กู้8แสนล.ฉลุยลงทุนกว่า1ล้านล.ฟื้นศก.-จ้างงาน


คณะรัฐมนตรีอนุมัติแผนปฎิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 เป็นโครงการลงทุน ภายใต้แผนฟื้นฟูเศรษฐกิจระยะ 2 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและเพิ่มการจ้างงาน

           เมื่อวันที่ 6 พ.ค.52 นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยผลการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ว่า ที่ประชุมได้อนุมัติแผนปฎิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 เป็นโครงการลงทุน ภายใต้แผนฟื้นฟูเศรษฐกิจระยะ 2 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและเพิ่มการจ้างงาน ผ่านโครงการลงทุนของรัฐ ควบคู่การสร้างขีดความสามารถการแข่งขันระยะยาว ซึ่งในเบื้องต้นมีวงเงินที่ได้รับอนุมัติ 1.43 ล้านล้านบาท จากทั้งหมดที่รัฐบาลเตรียมการณ์ไว้ 1.56 ล้านล้านบาท ทั้งนี้โครงการดังกล่าวมีระยะเวลาลงทุน ปี 52-55 คาดว่าจะทำให้เกิดการจ้างงานประมาณ 1.6-2.0 ล้านคน ซึ่งรัฐบาลสามารถดำเนินการได้ทันที เนื่องจากได้นำเสนอ พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ซึ่งรัฐบาลสามารถดำเนินการได้ทันที รวมถึงยกร่าง พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ

                แม้การหาเงินทุนโครงการลงทุนเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจอาจจะส่งผลให้หนี้สาธารณะของไทยปรับสูงขึ้นจาก 40%ของจีดีพีในปัจจุบันเป็น 60% ในปี 56 แต่ผลตอบแทนที่ได้รับจากการลงทุนครั้งนี้เชื่อว่ามีความคุ้มค่า เพราะจะช่วยสร้างโอกาสการขยายตัวทางเศรษฐกิจและคาดว่าจะส่งผลให้หนี้สาธารณะเริ่มลดลงได้ตั้งแต่ปี 57 จนเหลือระดับ 47% ในปี 61

                ด้านนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกฯ กล่าวว่า ที่ประชุม ครม.ยังมติเห็นชอบการจัดสรรงบประมาณของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่น ตามข้อเสนองบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 53 วงเงิน 1.7 ล้านล้านบาท แยกเป็น รายจ่ายประจำ วงเงิน 1.436 ล้านล้านบาท คิดเป็น 84.5% ของวงเงินงบประมาณรายจ่ายทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ 52 ที่มีงบรายจ่ายประจำอยู่ที่ 72.3% ทั้งนี้รายจ่ายลงทุน จำนวน 212,689.2 ล้านบาท คิดเป็น 12.5% ของวงเงินงบประมาณรายจ่ายทั้งหมด ลดลงจากปีงบประมาณ 52 ที่มีรายจ่ายลงทุน 22%

                รองนายกฯ กล่าวว่า รัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณรายจ่ายให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จำนวน 136,700 ล้านบาท ซึ่งเมื่อรวมรายได้ของ อปท.ที่จัดเก็บเอง และที่รัฐบาลจัดเก็บและแบ่งให้ อีกจำนวน 201,100 ล้านบาท รวมเป็นวงเงินทั้งสิ้น 337,800ล้านบาท คิดเป็น 25.02% อย่างไรก็ตาม การจัดสรรงบประมาณรายจ่ายปีงบประมาณ 53 แยกตามกระทรวง พบว่า กระทรวงศึกษาธิการได้รับงบประมาณมากที่สุด จำนวน 345,665 ล้านบาท คิดเป็น 20.3% ของงบรายจ่ายทั้งหมด ทั้งนี้ทุกกระทรวง มีการตัดลดวงเงินงบประมาณรายจ่ายเมื่อเทียบปีงบประมาณ 52

                โดยที่ประชุม ครม.มอบหมายให้รัฐมนตรีเจ้าสังกัดปรับปรุงรายละเอียดงบประมาณของหน่วยงานต่างๆ ภายใต้กรอบวงเงินรวมของกระทรวง และให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่น ส่งผลการพิจารณาการปรับปรุงงบประมาณให้สำนักงบประมาณภายในวันที่ 7-12 พ.ค.นี้ เพื่อให้สำนักงบประมาณพิจารณารายละเอียด เพื่อเสนอต่อครม.ให้ความเห็นชอบอีกครั้ง ในวันที่ 19 พ.ค. 51

                สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า กองทุนการเงินระหว่างประเทศหรือไอเอ็มเอฟ ประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจของภูมิภาคเอเชียในปีนี้ว่า อาจจะมีอัตราการเจริญเติบโตต่ำกว่าที่เคยประเมินไว้ก่อนหน้านั้นเมื่อช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีที่แล้ว จากการที่ได้รับผลกระทบวิกฤติเศรษฐกิจโลกที่กำลังดำเนินอยู่ในเวลานี้ โดยนายโจชัว เฟลแมน ผู้ช่วยผู้อำนวยการของไอเอ็มเอฟ ระบุว่า อัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของภูมิภาคเอเชียรวมทั้งญี่ปุ่น น่าจะอยู่ที่ร้อยละ 1.3 ต่ำกว่าที่เคยประเมินไว้ในอัตราร้อยละ 2.7 ซึ่งถือว่ายังอ่อนแออยู่ เพราะได้รับผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจโลก และจากสภาพการณ์ข้างต้น ก็ทำให้ไอเอ็มเอฟ ยังประเมินด้วยว่า ในปี 2553 อัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของภูมิภาคเอเชีย ก็น่าจะอยู่ที่ร้อยละ 4.3 เท่านั้น ต่ำกว่าที่เคยประเมินไว้ที่ร้อยละ 4.5

สยามรัฐ 6 พฤษภาคม 2552

หมายเลขบันทึก: 259695เขียนเมื่อ 7 พฤษภาคม 2009 09:08 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 06:37 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท