ตกร่องกระแสธรรม


เมื่อเรา อ๋อออออ แล้วนั้น...สิ่งที่เห็นคือเส้นทางแห่งธรรม...ความเป็นมา...และกำลังจะเป็นต่อไป...

เมื่อเรา อ๋อออออ แล้วนั้น...สิ่งที่เห็นคือเส้นทางแห่งธรรม...ความเป็นมา...และกำลังจะเป็นต่อไป...

เส้นทาง ที่ว่านั้น ผู้ตกร่องกระแสธรรม จะเดินทาง(หรืออาจลื่นไถลไปเองได้) ...

 

ผมทบทวนจากการที่มีประสบการณ์ชีวิตที่เกี่ยวข้องกับ พุทธธรรม มาทั้งหมดก็พบว่า...เออนี่เราหนอเรา...วนเวียนอยู่รอบ ๆ ประตูเข้า...ปล่อยให้เวลาผ่านมาเนิ่นนาน...ใจวิ่งวน วุ่นวาย ตามโลก(โลกีย์)มาได้ตั้งกว่า 40 ปี...แม้จะเคยบวชเป็นพระมาแล้ว(ถูกโลกบังคับให้บวช) ยังไม่เคยรู้ว่าจะเข้าถึงเส้นทางธรรมอย่างไรได้ จนกระทั่งได้ทดลองฝึกสติตามแนวทางที่ดูจากวีซีดีของอาจารย์ดร.วรภัทร์ จึงเริ่มเห็น เอ๊ะ...นี่เอง...อ๋ออออ...เป็นอย่างนี้นี่เอง

หลังจากมีโอกาสนอนอยู่คนเดียว ในที่เงียบสงบที่อิมพีเรียลรีสอร์ทที่เชียงใหม่

ตอนกลางวันนั่งดูวีซีดีอาจารย์ ดร.วรภัทร์ ภู่เจริญ(ยาวมาก 4 แผ่น) ตอนกลางคืนสะดุ้งตื่นมาดูถ่ายทอดสดฟุตบอลแมนยู-สเปอร์เหมือนเช่นเคย ดูจบก็ปาเข้าไป ตี 1 ยังไม่ง่วง(เพราะนอนตั้งแต่สองทุ่มยันเที่ยงคืนนี่นา)ก็เริ่มทบทวนเรื่องราวที่ดูวีซีดีมา...จึงเริ่มทดลองนอนแบบมีสติ อาจารย์บอกว่าให้ตั้งสติติดตามดู จิตที่เราไปยึด ไปเหนี่ยว ไปรั้งมา บันทึกไว้ที่ใจ(อาจารย์วรภัทร์ให้ความหมายว่าใจคือจิตว่าง...ส่วนผมให้ความหมายว่าใจคือจิตรวมกับกายซึ่งคล้ายหน่วยประมวลผลให้คน ๆ นั้นแสดงออกมาในรูปแบบใดแบบหนึ่ง...คล้ายกับที่วัยรุ่นชอบพูดว่า โดนจัย...ไม่จัย...ประมาณนี้)

 อาจารย์ยกแผ่นวีซีดีให้ดูประกอบคำอธิบายเรื่องจิตว่าง(ตามไสตล์วิศวกร) ว่าช่องว่างตรงกลางคือจิตว่าง(หรือจิตเดิมแท้ของเรา) เนื้อซีดีคือเนื้อที่ที่เราบรรจุเรื่องราวของจิตที่ไปยึดโยง เหนี่ยวรั้งไว้...จนบางคนอัดแน่นไปด้วยกิเลสอาสวะ ตัณหา ราคะ ทั้งขั้นหยาบขั้นละเอียดเต็มไปหมด ไหนเลยจะหาหนทางเข้าสู่จิตว่างนั้นได้...

ไฉนไม่ลองกำหนดจิตดูว่า สิ่งที่ไปยึดเอา เหนี่ยวรั้งเอา มาประทับไว้ในจิต นั้นไม่มีสิ่งใดเป็นของจริงแท้ ไม่มีสิ่งใดเลยควรทึกทักเอาว่ามีอยู่จริง  มันเกิดขึ้น คงอยู่ แล้วก็ดับไป ยิ่งมาก-ยิ่งเร็ว อาจทำให้เรานับตามแค่ เกิด-ดับ ยังแทบไม่ทัน...ไฉนไม่ลองตัดลบทิ้ง(เหมือนdelete ออกจาก disk)จากจิตบ้าง

คืนนั้นผมลองตามดูจิตตัวเองอย่างมุ่งมั่นกว่าครั้งไหน ๆ ประกอบกับสถานที่ ๆ เงียบสงบ และเวลาก็ล่วงมาที่ตี 3 ตามเวลาที่อาจารย์ว่ามีแรงสนับสนุนให้มีสมาธิมากที่สุด(เรื่องสมาธิกับสติ...จะขอบันทึกภายหลัง) โดยเริ่มจากการกำจัดอุปทานที่เกิดในขณะที่ผมตามดูจิต...ภาพแรกที่เด่นชัดขึ้นมาเป็นภาพของผีฝรั่งที่ผมเคยกลัวที่สุด...ผมเริ่มตัดทิ้งด้วยการกำหนดจิตให้ตามดูว่าจะดับเมื่อไร ดับได้หรือไม่...เมื่อดับลงแล้วจิตผมก็บอกว่าอ้อ ดับลงแล้ว...อุปทานอื่น ๆ ก็ตามมาไม่ขาดสาย...ผมก็ตามดูตามเกิดตามดับ จนเวลาล่วงมาประมาณตี 4 ผมเริ่มพบว่าโล่ง เบา สบาย...นี่แค่ตามจิตให้ทันเกิดผลขนาดนี้เทียว

จากที่เคยบอกกับตัวเองว่า รู้แจ้ง(ด้วยการอ่าน ท่อง ฟัง...แบบปริยัติ)จนสิ้นความสงสัย สิ้นความกลัว  แต่ยังไม่เห็นจริง...ตรวจสอบจากการที่ไปประชุมที่ไหนด้วยตัวคนเดียว ก็มักจะเปิดไฟหรือทีวีไว้เป็นเพื่อนจนสว่าง...บางครั้งต้องแอบดื่มเบียร์ซักกระป๋องเพื่อให้เมาง่วงจนหลับไป...

คื้นนั้นผมเริ่มจากนอนกลายมาเป็นลุกนั่งโดยอัตโนมัติ...กระทั่งอยู่ในท่าขัดสมาธิแบบสบายหลังตั้งตรงบนที่นอน...เมื่อลืมตาขึ้นในความมืดคล้ายกับว่ามองเห็นรายละเอียดในห้องนอนได้ชัดเจนยิ่ง...เสียงที่ได้ยินเป็นเสียงไฟฟ้าตู้เย็นและเสียงแมลงที่ร้องอยู่ไกล ๆ คล้ายกับว่ารับรู้ละเอียดทั้งทิศและระยะทาง...เห็นก็รู้ว่าเห็น ได้ยินก็รู้ว่าได้ยิน...ความสงบนิ่งของจิตส่งมาดึงมุมปากให้ยิ้มเล็กๆ...จิตบอกว่านี่เป็นปิติสุขที่ซึมซับรับรู้ความสงบ...อ๋ออออออ...เป็นเช่นนี้เอง...

คืนนั้นผมถามตัวเองต่อว่า...เมื่อสุขสงบปานนี้...เราจะหลับตอนไหน...ไม่หลับได้ไหม...???

หมายเลขบันทึก: 259148เขียนเมื่อ 4 พฤษภาคม 2009 10:43 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 06:34 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

แวะมารับข้อคิดค่ะ

ขอบคุณค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท