นัดหมายไปรับคุณ Betty และคุณ Maren จากที่พักเวลา 9 โมงเช้า เขาทักทายด้วยการ
สวมกอดและจูบศรีษะ ทำให้เราสะดุ้งด้วยความเกรงว่ากลิ่นเหงื่อจากศรีษะจะไปโชยเข้าจมูกเขา ลุยแดด
ไปทั้งวันเมื่อวานนี้ยังไม่ได้สระผมเพราะตั้งใจจะสะสมรวมกับวันนี้ด้วยไง แวะไปรับประทานอาหารเช้าที่
ร้านเล็กๆ ในปั๊ม มีผู้มาใช้บริการไม่ขาดสาย แสดงให้เห็นวัฒนธรรมของการใช้ชีวิตของคนไทยในยุคปัจจุบัน
คุณเจี๊ยบไปทานอาหารเช้าด้วย เธอหยิบมะม่วงน้ำดอกไม้ติดมือไปฝากด้วย 1 ผลโดยขอให้พนักงานในร้าน
ช่วยปลอกใส่จานมาให้ สีเหลืองสดดูสวยงาม แถมรสชาติยังหวาน มีกลิ่นหอมอ่อนๆ คุณ Betty และ
คุณ Maren เอร็ดอร่อยกับมะม่วงและยิ่งชื่นชมเมื่อรู้ว่าคุณเจี๊ยบเด็ดมาจากต้นที่ปลูกไว้ที่บ้าน ยังหยอกล้อว่าจะ
เก็บไปฝากคุณ Ted สามีที่จะเดินทางมาถึงในเวลา 4 ทุ่มคืนนี้ คุณรุจิราขอแวะสำนักงานเอเอฟเอสฯเพื่อไป
หยิบเบอร์โทรศัพท์โทรฯประสานเรื่องการขอกลับก่อนของคณะฯที่ไปศึกษาดูงานที่ประเทศเม็กซิโกและ
นักเรียนที่ไปศึกษาแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมที่นั่น เอเอฟเอสฯดูแลใส่ใจสมาชิกเป็นอย่างดีและConcern กับ
สารทุกข์-สุขดิบของมวลมนุษยชาติเพื่อสันติสุขของโลก สำหรับเรื่องนี้ถือว่า Hot Issue เลยนะเนี่ย ตอนนี้
เราได้ชื่อโรคไข้หวัดชนิดนี้ใหม่ว่าไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ใหม่ 2009 เพื่อไม่ให้กระทบถึงความสัมพันธ์อันดี
งามระหว่างไทยกับเม็กซิโก
เที่ยวชมพระที่นั่งวิมานเมฆ ซึ่งสร้างด้วยไม้สักทองทั้งหลัง เป็นแห่งแรก พระที่นั่งวิมานเมฆสร้างด้วยไม้
สักทองที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยรื้อมาจากพระที่นั่งมันธาตุรัตน์โรจน์ ซึ่งเป็นพระที่นั่งเครื่องไม้สักทอง สร้างขึ้น
ในสมัยรัชกาลที่ 5 ในปี พศ 2435 ณ เกาะสีชัง แต่ในปี 2436 ในระหว่างนั้นเกิดกรณีพิพาทระหว่างไทยกับ
ฝรั่งเศส กองทหารฝรั่งเศสหมวดหนึ่งได้ขึ้นยึดเกาะสีชังทำให้การก่อสร้างพระที่นั่งต้องหยุดชะงักลง
ครั้นพ.ศ.2443 ทรงโปรดเกล้าฯ ให้รื้อองค์พระที่นั่งมาสร้าง ณ ข้างอ่างหยก ในพระราชวังดุสิต กรุงเทพ
มหานครและพระราชทานนามใหม่ว่า "พระที่นั่งวิมานเมฆ" แล้วเสร็จในปี 2445 ตนเองเคยไปเที่ยวเกาะสีชัง
และยืนมองสถานที่ที่เคยเป็นที่ตั้งของพระที่นั่งวิมานเมฆโดยอ่านจากป้ายที่เขาเขียนติดไว้และมีภาพพระที่นั่งฯ
แสดงให้เห็นเป็นเงาๆ ผ่านแผ่นพลาสติก นึกจินตนาการความงดงามของพระที่นั่งฯ ไม่ออก ทำให้รู้สึกอยาก
เห็นของจริง แต่เพิ่งมีโอกาสได้มาชมก็ครั้งนี้เอง ดูงดงามสมคำร่ำลือจริงๆ ออกแบบได้ร่วมสมัย ประกอบด้วย
ห้องต่างๆจำนวน 31 ห้อง จำนวน 3 ชั้น มีการจัดวางเครื่องใช้และเฟอร์นิเจอร์คงไว้แบบเดิม มีมัคคุเทศก์
บรรยายเป็นภาษาอังกฤษด้วย แบ่งเป็น 3 คน 3 ช่วง แต่ดูเหมือนว่าเขาไม่ค่อยอยากตอบคำถามที่คณะฯของเรา
ถามเพิ่มเติมนอกเหนือไปจากการบรรยายสักเท่าไหร่ อาจจะไม่รู้คำตอบที่แน่ชัดหรือฟังไม่กระจ่าง หรือ
นอกเหนือไปจากสคริปต์เลยไม่ได้ฝึกท่องจำก็เป็นได้ก็รู้ๆกันอยู่ว่าครูช่างถาม ที่ฟังแปลกๆ คือบางช่วงคำศัพท์
หายไปทั้งคำ เลยปะติดปะต่อเรื่องลำบาก การเว้นวรรคคำในประโยคก็ผิดจังหวะสะดุดไปบ้าง ฯ พยายามเข้าใจ
และเห็นใจนะ หากบรรยายให้กับชาวต่างชาติล้วนๆ คงไม่เกร็งเท่ากับมีคนไทยเข้าร่วมฟังด้วย ต่อจากนั้นก็ลุย
แดดเปรี้ยงไปยังพระที่นั่งอนันตสมาคม ที่ใช้เป็นที่แสดงงานศิลป์ของแผ่นดิน แค่ชมการตกแต่งพระที่นั่งฯก็คุ้ม
แล้ว ยิ่งได้มาชมศิลปะ ของการรังสรรค์ผลงานที่แสนจะวิจิตรอลังการที่แสดงให้ชมมากกว่า 20 ชิ้น บางชิ้นใช้
เวลาทำกว่า 2 ปีและผู้ทำจำนวนเกือบ สองร้อยคน หลากหลายทั้งไม้แกะด้วยฝีมือประณีตวิจิตรบรรจงสลักเรื่อง
เล่าทางวรรณกรรมที่นำไม้มาต่อกันรวม 9 แผ่นแต่ดูเนียนจนแยกไม่ออก เรือสำเภาทอง พระที่นั่งที่ใช้นั่งบน
หลังช้าง มีการนำปีกแมลงทับมาใช้ตกแต่งตัดกับสีทองลงรักอย่างสวยงามจนไม่อาจจะบรรยายได้ และจัด
แสดงเครื่องภาชนะและของตกแต่งประกอบบนโต๊ะกระยาหารเลี้ยงรับพระราชอาคันตุกะเนื่องในโอกาสฉลอง
การครองราชย์ครบรอบ 60 ปี การปักภาพด้วยไหมเส้นเล็กละเอียดผืนใหญ่มากราวกับวอลเปเปอร์ เป็นต้น
ครั้งแรกแขกของเราสงสัยทำไมเรามาลงทุน-ลงแรงกับสิ่งเหล่านี้มากมายขนาดนี้ คุณรุจิรา ได้อธิบายว่าเรามี
จุดประสงค์หลายข้อด้วยกัน เช่น ต้องการสืบสานงานศิลป์ของประเทศให้คงอยู่เป็นสมบัติคู่กับแผ่นดินไทย
เป็นการเพิ่มรายได้ให้เกษตรกรชาวไทยในช่วงว่างเว้นจากการทำงานเกษตรกรรม เป็นต้น พอเขาฟังคำอธิบาย
ได้เข้าใจถึงหตุผล ก็เพิ่มทวีความรู้สึกซาบซึ้งกับความงดงามอันวิจิตรบรรจงอย่างชื่นชม
อาหารกลางวันล่าช้าไปมากเกือบ 3 โมงเย็น ซื้ออาหารง่ายๆจากร้านสะดวกซื้อมารับประทานที่สำนักงาน
เอเอฟเอส เพื่อรับคุณเจี๊ยบไปสมทบด้วยกันที่อยุธยา กว่าจะเดินทางไปถึงอยุธยาก็เย็นมากแล้ว ได้เที่ยวชมวัด
พระศรีสรรเพชร และวัดพนัญเชิง ครั้งแรกเขาสงสัยว่าทำไมต้องไปอยุธยา ได้ให้เหตุผลไปว่าเพราะอยุธยาเคย
เป็นเมืองหลวงของไทยมาก่อน การถามตรงๆถือว่าเป็นเรื่องธรรมดาของชาวอเมริกันหรือชาวยุโรป พอรับฟัง
เหตุผลเขาก็เข้าใจและหันกลับมาศึกษาเรื่องราวอย่างสนใจ รีบบึ่งกลับมารับประทานอาหารเย็นที่กรุงเทพฯ
เนื่องจากเป็นคนไม่ค่อยสังเกต เลยเพิ่งรับรู้ว่าร้านอาหารอย่าง S&P เขาบวกค่าบริการใส่ไว้ในบิลล์เรียบร้อย
แล้ว ประมาณ 20% แน่ะ เพื่อนบอกว่าเจ้า Oishi เขาบวกตั้ง 30 % โน่น โถ…..คนไทยยุคใหม่ อ้าแขนให้
การต้อนรับร้านอาหารเหล่านี้อย่างเต็มที่ ทุกครั้งที่เดินผ่านร้านเหล่านี้ซึ่งนิยมไปเปิดบริการลูกค้าตาม
ห้างสรรพสินค้าจะเห็นฝูงชนยืนรอคิวกันยาวเหยียด…. ถ้าไม่เหลือบไปเห็นชื่อป้ายร้าน ก็นึกว่าเขามีรายการ
ลดแหลก-แจกแถมอะไรกันเสียอีก ราคาต่อหัวไม่ต่ำกว่า 200 บาท ร่ำรวยกันดีแท้ เนาะ
คุณ Betty และคุณ Maren ชอบเดินตากแดดเพราะไม่ค่อยได้สัมผัสกับแสงแดดบ่อยนัก ไม่ใช้ร่มหรือ
หมวก ขณะที่พี่ไทยอย่างเราต้องหาเครื่องปกป้อง เอ๊า…. หากเป็นฝ้าขึ้นมาใครจะรับผิดชอบล่ะจ๊ะ เธอเล่าว่าที่
ไต้หวันอากาศร้อนใกล้เคียงกับกับไทย แต่ชอบประเทศไทยมากกว่า คนไทยมีอัธยาศัยดี มีศิลปะและวัฒนธรรม
ที่น่าชื่นชมและอาหารรสชาติอร่อย ปากหวานแบบนี้พี่ไทยเทใจให้เต็มที่เลย และเชิญให้ไปเป็นแขกที่บ้านเขา
ให้ได้ จะว่าไปแล้วเรามีเพื่อนพ้องและญาติอยู่เกือบทุกทวีปแล้วนะเนี่ย นับจากนาทีนี้จะไปเยี่ยมได้ทั่วถึง
หรือเปล่า
หลังอาหารค่ำ(ไม่ใช่เย็นแล้วหละ) ไปแวะบ้านคุณเจี๊ยบเพราะอยู่ไม่ไกลจากสนามบินสุวรรณภูมิ เราจะไปรับ
คุณ Ted สามีคุณ Betty ที่บินมาจากไต้หวัน บ้านคุณเจี๊ยบน่าอยู่มาก ดูไม่วุ่นวายและมีลมเย็นพัดผ่านตลอด
เวลา คณะฯของคุณ Betty จะออกเดินทางไปเที่ยวเชียงใหม่ในวันพรุ่งนี้ ถามว่าพรุ่งนี้ฉันจะได้พบเธอ
หรือเปล่า ใครจะไปรับปากเพราะพรุ่งนี้ต้องไปประชุมรับ TA(Teacher Assistant) แต่ให้ความหวังว่าจะ
พบเขาในคืนวันที่ 5 แล้วกัน ที่น่าขำก็คือการฟังคุณ Betty เล่าเรื่องกิจกรรมการท่องเที่ยวที่น่าประทับใจให้
คุณ Ted ฟังระหว่างการนั่งรถกลับมาที่พัก คล้ายๆกับคนไทยที่ช่างเจรจา สิ่งที่น่าชื่นชมคือการกล่าวชมเชย
ผู้ที่ให้บริการหรือเทคแคร์เขา นับว่าเป็นวัฒนธรรมที่น่าเอาเยี่ยงอย่าง ได้รับฟังแล้วรู้สึกชื่นใจดีจังและที่รู้สึกดีๆ
อีกเรื่องหนึ่งที่น่าปลื้มก็คือการได้รับฟังชาวต่างชาติกล่าวชื่นชมประเทศไทยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องศิลป
วัฒนธรรม ความมีน้ำใจและอัธยาศัยอันดีงาม รวมทั้งการกล่าวยกย่องเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์ของไทย
ด้วยค่ะ
http://www.oknation.net/blog/print.php?id=193958
http://www.navy22.com/smf/index.php?topic=15993.0
http://travel.sanook.com/bangkok/bangkok_09719.php
สวัสดีค่ะ..
คุณครูเล่าเรื่องได้ละเอียดมากค่ะ
เหมือนได้เที่ยวตามไปด้วยเลยทีเดียว
ขอบคุณมากนะคะ
สวัสดีค่ะ ศน.อ้วน ...
ขอบคุณนะคะที่ติดตามไปเที่ยวด้วยกัน ประเทศไทยมีประเพณีและวัฒนธรรมที่ดีงามรวมทั้งสถานที่ท่องเที่ยวที่เชิดหน้าชูตาอีกหลายแห่ง เราเติบโตมากับสิ่งเหล่านี้จนเกิดความคุ้นชิน นานๆครั้งได้พาแขกไปเที่ยวก็เลยมีโอกาสได้ชื่นชมค่ะ