องทำพิธีที่เรียกว่า
วุฏฐานพิธีหรือพิธีเข้ากรรมตามที่ชาวพุทธทั่วไปรู้จักกัน
วุฏฐานพิธีแปลว่าระเบียบอันเป็นเครื่องออกจากอาบัติซึ่งมีพิธีปริวาสมา
นัตต์ ปฏิกัสสนาและอัพภาน
อันเป็นขั้นตอนและพิธีกรรมเกี่ยวกับการอยู่กรรมของพระการเข้ากรรมจัดทำโดย
พระสงฆ์เข้าไปอยู่ในเขตหรือที่จำกัด
เพื่อทรมานร่างกายให้หายจากกรรมหรือพ้นจากอาบัติที่ได้กระทำ
และเป็นการชำระจิตใจให้หายจากมัวหมองด้วย บางแห่งถือกันว่า
เมื่อบวชแล้วจะแทนคุณมารดาได้ก็จะต้องอยู่กรรม
เพราะมารดาท่านเคยอยู่กรรมมาแล้วซึ่งชาวอีสานเวลาคลอดลูกใหม่จะต้องนอนผิงไฟ
อาบ และดื่มน้ำร้อนอยู่กินอย่างคะลำ (ห้ามกินของแสลง)
เป็นการทรมานร่างกายอย่างหนึ่งเรียกว่าการอยู่กรรม
มูลเหตุและความเป็นมา
ที่พระภิกษุจะมีการเข้ากรรม มีเรื่องเล่าว่า
ครั้งหนึ่งมีพระภิกษุรูปหนึ่ง
ล่องเรือไปตามแม่น้ำคงคาได้เอามือไปจับใบตะไคร่น้ำขาดเข้าใจว่าเป็นอาบัติ
เพียงเล็กน้อยจึงมิได้แสดงอาบัติ
ต่อมาแม้ว่าพระภิกษุรูปนั้นจะปฏิบัติธรรมอยู่ในป่าเป็นเวลานานก็ยังคงนึก
อยู่เสมอว่า
ตนต้องอาบัติอยากจะใคร่แสดงอาบัติแต่ไม่มีพระภิกษุรับแสดงครั้นเมื่อพระ
ภิกษุรูปที่กล่าวมรณะแล้วจึงไปเกิดเป็นนาคชื่อเอรถปัต
จากเหตุเพียงอาบัติเล็กน้อยเพียงเป็นอาบัติเบายังกรรมติดตัวขนาดนี้
ถ้าเป็นอาบัติหนักก็คงจะบาปมากกว่านี้
ดังนั้นจึงจัดให้มีการอยู่ปริวาสกรรมเพื่อให้พ้นจากอาบัติ
ชาวอีสานโบราณเชื่อกันว่าพระภิกษุหากได้อยู่กรรมแล้ว
ย่อมจะออกจากอาบัติได้และทำให้บรรลุมรรคผลดังปรารถนาถึงเดือนอ้ายจึงกำหนดให้เป็นเดือนเข้ากรรม
เพื่อให้พระสงฆ์ออกจากอาบัติดังกล่าว
ขั้นตอนการปฏิบัติ
สถานที่
สถานที่สำหรับเข้ากรรมนั้นจะต้องเป็นสถานที่เงียบไม่พลุกพล่านอาจเป็นบริเวณวัดตอนใดตอนหนึ่งก็ได้
มีกุฏิหรือกระต๊อบชั่วคราวเป็นหลัง
ๆสำหรับพระภิกษุอยู่อาศัยระหว่างเข้ากรรมตามลำพังผู้เดียว
จำนวนพระ พระสงฆ์เข้ากรรมคราวหนึ่ง ๆ
มีจำนวนเท่าใดก็ได้ก่อนจะเข้ากรรมพระภิกษุรูปใดต้องอาบัติแล้วต้องบอกพระ
ภิกษุสงฆ์สี่รูปให้รับทราบไว้ได้เวลาแล้วจึงเข้ากรรม
พิธีกรรม ในหนังสือวินัยมุขกล่าวว่า
พระสงฆ์ผู้เข้ากรรมต้องประพฤติมานัตต์ แปลว่า “นับราตรี”ครบหกราตรี
แล้วสงฆ์จึงจะสวดระงับอาบัติเรียกว่า “อัพภาน” แปลว่า “เรียกเข้าหมู่”
แต่พระต้องอาบัติแล้วปกปิดไว้ล่วงเลยนานวันเท่าใดต้องอยู่ปริวาส
ซึ่งแปลว่า “อยู่ใช้ให้ครบวันเท่านั้น”
ก่อนจึงควรประพฤติมานัตต์ได้ต่อไป
ถ้าในระหว่างอยู่ปริวาสต้องครุกาบัติอีกจะต้องกลับอยู่ปริวาสหรือประพฤติมา
นัตต์ใหม่ เรียกว่า “ปฏิกัสสนา”แปลว่า
กิริยาชักเข้าหาอาบัติเดิมสำหรับประเพณีนิยมกันในภาคอีสานเกี่ยวกับการเข้า
กรรมนี้ปกติอยู่เก้าราตรี คือ ตอนสามราตรีแรกเรียกว่า”อยู่ปริวาส”
เมื่อจะเข้าปริวาสให้กล่าวคำสมาทานต่อสงฆ์โดยกราบพระภิกษุผู้แก่พรรษากว่า
ซึ่งสามารถสวดให้ปริวาสได้รูปหนึ่งว่า “ปริวาสัง สมาทิยามิ หรือ
วัตตัง สมาธิยามิ” ๓
หนก็ได้และถ้าไม่อาจอยู่ปริวาสต่อไปได้จะเก็บปริวาสก็กล่าวว่า”ปริวาสัง
นิกขิปามิ หรือวัตตังนิกขิปามิ” ๓ หน ต่อหน้าพระภิกษุรูปใดรูปหนึ่ง
และตอนหกราตรีต่อมาเรียกว่า
“อยู่มานัตต์”ซึ่งมีคาถาสวดเพื่อเข้ามานัตต์ต่อหน้าสงฆ์โดยกราบพระภิกษุรูปใดรูปหนึ่งผู้แก่พรรษา
ซึ่งสามารถสวดให้มานัตต์ได้
โดยกล่าวขอสมาทานมานัตต์ก่อนแล้วจึงสมาทานวัตตังดังนี้ “มานัตตัง
สมาทิยามิ วัตตังสมาทิยามิ” ๓ หน แล้วประพฤติให้ครบหกราตรี
แต่ถ้ามีเหตุอันจำเป็นต้องพักเก็บมานัต
จะกล่าวคำเก็บมานัตต่อหน้าพระภิกษุผู้แก่พรรษาโดยว่าวัตต์ก่อนแล้วจึงว่าเก็บมานัตต์
ดังนี้ “วัตตัง นิกขิปามิ มานัตตัง นิกขิปามิ” ๓ หน
ถ้าต้องการเข้ามานัตต์ต่ออีก ก็ขอสมาทานมานัตต์ดังกล่าวแล้ว
เมื่อเข้ากรรมครบกำหนดคืออยู่มานัตต์ครบหกราตรีแล้ว จึงอัพภาน
คือออกจากรรมได้แก่การออกจากอาบัติสังฆาทิเสสหรืออาบัติหนักขนาดกลาง(ครุกาบัติ)
ระหว่างเข้ากรรม
การสารภาพความผิดต้องมีพระสงฆ์ ๔ รูป เป็นผู้รับรู้ ส่วนการออกจากกรรม
ต้องมีพระสงฆ์ ๒๐ รูป ให้อัพภาน
ในจำนวนนี้จะนับพระภิกษุผู้กำลังประพฤติวุฏฐานวิธีเข้าด้วยไม่ได้
การรับพระภิกษุผู้ต้องอาบัติหนักและได้ถูกทำโทษ
คืออยู่ปริวาสหรือมานัตต์
แล้วให้กลับเป็นผู้บริสุทธิ์โดยพระสงฆ์สวดระงับอาบัตินี้เรียกว่า
“สวดอัพภาน” ภิกษุที่ออกจากกรรมแล้วถือว่าเป็นผู้หมดมลทิน
เป็นผู้บริสุทธิ์ผุดผ่อง
สำหรับชาวบ้านที่เกี่ยวข้องกับพิธีบุญเข้ากรรม
จะต้องเป็นผู้ให้ความอุปถัมภ์ด้วยจตุปัจจัยแด่พระภิกษุสงฆ์ตลอดเวลาที่เข้ากรรม
และในวันที่พระภิกษุออกจากกรรมจะต้องมีการทำบุญให้ทานเช่น
มีการตักบาตร ถวายภัตตาหาร และฟังเทศน์ เป็นต้น
คฤหัสถ์ผู้ใดได้ทำบุญแด่พระภิกษุสงฆ์ในบุญเข้ากรรม
ถือว่าได้กุศลหรืออานิสงส์แรงมาก
บุญเข้ากรรมในปัจจุบันมักจะมีจัดทำเฉพาะบางตำบลหมู่บ้านที่ชาวบ้านยึดมั่นในประเพณีดั้งเดิมจริงๆ
เท่านั้น
วิพากษ์พิธีกรรมความเชื่อ
ประเพณีบุญเข้ากรรมนั้น ยังมีข้อที่น่าสังเกตอยู่มาก
เพราะปัจจุบันนี้พิธีกรรมนี้ได้กลายเป็นการจัดงานเพื่อวัตถุประสงค์อื่น
มากกว่า
คือแทนที่จะเป็นพิธีชำระพระผู้ต้องอาบัติให้เป็นผู้บริสุทธิ์ตามพระธรรม
วินัย
ซึ่งก่อนที่จะให้มีงานบุญนี้จะมีพระที่ทำผิดเกิดขึ้นเป็นมูลเหตุถือว่าเป็น
พระที่บกพร่องทางธรรมวินัย
แต่ปัจจุบันนี้กลับมีการโฆษณาที่ไม่เป็นไปตามธรรมวินัย
เพราะแท้จริงแล้วพระที่มาเข้ากรรมนั้นเป็นพระที่ทุศีลมาก่อน
แม้จะมาปลงหรือล้างอาบัติอย่างดีก็แค่กลับเป็นผู้บริสุทธิ์ดังเดิมเท่านั้น
มิได้มีเหตุใดที่จะอ้างได้ว่าผู้ทำบุญด้วยจะมีผลานิสงส์มากดังกล่าว
เพราะความจริงในหลักศาสนามีว่า มีแต่ทำบุญกับพระสุปฏิปันโน
(ผู้สมบูรณ์ด้วยศีลปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ) เท่านั้นจึงจะมีผลานิสงส์มาก
การโฆษณาเพื่อชักชวนให้ญาติโยมไปทำบุญมากๆ
จึงมักจะมีเหตุผลอื่นมากกว่าหากต้องการให้ญาติโยมได้บุญจริง
ๆและต้องการบอกความจริงในทางศาสนาให้ผู้คนทราบ
ก็น่าจะบอกความจริงว่าทำบุญกับใครอย่างไร จะได้บุญมากน้อยแค่ไหน
ซึ่งในทางพุทธศาสนามีคำสอนเรื่องนี้อย่างชัดเจนอย่างไรก็ตามคำบอกเล่าของคน
เฒ่าคนแก่ก็เน้นย้ำสำทับให้ลูกหลานได้จดจำนำไปปฏิบัติมิรู้ลืมว่า
"ฮีตหนึ่งนั้น
เถิงเมื่อเดือนเจียงเข้ากลายมาแถมถ่าย
ฝูงหมู่สังฆเจ้ากะเตรียมเข้าอยู่กรรม
มันหากธรรมเนียมนี้ถือมาตั้งแต่ก่อน
อย่าได้ละห่วงเว้นเข็ยสิข้องแล่นนำแท้แหล่ว"
ความหมายคือ พอถึงเดือนเจียง (เดือนอ้าย) ภิกษุสงฆ์จะต้องเตรียมพิธีเข้าปริวาสกรรม เพราะถือเป็นธรรมเนียมประเพณีมาแต่โบราณขออย่าได้ละทิ้งประเพณีนี้ หาไม่แล้วจะทำให้เกิดภัยพิบัติได้ ด้วยคำสอนนี้ชาวอีสานจึงนำมาปฏิบัติอย่างเคร่งครัดจนปัจจุบัน
By http://www.geocities.com/thatmahachai/heet/00.htm
อย่ากินเหล้า35มากจัง
สวัดีทุกคน
สวัดีทุกคน
ผมขี้หักในมาตั้งนานแล้ว
งานเข้าอยู่ปริวาสกรรม วันที่ ๑๙ - ๒๘ ธันวาคม 52 (ทุกปี)
ณ วัดดอนหันโนนเพ็ด ต.ด่านช้าง อ.บัวใหญ่ จ.นครราชสีมา ๓๐๑๒๐
งดเหล้าเข้าพรรษา
อย่าทำแบบนี้