เป็นพ่อแม่วัยรุ่นสมัยนี้ต้องคุยเอ็มเป็นด้วยถึงจะดี


ไม่เคยชอบการคุยออนไลน์เอาเสียเลยนะคะ เพราะรู้สึกว่าตัวเองจะเป็นคนที่ไม่ค่อยเคยได้อยู่คนเดียวเลย วันทั้งวันมีผู้คนอยู่รอบตัวตลอด มีช่วงเวลาที่ได้อยู่คนเดียวจริงๆวันละน้อยมาก ดังนั้นจึงไม่เคยคิดที่จะคุยด้วยวิธีอิเล็คโทรนิคกับใครเลยในเวลาที่ใช้คอมพิวเตอร์ ถ้าอยากอ่านอยากเขียนอยากคุยก็จะเป็นวิธีผ่านทางบล็อกนี่แหละ ถูกใจที่สุดแล้ว เพราะทำได้เท่าที่เวลาเราสะดวก (แม้จะเคยโดนแซวว่าไม่ค่อยทักทายผู้คนที่เข้ามาออกความเห็นเลย เป็นบุคลิกส่วนตัวที่ไม่น่าเอาอย่างค่ะ จริงๆอ่านทุกความเห็นและรู้สึกขอบคุณ แต่ถ้าเขียนอะไรไม่ได้มากกว่าขอบคุณก็ไม่ได้อยากจะเขียนอะไรเพิ่มเติม)

ได้เห็นสามหนุ่มที่บ้าน โดยเฉพาะพี่วั้นใช้เอ็มเป็นช่องทางสื่อสารเป็นประจำ  และเห็นเขารู้จักคนมากมายผ่านทางนี้ ทำการทำงานส่งไฟล์ ปรึกษางาน นัดแนะอะไรก็ผ่านเอ็มกันทั้งนั้น ไม่ค่อยเคยเห็นทั้งสองหนุ่มวัยรุ่นที่บ้านคุยโทรศัพท์นานๆแบบที่เคยได้ยินคนอื่นบ่นลูก คิดว่าน่าจะเป็นเพราะเราเองก็ไม่เคยเป็นอย่างนั้น แต่การคุยเอ็มนี่ท่าทางจะกินเวลาเยอะกว่า เพราะเห็นพี่วั้นทำงานไปคุยเอ็มไป หน้าจอแว้บๆอยู่ตลอดเวลา

บอกพี่วั้นไว้ว่าจะใช้เอ็มเมื่อลูกต้องไปเรียนไกลๆก็แล้วกัน มาช่วงนี้ที่ลูกต้องไปพักอยู่กรุงเทพเกือบเดือนด้วยภาระกิจจากโรงเรียน และอยู่รองาน first meet ของมหาวิทยาลัยเลย ก็เลยได้มีโอกาสใช้เอ็มคุยกับลูก แล้วเลยได้คุยกับเพื่อนลูกที่เขาไปพักอยู่ด้วย รู้สึกชอบใจการสื่อสารทางนี้ขึ้นมาบ้างแล้วค่ะ คิดว่าเป็นช่องทางหนึ่งที่ทำให้เราได้รู้จักคนเขียนได้เหมือนกัน

เขียนบันทึกนี้ไว้ เพื่อเชิญชวนคุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกวัยรุ่นว่า อยากเข้าใจเขาเราก็ต้องเปิดใจรับรู้ รับฟังและเข้าใจกิจกรรมต่างๆที่เขาชอบทำ โดยไม่เอาตัวเองเป็นที่ตั้ง เรื่องบางอย่างนั้นเมื่อเห็นกับเมื่อลงมือทำจริงๆนั้นต่างกันมาก ไม่ว่าเราจะคิดว่าเราแก่กว่า มีประสบการณ์มากกว่าแค่ไหน เราก็ไม่มีทางรู้จริงๆได้ด้วยการคิดเอาเท่านั้น และไม่ควรเอาตัวเราเป็นเครื่องตัดสินสิ่งที่ลูกเลือกทำ เรามีสิทธิเพียงแค่ชี้แนะและรับฟังเท่านั้น ไม่ใช่สั่งการและบีบบังคับ อยากเข้าใจลูกก็ต้องเข้าใจกิจกรรมของเขาอย่างจริงจังด้วยตัวเราเอง

หมายเลขบันทึก: 258678เขียนเมื่อ 1 พฤษภาคม 2009 23:57 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 06:32 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)

นับเป็นคุณแม่ที่ทันยุคสมัยจริงๆ ค่ะ

ที่คณะฯ นิสิตทันตแพทย์บางคนก็นัดคนไข้ที่มาทำการรักษา

จากเพื่อนใน MSN นี่แหละค่ะ

สวัสดีคะอาจารย์

ที่บ้านบางครั้งก้ต้องคุยเอ็มกับลูกคะ

จึงจะสื่อสารได้อย่างดี เพราะวัยรุ่นไม่ชอบคุยกับผู้ใหญ่

ยังไม่ได้คิดวางแผนเรื่องคุยกับลูกเมื่อต้องอยู่ห่างกันเลยค่ะ แต่เรื่อง MSN ดูท่าทางจะสะดวกนะคะ คงต้องศึกษาข้อมูลเพิ่มแล้วค่ะ

ในแวดวงบริการห้องสมุด หลายแห่งใช้ประโยชน์จาก MSN และหรือGTalk ด้วยค่ะ แต่ หอกลาง มช. ยังต้วมเตี้ยม  ขณะที่ ห้องสมุดคณะใน มช. ส่วนใหญ่ใช้สื่อสารระหว่างผู้ใช้-ผู้ให้บริการ และผู้ให้บริการต่างคณะด้วยกันมานานแล้วค่ะ

เหมือนพี่ค่ะ  เดิม ตัวเอง ก็ไม่เป็นเรื่องคอมพิวเตอร์ลย เพราะ ไม่ต้องลงลึกอะไร แค่มอบนโยบาย กำกับ และตรวจสอบเท่านั้น
 แต่พอมา ประมาณ 10 ปีให้หลัง มีความรู้สึกว่า ชักไม่ได้แล้ว กลัวจะสื่อสารกับลูก ไม่ค่อยรู้เรื่อง  เลยให้เขาช่วยสอนให้ และเราก็มาฝึกเอง ที่บ้าน ก็ไม่ยากค่ะ ทำได้ อาศัยอ่านเอาจากคู่มือ ที่มีอยู่ในโปรแกรมอยู่แล้ว ค่อยๆทำไป ก็เรียนรู้ได้ 
ตอนนี้ เวลาลูกไปต่างประเทศ ก็คุยกัน โดยใช้โประแกรม skype เห็นหน้ากันด้วย
จุดเริ่มต้น ...ของการเ.ข้ามาในโลกไอทีกับเขา...ก็มาจากลูก นี่ล่ะค่ะ

นิสิตทันตแพทย์ มน.นี่ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี่การสื่อสารได้ดีจังนะคะคุณ Ninko ขอบคุณที่เอามาเล่าเสริมฝากกันค่ะ

คุณ P

เข้าสมัยจังเลยค่ะ พี่โอ๋เพิ่งจะวิ่งตามมาทันติดๆนี่แหละค่ะ ต้องขอบคุณลูกและสภาวะการณ์นะคะ

ทำให้เห็นจริงกับที่พี่ศศิฯ P

มาเสริมไว้ สำหรับพี่ศศิฯยิ่งน่าชื่นชมมากๆค่ะ เพราะระดับพี่ให้คนอื่นทำให้ง่ายๆสบายอยู่แล้ว แต่ก็อุตส่าห์ลงแรงลุยเอง อ่านแล้วเห็นภาพที่พี่เขียนเล่าไว้ว่าลูกมองอย่างชื่นชม รางวัลที่คุ้มค่าที่สุดจริงๆแหละค่ะ

คุณ ดาวลูกไก่ ชื่นชมยินดี คะ เริ่มเลยค่ะ เปิดแวดวงกับเพื่อนๆใหม่ของลูกด้วยยิ่งดี เพราะเขาจะรู้สึกเป็นกันเองกับเราได้ง่าย ลูกก็จะยิ่งรู้สึกคุยกับเราได้ง่าย เพราะพูดถึงเพื่อนกับเราได้สบาย ปรึกษาหารือกันได้ไม่ห่างหาย สาวน้อยก็ไม่ต้องคิดถึงคุณแม่มากด้วยเวลาอยู่ไกลกัน

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท