ทำให้ผมรู้สึกว่า ข้าราชการผู้นี้อาจมองความเป็นธรรมเฉพาะต่อตัวเอง คือถ้าถูกลดศักดิ์ศรีลงไป ก็ไม่เป็นธรรม โดยไม่ต้องพิจารณามิติอื่นๆ เช่น ตนเองทำงานไม่ได้ผลดี มีคนอื่นทำได้ดีกว่า ตนเองมีข้อบกพร่อง มีปัญหาเรื่องความสัมพันธ์ในที่ทำงาน ฯลฯ
ผมคิดว่า ที่สำคัญที่สุดคือความเป็นธรรมต่อหน่วยงาน/องค์กร และ ความเป็นธรรมต่อสังคมไทย ที่จะต้องได้ผลงานคุณภาพสูง ประสิทธิผลและประสิทธิภาพสูง ที่จะต้องไม่ถูกปิดกั้นด้วยคนระดับหัวหน้าที่ความสามารถต่ำ หรือแม้ไม่ต่ำแต่มีคนเก่งกว่า แม้เขาจะเด็กกว่า
ผมมีข้อสังเกตมาตลอดชีวิตราชการ (จนเกษียณอายุเมื่อผมอายุ ๕๔) ว่า วัฒนธรรมราชการให้ “ความเป็นธรรม” แก่ข้าราชการที่ไม่เอาไหนมากเกินไป แม้กระทั่งคนโกงยังจะขอความเห็นใจ ดังกรณีเจ้าหน้าที่เก็บเงินที่ รพ. สงขลานครินทร์ เมื่อกว่า ๒๐ ปีมาแล้ว ถูกจับได้คาหนังคาเขาว่ายักยอกเงิน หัวหน้ามาพบผม เพื่อขอความเห็นใจให้ช่วยเหลือให้พ้น/ลด โทษ ผมแปลกใจจริงๆ ว่าเราสร้างวัฒนธรรมเช่นนี้มาได้อย่างไร ผมมองว่าเป็นวัฒนธรรมที่เบียดเบียนสังคม เอาเข้าสู่ตัวเองและพวกพ้อง เพราะในวัฒนธรรมเช่นนี้ผู้ที่จะได้ประโยชน์ต้องเข้าเป็นสาวกหรือบริวารของผู้มีอำนาจ
รู้แล้ว! ว่าทำไมผมจึงเป็นคนไม่มีบริวาร เพราะผมเป็นคนทวนกระแสสังคมนี่เอง
วิจารณ์ พานิช
๒๓ เม.ย. ๕๒
เรียนอจาจารย์หมอที่เคารพ
ครูต้อยเห็นด้วยนะคะ ในวงราชการ ผู้บริหารประพฤติตนผิดจรรยาบรรณ แต่กลับได้รับการปกป้อง ปิดเรื่องให้เงียบอ้างว่าเพื่อรักษาภาพพจน์
ในทำนองเดียวกันเมื่อเกิดความไม่ดีไม่งามในฝ่ายผู้สอน ผู้บริหารมักช่วยเหลือให้เกิดบุญคุณ และใช้บุญคุณตรงนี้ให้เป็นประโยชน์ต่อตนเอง
นี่แหละเรื่องที่ถูกเก็บงำจนกลายเป็นวัฒนธรรมจอมปลอม
ทำร้ายคนดี
ขอบคุณค่ะ