ชุมชนบล็อก
การจัดการความรู้ไม่ว่าในบริบทใดก็ตาม
จะประสบความสำเร็จได้ต้องเริ่มต้นด้วยกลุ่มคนกลุ่มเล็กๆ
ในองค์กรที่มีความสนใจในเรื่องใดเรื่องหนึ่งร่วมกัน
มีการปฏิสัมพันธ์กันเป็นระยะ มีความเชื่อถือซึ่งกันและกัน
มีความพร้อมที่จะ “ให้” และพร้อมที่จะ “รับ” อย่างจริงใจ
และมีความรู้สึกร่วมเป็นหนึ่งเดียวกับกลุ่ม เรียกกลุ่มคนเหล่านี้ว่า
ชุมชนนักปฏิบัติ (Community of Practice หรือ CoP)
การจัดการความรู้ในชุมชนนักปฏิบัติจะสามารถเติบโตขึ้นได้อย่างยั่งยืนและรวดเร็วคงต้องอาศัยเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์เข้าอำนวยในการทำกิจกรรมต่างๆ
ของชุมชน ความสามารถที่เด่นชัดของระบบบล็อก GotoKnow.org
ในแง่ชุมชนคือ การสร้างและบริหาร “ชุมชนบล็อก” (ดังแสดงในรูปที่ 5)
เมื่อผู้เขียนบล็อกต้องการค้นหาผู้ชำนาญการ หรือผู้ที่มีแนวคิด
ความสนใจ ความถนัดร่วมกัน
ก็จะสร้างชุมชนบล็อกขึ้นเพื่อเป็นจุดศูนย์กลาง
และเมื่อผู้เขียนบล็อกต่างๆ เข้ามีร่วมชุมชนแล้ว
การรวบรวมบันทึกความรู้ในด้านหนึ่งๆ
จากผู้เขียนหลากหลายคนก็จะเกิดขึ้น
ทีมงานพบว่านอกจากที่ชุมชนบล็อกจะเป็นการช่วยสร้างคลังความรู้เฉพาะด้านให้เติบโตขึ้นได้อย่างรวดเร็ว
โดยที่จำนวนบันทึกในชุมชนบล็อกจะเพิ่มขึ้นโดยอัตโนมัติตามจำนวนบันทึกที่สมาชิกเขียนขึ้นในบล็อกของตนเองแล้ว
ยังเป็นการส่งเสริมให้เกิดการแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างสมาชิกในชุมชนได้เป็นอย่างดี
รูปที่ 5 ตัวอย่างชุมชนบล็อกใน GotoKnow.org |
นอกจากนี้
ในความเป็นจริงแล้ว
คนแต่ละคนย่อมที่จะมีความสนใจหรือความถนัดในหลากหลายด้าน
กล่าวอีกนัยหนึ่งคือในชุมชนหนึ่งๆ ย่อมที่จะมีชุมชนย่อยๆ
แฝงอยู่นั่นเอง ดังนั้นเพื่อตอบสนองความต้องการขั้นพื้นฐานประเด็นนี้
ผู้เขียนบล็อกใน GotoKnow.org
สามารถที่จะเป็นสมาชิกของชุมชนบล็อกได้มากกว่าหนึ่งชุมชน (Multi-CoP)
(ดังแสดงในรูปที่ 6)
โดยทุกครั้งที่ผู้เขียนบล็อกมีการบันทึกความรู้เกิดขึ้น
บันทึกจะถูกคัดลอกไปสู่คลังความรู้ของชุมชนบล็อกต่างๆ
ที่ผู้เขียนบล็อกเป็นสมาชิกอยู่ได้โดยอัตโนมัติ
อันจะเป็นการสนับสนุนการเพิ่มช่องทางการแลกเปลี่ยนถ่ายทอดความรู้ได้หลายต่อจากบล็อกอันเดียวกัน
รูปที่ 6 ตัวอย่างบล็อกที่อยู่ในชุมชนบล็อกมากกว่าหนึ่งชุมชน |
อย่างไรก็ตาม
การประยุกต์เอาความสามารถของระบบ GotoKnow.org ในด้านชุมชนบล็อกไปใช้
นอกเหนือจากการสร้างคลังความรู้ของชุมชนแนวปฏิบัติแล้วนั้น ปัจจุบัน
ชุมชนบล็อกยังถูกนำไปใช้อย่างหลากหลายเพื่อวัตถุประสงค์ของการสร้างคลังความรู้และแหล่งปฏิสัมพันธ์ของกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งๆ
โดยไม่ได้เน้นถึงคุณสมบัติของชุมชนแนวปฏิบัติ เช่น
การนำเอาชุมชนบล็อกไปใช้เพื่ออำนวยความสะดวกในจัดการความรู้ในทีมทำงาน
(Teamwork) ของแต่ละองค์กรหรือระหว่างองค์กร หรือ
การนำเอาชุมชนบล็อกไปใช้เป็นเครื่องมือในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ภายนอกชั้นเรียนไม่ว่าจะเป็นระดับอุดมศึกษาหรือระดับบัณฑิตศึกษา
เป็นต้น
ชุมชนในลักษณะนี้มีความแตกต่างในเชิงปัจเจกบุคคล (Individual
Differences) มากกว่าชุมชนแนวปฏิบัติ
อย่างน้อยก็ในเรื่องความแตกต่างด้านความถนัดเชิงอาชีพ ความสนใจ
และอาจรวมถึงทัศนคติอีกด้วย เรียกได้ว่า
คนที่มาเข้าเป็นสมาชิกของชุมชนในลักษณะนี้อาจไม่ได้มาด้วย “ใจ”
ดังนั้น
การดูแลรักษาชุมชนบล็อกให้คงอยู่นานหรือกระตุ้นให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้อย่างทั่วถึงทั้งกลุ่มอาจจะทำได้ยากกว่าชุมชนแนวปฏิบัติ
ซึ่งเป็นปัญหาที่ผู้บริหารชุมชนบล็อกลักษณะนี้มักจะเจอและพยายามหาหนทางแก้ไข
ทีมงานพบว่าการทำให้สมาชิกชุมชนร่วมมือและเต็มใจ (Commitment)
ที่จะร่วมถ่ายทอดความรู้ผ่านทางบล็อกอย่างสม่ำเสมออันจะเป็นประโยชน์ต่อชุมชนโดยรวม
คงทำไม่ได้ด้วยความสามารถใดๆ ของระบบเทคโนโลยี
หากแต่เป็นเรื่องของหลักจิตวิทยาในการบริหารองค์กรหรือชุมชน
อันต้องเริ่มต้นที่ผู้นำที่แสดงความตั้งใจในการเขียนบันทึกความรู้ลงบล็อกอย่างแท้จริงและสม่ำเสมอเพื่อเป็นแบบอย่างให้แก่สมาชิกชุมชนท่านอื่นๆ
และนอกจากนี้ องค์กรหรือชุมชนนั้นๆ
จะต้องสื่อสารสู่ผู้เขียนบล็อกในชุมชนให้เห็นถึงนโยบายการจัดการความรู้และสิ่งตอบแทนที่ชัดเจนอันจะได้รับจากการถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์อันเกิดจากการปฏิบัติลงสู่บล็อก
การเลือกอ่านบล็อก
ในยุคที่ความรู้และสารสนเทศจำนวนนับไม่ถ้วนในรูปแบบดิจิตอลเผยแพร่สู่สาธารณชนได้อย่างง่ายดาย
บุคคลในหน้าที่ต่างๆ
ผู้ซึ่งสวมบทบาทของการจัดการความรู้ในองค์กรหรือชุมชน เช่น
ผู้บริหารสูงสุด (CEO) คุณเอื้อ (CKO) คุณอำนวย (Knowledge
Facilitator) และคุณกิจ (Knowledge Practitioner)
จำเป็นจะต้องมีความเข้าใจและเปิดใจอย่างพอประมาณที่จะเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ๆ
เพื่อการจัดการความรู้และเลือกสรรบริโภคข้อมูลเฉพาะส่วนที่สำคัญหรือส่วนที่สนใจได้
แน่นอนว่าจำนวนบล็อกใน GotoKnow.org จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
อันเนื่องมาจากการอบรมเชิงปฏิบัติการ การบรรยาย
และการนำความรู้ที่ได้รับมาไปถ่ายทอดต่อๆ กันไป ดังนั้น
การติดตามอ่านบันทึกทุกฉบับจากทุกๆ บล็อกใน GotoKnow.org
จึงเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้และไม่ควรปฏิบัติ
แม้ว่าการอ่านบันทึกในบล็อกและการแสดงความคิดเห็นเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้อยู่เป็นประจำเป็นกิจกรรมที่มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าการเขียนบันทึกเพื่อถ่ายทอดความรู้
แต่การบริโภคข้อมูลมากเกินไปโดยไม่เลือกสรรทำให้เสียเวลาและอาจเข้าสู่สภาวะเครียดและล้าทั้งสายตาและจิตใจอันเป็นอาการทั่วไปของภาวะบริโภคข้อมูลมากเกินความจำเป็น
(Information Overload Syndrome)
ดังนั้น
การเลือกอ่านเฉพาะบล็อกที่สนใจจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง
วิธีที่ง่ายที่สุดคือ เลือกจดจำลิงค์ที่อยู่ของบล็อกนั้นๆ
อันเปรียบเสมือนการจำชื่อสมุดบันทึกหนึ่งๆ เช่น
http://ThaiKM.GotoKnow.org,
http://FaciCOP.GotoKnow.org,
http://Howto.GotoKnow.org
เป็นต้น แต่วิธีการนี้ก็ไม่ใช่วิธีการที่ดีที่สุด
เพราะผู้อ่านยังจำเป็นต้องพิมพ์ลิงค์ที่อยู่ในโปรแกรมเว็บบราวเซอร์
เช่น Internet Explorer ทุกลิงค์และทุกครั้งที่เข้าอ่าน
การอ่านบล็อกหลายบล็อกได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพในแง่การเข้าถึงข้อมูลได้ได้โดยง่าย
คือ การอ่านผ่านทางซอฟต์แวร์หรือเว็บไซต์ที่เรียกว่า Feed Aggregator
หรือ Feed Reader เช่น SharpReader, Newsgator, หรือ BlogExpress
(ดังแสดงในรูปที่ 7) เป็นต้น
ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกในการอ่านบล็อกด้วยการรวบรวมเอาข่าวสารล่าสุด
(RSS Feed) จากบล็อกต่างๆ มารวมอยู่ด้วยกัน
เพื่อจะได้รับข่าวสารจากหลายแหล่งในที่เดียวกันโดยไม่ต้องใช้โปรแกรมเว็บบราวเซอร์เปิดบล็อกต่างๆ
จนครบทุกบล็อก
รูปที่ 7 ตัวอย่างหน้าตาของโปรแกรม BlogExpress (จาก BlogExpress.com) |
การเปิดเผยรหัสต้นแบบ (Open-Source)
ทีมงานพัฒนา
GotoKnow.org มีความตั้งใจที่จะพัฒนาระบบขึ้นมาด้วยหลักการของการเป็น
Open-Source คือ
นอกจากที่ผู้พัฒนาอนุญาตให้นำเอาระบบไปลงโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายในการพัฒนาแล้ว
หลักการดังกล่าวนี้จะเป็นการร่วมด้วยช่วยกันพัฒนาปรับปรุงรหัสต้นแบบ
(Source Code)
ที่เปิดเผยต่อสาธารณชนให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นเพื่อผลประโยชน์แก่ผู้ใช้ทุกคน
และเป็นข้อบังคับที่ว่าผู้ที่พัฒนาต่อเนื่องจะต้องเผยแพร่รหัสต้นแบบที่ต่อยอดจากรหัสต้นแบบหลักนี้ออกสู่สาธารณชนเช่นกันภายใต้ลิขสิทธิ์
GNU GPL (GNU General Public License)
ดังนั้น ด้วยการ “ให้” รหัสต้นแบบของระบบบล็อกที่ทีมงานพัฒนาขึ้น
องค์กรทุกประเภทที่ต้องการมีระบบบล็อกเป็นของตนเองเพื่อการจัดการความรู้
ไม่ว่าจะเป็นการจัดการความรู้เฉพาะภายในองค์กร ระหว่างองค์กร
หรือเปิดกว้างออกสู่สาธารณะ
จะสามารถนำเอาระบบบล็อกไปลงใช้ในเครื่องแม่ข่ายของตนเองได้โดยสะดวก
หรือในอีกทางหนึ่ง องค์กรที่มีเว็บท่า (Portal Web) อยู่แล้ว
ก็สามารถเลือกนำเอาความรู้ในชุมชนบล็อกขององค์กรซึ่งอยู่ใน
GotoKnow.org ไปเพิ่มเติมเข้าที่เว็บท่าขององค์กรได้เช่นกัน
บทสรุป
คลังความรู้ใน GotoKnow.org จะเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ด้วยการ “ให้”
ประสบการณ์ความรู้ที่เกิดจากการปฏิบัติจากประชาชนคนไทยของทุกหน่วยงานและทุกชุมชน
และการพัฒนาระบบบล็อกเพื่อการจัดการความรู้ภายใต้การสนับสนุนของ สคส.
นี้ จะดำเนินต่อเนื่องไปด้วยความมุ่งมั่นและท้าทาย
อันจะนำมาซึ่งความสามารถใหม่ๆ ของตัวระบบ อาทิเช่น
การจัดทำแผนที่ความรู้แบบอัตโนมัติ
การเสนอแนะคำหลักของบันทึกความรู้แบบอัตโนมัติ เป็นต้น
เพื่อตอบรับความต้องการด้านการใช้งานให้ได้ผลเป็นอย่างดีสำหรับกระบวนการจัดการความรู้ขององค์กรต่างๆ
ในประเทศไทย
ดร.จันทวรรณ น้อยวัน และ ดร.ธวัชชัย ปิยะวัฒน์
คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
([email protected], [email protected])
ไม่มีความเห็น