พาแขก(ฝรั่ง) ชมเมืองฟ้าอมรแห่งกรุงเทพมหานครฯ ( ตอนที่ 2)


พระที่นั่งวิมานเมฆ/พระที่นั่งอนันตสมาคม/วัดพระศรีสรรเพชร และวัดพนัญเชิง

นัดหมายไปรับคุณ  Betty  และคุณ Maren  จากที่พักเวลา 9 โมงเช้า   เขาทักทายด้วยการ
สวมกอดและจูบศรีษะ  ทำให้เราสะดุ้งด้วยความเกรงว่ากลิ่นเหงื่อจากศรีษะจะไปโชยเข้าจมูกเขา  ลุยแดด
ไปทั้งวันเมื่อวานนี้ยังไม่ได้สระผมเพราะตั้งใจจะสะสมรวมกับวันนี้ด้วยไง แวะไปรับประทานอาหารเช้าที่
ร้านเล็กๆ ในปั๊ม  มีผู้มาใช้บริการไม่ขาดสาย แสดงให้เห็นวัฒนธรรมของการใช้ชีวิตของคนไทยในยุคปัจจุบัน
คุณเจี๊ยบไปทานอาหารเช้าด้วย  เธอหยิบมะม่วงน้ำดอกไม้ติดมือไปฝากด้วย
1 ผลโดยขอให้พนักงานในร้าน
ช่วยปลอกใส่จานมาให้    สีเหลืองสดดูสวยงาม แถมรสชาติยังหวาน มีกลิ่นหอมอ่อนๆ  คุณ
Betty  และ
คุณ
Maren  เอร็ดอร่อยกับมะม่วงและยิ่งชื่นชมเมื่อรู้ว่าคุณเจี๊ยบเด็ดมาจากต้นที่ปลูกไว้ที่บ้าน  ยังหยอกล้อว่าจะ
เก็บไปฝากคุณ
Ted  สามีที่จะเดินทางมาถึงในเวลา 4 ทุ่มคืนนี้    คุณรุจิราขอแวะสำนักงานเอเอฟเอสฯเพื่อไป
หยิบเบอร์โทรศัพท์โทรฯประสานเรื่องการขอกลับก่อนของคณะฯที่ไปศึกษาดูงานที่ประเทศเม็กซิโกและ
นักเรียนที่ไปศึกษาแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมที่นั่น  เอเอฟเอสฯดูแลใส่ใจสมาชิกเป็นอย่างดีและConcern กับ
สารทุกข์-สุขดิบของมวลมนุษยชาติ
เพื่อสันติสุขของโลก   สำหรับเรื่องนี้ถือว่า
Hot Issue เลยนะเนี่ย  ตอนนี้
เราได้ชื่อโรคไข้หวัดชนิดนี้ใหม่ว่าไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ใหม่
2009 เพื่อไม่ให้กระทบถึงความสัมพันธ์อันดี
งามระหว่างไทยกับเม็กซิโก

            

    เที่ยวชมพระที่นั่งวิมานเมฆ ซึ่งสร้างด้วยไม้สักทองทั้งหลัง เป็นแห่งแรก  พระที่นั่งวิมานเมฆสร้างด้วยไม้
สักทอง
ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
โดยรื้อมาจากพระที่นั่งมันธาตุรัตน์โรจน์ ซึ่งเป็นพระที่นั่งเครื่องไม้สักทอง สร้างขึ้น
ในสมัยรัชกาลที่
5 ในปี พศ 2435 เกาะสีชัง  แต่ในปี 2436 ในระหว่างนั้นเกิดกรณีพิพาทระหว่างไทยกับ
ฝรั่งเศส
กองทหารฝรั่งเศสหมวดหนึ่งได้ขึ้นยึดเกาะสีชังทำให้การก่อสร้างพระที่นั่งต้องหยุดชะงักลง  
ครั้นพ.ศ.
2443  ทรงโปรดเกล้าฯ ให้รื้อองค์พระที่นั่งมาสร้าง ณ ข้างอ่างหยก ในพระราชวังดุสิต กรุงเทพ
มหานครและพระราชทานนามใหม่ว่า
"พระที่นั่งวิมานเมฆ" แล้วเสร็จในปี 2445   ตนเองเคยไปเที่ยวเกาะสีชัง
และยืนมองสถานที่ที่เคยเป็นที่ตั้งของพระที่นั่งวิมานเมฆโดยอ่านจากป้ายที่เขาเขียนติดไว้และมีภาพพระที่นั่งฯ
แสดงให้เห็นเป็นเงาๆ ผ่านแผ่นพลาสติก  นึกจินตนาการความงดงามของพระที่นั่งฯ ไม่ออก  ทำให้รู้สึกอยาก
เห็นของจริง  แต่เพิ่งมีโอกาสได้มาชมก็ครั้งนี้เอง   ดูงดงามสมคำร่ำลือจริงๆ ออกแบบได้ร่วมสมัย ประกอบด้วย
ห้องต่างๆจำนวน
31  ห้อง จำนวน  3 ชั้น มีการจัดวางเครื่องใช้และเฟอร์นิเจอร์คงไว้แบบเดิม  มีมัคคุเทศก์
บรรยายเป็นภาษาอังกฤษด้วย แบ่งเป็น
3 คน 3 ช่วง แต่ดูเหมือนว่าเขาไม่ค่อยอยากตอบคำถามที่คณะฯของเรา
ถามเพิ่มเติมนอกเหนือไปจากการบรรยายสักเท่าไหร่   อาจจะไม่รู้คำตอบที่แน่ชัดหรือฟังไม่กระจ่าง   หรือ
นอกเหนือไปจากสคริปต์เลยไม่ได้ฝึกท่องจำก็เป็นได้ก็รู้ๆกันอยู่ว่าครูช่างถาม  ที่ฟังแปลกๆ คือบางช่วงคำศัพท์
หายไปทั้งคำ  เลยปะติดปะต่อเรื่องลำบาก การเว้นวรรคคำในประโยคก็ผิดจังหวะสะดุดไปบ้าง ฯ พยายามเข้าใจ
และเห็นใจนะ หากบรรยายให้กับชาวต่างชาติล้วนๆ คงไม่เกร็งเท่ากับมีคนไทยเข้าร่วมฟังด้วย  ต่อจากนั้นก็ลุย
แดดเปรี้ยงไปยังพระที่นั่งอนันตสมาคม ที่ใช้เป็นที่แสดงงานศิลป์ของแผ่นดิน แค่ชมการตกแต่งพระที่นั่งฯก็คุ้ม
แล้ว  ยิ่งได้มาชมศิลปะ ของการรังสรรค์ผลงานที่แสนจะวิจิตรอลังการที่แสดงให้ชมมากกว่า
20 ชิ้น บางชิ้นใช้
เวลาทำกว่า
2 ปีและผู้ทำจำนวนเกือบ สองร้อยคน  หลากหลายทั้งไม้แกะด้วยฝีมือประณีตวิจิตรบรรจงสลักเรื่อง
เล่าทางวรรณกรรมที่นำไม้มาต่อกันรวม
9 แผ่นแต่ดูเนียนจนแยกไม่ออก  เรือสำเภาทอง    พระที่นั่งที่ใช้นั่งบน
หลังช้าง   มีการนำปีกแมลงทับมาใช้ตกแต่งตัดกับสีทองลงรักอย่างสวยงามจนไม่อาจจะบรรยายได้  และจัด
แสดง
เครื่องภาชนะและของตกแต่งประกอบบนโต๊ะกระยาหารเลี้ยงรับพระราชอาคันตุกะเนื่องในโอกาสฉลอง
การครองราชย์ครบรอบ 
60 ปี  การปักภาพด้วยไหมเส้นเล็กละเอียดผืนใหญ่มากราวกับวอลเปเปอร์  เป็นต้น
ครั้งแรกแขกของเราสงสัยทำไมเรามาลงทุน-ลงแรงกับสิ่งเหล่านี้มากมายขนาดนี้  คุณรุจิรา ได้อธิบายว่าเรามี
จุดประสงค์หลายข้อด้วยกัน  เช่น  ต้องการสืบสานงานศิลป์ของประเทศให้คงอยู่เป็นสมบัติคู่กับแผ่นดินไทย
เป็นการเพิ่มรายได้ให้เกษตรกรชาวไทยในช่วงว่างเว้นจากการทำงานเกษตรกรรม เป็นต้น พอเขาฟังคำอธิบาย
ได้เข้าใจถึงหตุผล ก็เพิ่มทวีความรู้สึกซาบซึ้งกับความงดงามอันวิจิตรบรรจงอย่างชื่นชม 

            

            

      อาหารกลางวันล่าช้าไปมากเกือบ 3 โมงเย็น ซื้ออาหารง่ายๆจากร้านสะดวกซื้อมารับประทานที่สำนักงาน
เอเอฟเอส  เพื่อรับคุณเจี๊ยบไปสมทบด้วยกันที่อยุธยา  กว่าจะเดินทางไปถึงอยุธยาก็เย็นมากแล้ว ได้เที่ยวชมวัด
พระศรีสรรเพชร และวัดพนัญเชิง  ครั้งแรกเขาสงสัยว่าทำไมต้องไปอยุธยา  ได้ให้เหตุผลไปว่าเพราะอยุธยาเคย
เป็นเมืองหลวงของไทยมาก่อน  การถามตรงๆถือว่าเป็นเรื่องธรรมดาของชาวอเมริกันหรือชาวยุโรป พอรับฟัง
เหตุผลเขาก็เข้าใจและหันกลับมาศึกษาเรื่องราวอย่างสนใจ   รีบบึ่งกลับมารับประทานอาหารเย็นที่กรุงเทพฯ
เนื่องจากเป็นคนไม่ค่อยสังเกต เลยเพิ่งรับรู้ว่าร้านอาหารอย่าง
S&P เขาบวกค่าบริการใส่ไว้ในบิลล์เรียบร้อย
แล้ว  ประมาณ
20% แน่ะ  เพื่อนบอกว่าเจ้า Oishi เขาบวกตั้ง 30 % โน่น   โถ…..คนไทยยุคใหม่  อ้าแขนให้
การต้อนรับร้านอาหารเหล่านี้อย่างเต็มที่  ทุกครั้งที่เดินผ่านร้านเหล่านี้ซึ่งนิยมไปเปิดบริการลูกค้าตาม
ห้างสรรพสินค้าจะเห็นฝูงชนยืนรอคิวกันยาวเหยียด
…. ถ้าไม่เหลือบไปเห็นชื่อป้ายร้าน  ก็นึกว่าเขามีรายการ
ลดแหลก-แจกแถมอะไรกันเสียอีก    ราคาต่อหัวไม่ต่ำกว่า
200 บาท ร่ำรวยกันดีแท้ เนาะ

            

       คุณ Betty  และคุณ Maren  ชอบเดินตากแดดเพราะไม่ค่อยได้สัมผัสกับแสงแดดบ่อยนัก  ไม่ใช้ร่มหรือ
หมวก  ขณะที่พี่ไทยอย่างเราต้องหาเครื่องปกป้อง เอ๊า
…. หากเป็นฝ้าขึ้นมาใครจะรับผิดชอบล่ะจ๊ะ  เธอเล่าว่าที่
ไต้หวันอากาศร้อนใกล้เคียงกับกับไทย แต่ชอบประเทศไทยมากกว่า คนไทยมีอัธยาศัยดี มีศิลปะและวัฒนธรรม
ที่น่าชื่นชมและอาหารรสชาติอร่อย  ปากหวานแบบนี้พี่ไทยเทใจให้เต็มที่เลย  และเชิญให้ไปเป็นแขกที่บ้านเขา
ให้ได้  จะว่าไปแล้วเรามีเพื่อนพ้องและญาติอยู่เกือบทุกทวีปแล้วนะเนี่ย    นับจากนาทีนี้จะไปเยี่ยมได้ทั่วถึง
หรือเปล่า
    หลังอาหารค่ำ(ไม่ใช่เย็นแล้วหละ) ไปแวะบ้านคุณเจี๊ยบเพราะอยู่ไม่ไกลจากสนามบินสุวรรณภูมิ เราจะไปรับ
คุณ
Ted สามีคุณ Betty ที่บินมาจากไต้หวัน  บ้านคุณเจี๊ยบน่าอยู่มาก  ดูไม่วุ่นวายและมีลมเย็นพัดผ่านตลอด
เวลา   คณะฯของคุณ
Betty จะออกเดินทางไปเที่ยวเชียงใหม่ในวันพรุ่งนี้  ถามว่าพรุ่งนี้ฉันจะได้พบเธอ
หรือเปล่า  ใครจะไปรับปากเพราะพรุ่งนี้ต้องไปประชุมรับ
TA(Teacher Assistant) แต่ให้ความหวังว่าจะ
พบเขาในคืนวันที่
5 แล้วกัน  ที่น่าขำก็คือการฟังคุณ  Betty เล่าเรื่องกิจกรรมการท่องเที่ยวที่น่าประทับใจให้
คุณ
Ted  ฟังระหว่างการนั่งรถกลับมาที่พัก  คล้ายๆกับคนไทยที่ช่างเจรจา  สิ่งที่น่าชื่นชมคือการกล่าวชมเชย
ผู้ที่ให้บริการหรือเทคแคร์เขา  นับว่าเป็นวัฒนธรรมที่น่าเอาเยี่ยงอย่าง ได้รับฟังแล้วรู้สึกชื่นใจดีจังและที่รู้สึกดีๆ
อีกเรื่องหนึ่งที่น่าปลื้มก็คือการได้รับฟังชาวต่างชาติกล่าวชื่นชมประเทศไทยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องศิลป
วัฒนธรรม ความมีน้ำใจและอัธยาศัยอันดีงาม รวมทั้งการกล่าวยกย่องเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์ของไทย
ด้วยค่ะ


                           

  

http://www.oknation.net/blog/print.php?id=193958

http://www.navy22.com/smf/index.php?topic=15993.0

http://travel.sanook.com/bangkok/bangkok_09719.php

  

หมายเลขบันทึก: 258679เขียนเมื่อ 2 พฤษภาคม 2009 00:06 น. ()แก้ไขเมื่อ 26 พฤษภาคม 2012 12:09 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

สวัสดีค่ะ..

คุณครูเล่าเรื่องได้ละเอียดมากค่ะ

เหมือนได้เที่ยวตามไปด้วยเลยทีเดียว

ขอบคุณมากนะคะ

สวัสดีค่ะ ศน.อ้วน ...

ขอบคุณนะคะที่ติดตามไปเที่ยวด้วยกัน ประเทศไทยมีประเพณีและวัฒนธรรมที่ดีงามรวมทั้งสถานที่ท่องเที่ยวที่เชิดหน้าชูตาอีกหลายแห่ง เราเติบโตมากับสิ่งเหล่านี้จนเกิดความคุ้นชิน นานๆครั้งได้พาแขกไปเที่ยวก็เลยมีโอกาสได้ชื่นชมค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท