ความหมายของ “กรรมฐาน”
กรรมฐาน หมายถึง อารมณ์ที่เป็นที่ตั้งแห่งการงานทางจิตหรืออุบายสำหรับฝึกอบรมจิต มี ๒ วิธี คือ
๑. สมถกัมมัฏฐาน หมายถึง อุบายสร้างความสงบจิต มีเป้าหมายสูงสุด คือ “ฌาน” เรียกสั้น ๆ ว่า “สมถะ” หรือ “สมาธิ”
๒. วิปัสสนากัมมัฏฐาน หมายถึง อุบายสร้างความเห็นแจ้ง มีเป้าหมายสูงสุดคือ “ปัญญาญาณ” เรียกสั้น ๆ ว่า “วิปัสสนา”
ประโยชน์ของการฝึกสมาธิ
๑. ถ้าเป็นนักเรียน นักศึกษา ก็สามารถเรียนหนังสือได้ผลดีเพิ่มขึ้น ได้คะแนนสูงขึ้นเพราะมีจิตใจสงบ
๒. ทำสิ่งต่างๆ ได้ดีขึ้น ไม่ค่อยผิดพลาด เพราะมีสติสมบูรณ์ขึ้น
๓. สามารถทำงานได้มากขึ้น และได้ผลดีมีประสิทธิภาพ
๔. ทำให้โรคภัยไข้เจ็บบางอย่างหายไปได้และสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีแก่ร่างกาย
๕. ทำให้เป็นคนมีอารมณ์เยือกเย็น มีความสุขใจได้มาก ผิวพรรณผ่องใส มีจิตใจเบิกบาน
๖. ทำให้อยู่ในสังคมอย่างปกติสุข
๗. สามารถเผชิญต่อเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้าอย่างใจเย็น
๘. สามารถกำจัดนิวรณ์ที่รบกวนจิตใจลงได้ หรือทำให้เบาบางลง ความเครียดจึงลดลง
๙. ถ้าทำได้ถึงขั้นสูงจะได้รับความสุขอันละเอียดอ่อนอันเกิดจากความสงบและสามารถได้อำนาจจิตพิเศษ เช่น รู้ใจคนอื่น มีหูทิพย์ ตามทิพย์ เป็นต้น
๑๐. เป็นพื้นฐานโดยตรงในการเจริญวิปัสสนา
ประโยชน์ของการฝึกบำเพ็ญวิปัสสนา
๑. สามารถกำจัดกิเลสต่างๆ อันเป็นสาเหตุแห่งทุกข์ หรือทำให้เบาบางลง
๒. มีความทุกข์น้อยลง และมีความสุขมากขึ้น
๓. มีจิตใจมั่นคง รู้เท่าทันความเป็นจริงของสิ่งทั้งหลาย ไม่มีอาการขึ้นๆลง ๆ ตามโลกธรรม
๔. คลายความยึดมั่นถือมั่นในสิ่งทั้งปวงลงได้ ไม่วุ่นวายเดือดร้อน
๕. มีความเห็นแก่ตัวน้อยลง และบำเพ็ญประโยชน์เพื่อผู้อื่นมากขึ้น
๖. จิตใจมีคุณธรรม หรือมีคุณภาพสูงขึ้นตามขั้นของการปฏิบัติ
๗.ถ้าทำได้ถึงขั้นสูงสุด จะทำให้ดับทุกข์ได้โดยสิ้นเชิงหรือบรรลุอรหัตผล
ประโยชน์ของการเดินจงกรม
สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ในคัมภีร์ปัญจกนิบาต อังคุตรนิกายว่า การเดินจงกรมมีอานิสงส์ ๕ อย่าง คือ
๑. เป็นผู้อดทนต่อการเดินทางไกล คือสามารถเดินทางได้ไกลและรวดเร็ว เพราะมีกำลังขาที่แข็งแรง
๒. เป็นผู้อดทนต่อการทำความเพียร คือ สามารถทำความเพียรหรือนั่งสมาธิได้นานไม่ปวดเมื่อยง่าย
๓. เป็นผู้มีโรคน้อย คือทำให้ร่างกายแข็งแรงไม่ค่อยมีโรคภัย
๔. อาหารที่บริโภคเข้าไปย่อยได้ดี ท้องไม่อืดเฟ้อ ทานอาหารได้ดี
๕. สมาธิที่ได้จากการเดินจงกรมตั้งอยู่ได้นาน ไม่เสื่อมง่าย
“เดินทางเซียน เพียรสู้ทน พ้นโรคา ย่อยอาหาร นานในสมาธิ”
อานิสงส์ของการแผ่เมตตา
สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ใน เมตตนิสังสสูตรว่า ผู้ที่เจริญเมตตาอยู่เป็นนิจจะได้รับอานิสงส์ ๑๑ ประการ คือ
๑. หลับอยู่ก็เป็นสุข
๒.ตื่นอยู่ก็เป็นสุข
๓. ไม่ฝันร้าย
๔. เป็นที่รักใคร่ของหมู่มนุษย์
๕. เป็นที่รักใคร่ของอมนุษย์ตลอดจนสัตว์เดรัจฉานทั้งหลาย
๖. เทวดาย่อมคุ้มครองรักษา
๗. ย่อมล่วงพ้นจากไฟ ยาพิษ ศาตราวุธและภยันตรายทั้งปวง
๘. ทำให้จิตตั้งมั่นเจริญสมาธิได้รวดเร็ว
๙. หน้าตาอิ่มเอิบจิตใจเบิกบาน ผิวพรรณผ่องใส
๑๐. ทำให้มีสติมั่นคงไม่หลงในเวลาจะสิ้นใจ (ไม่ตกอบายเวลาตาย)
๑๑. เมื่อสิ้นชีวิตแล้วแม้จะเกิดอีกก็เกิดในที่ดี มีสวรรค์หรือพรหมโลก เป็นต้น
เพื่อนๆ สามารถอ่านรายละเอียดเกี่ยวกับการปฏิบัติธรรมได้จากที่นี่ค่ะ
บวชที่วัดป่าเจริญราช
http://gotoknow.org/blog/makingmeditation
ปฎิบัติธรรม ณ ยุวพุทธิกสมาคมฯ
http://gotoknow.org/blog/gotoybat
ตามรอยพระอารยะวังโส
http://gotoknow.org/blog/arayawangso
ค่ายพุทธบุตร
http://gotoknow.org/blog/bhuddabutr
เรื่องเล่าในหนังสือธรรมะ
http://gotoknow.org/blog/storydhamma
Good Project
http://gotoknow.org/blog/goodproject
ดีจริงๆ เลย ช่วยเผยแพร่ให้มากๆ เผื่อว่าโลกนี้จะได้สงบเย็นอย่างแท้จริง
ดีจังเลยงับ ชอบจายทามมะจังเลย อิอิ
0000000-----0000000
--000000----000000--
เป็นการปฏิบัติธรรมที่น่าสนใจม๊ากมากครับ
โดยเฉพาะ การเดินจงกรม ชอบม๊ากมาก