เมื่อวันศุกร์ที่ 27 มีนาคมที่ผ่านมานี้ ข้าพเจ้าได้มีโอกาสได้ไปเป็นไกด์นำทัวร์(เล็ก ๆ) ไป
ตอนแรกไกด์ทั้งหลายตกลงกันว่าจะพาลูกทัวร์ขึ้นรถเมล์จากหน้ารามาฯไปลงที่ศิริราช แต่รอไปรอ
ประสบการณ์ที่โรงพยาบาลรามาธิบดีไปเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์ที่ศิริราช ข้าพเจ้าก็รับปากตกลงทั้งที่ร้าง
เที่ยวที่พิพิธภัณฑ์การแพทย์ศิริราช ทัวร์ครั้งนี้จะเป็นอย่างไรต่อไป ถ้าไกด์แต่ละคนไม่เคยไป
พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เลย แถมลูกทัวร์ยังเป็นชาวต่างชาติอีกต่างหาก น่าติดตามใช่ไหมล่ะ
เรื่องมีอยู่ว่า ข้าพเจ้าถูกเพื่อนชวนให้ไปช่วยพานักเรียนแลกเปลี่ยนชาวเดนมาร์กที่มาฝึก
ราการใช้ภาษาอังกฤษมานาน อย่ากระนั้นเลย โทรชวนเพื่อนอีกคน(ซึ่งกำลังจะไปแลกเปลี่ยนที่
เดนมาร์กปลายเดือนเมษายนนี้) ไปด้วยดีกว่า ทัวร์ครั้งนี้มีทั้งหมด 8 คน ไทย 5 เทศ 3 (เยอะเนาะ)
มารถเมล์สายที่ต้องการก็ไม่มาสักที จึงเปลี่ยนแผนไปแท็กซี่ดีกว่า ดังนั้น จึงไปแท็กซี่ทั้งหมด 2 คัน
ระหว่าทางที่ไปนั้นรถติดมาก บรรยากาศในรถคันที่ข้าพเจ้านั่งไปก็เงียบมากเช่นกัน เพระว่าแต่ละ
คนก็ไม่รู้ว่าจะคุยอะไรกัน ข้าพเจ้าและเพื่อนก็พยายามชวนนักเรียนแลกเปลี่ยนคุย เห็นอะไรข้างทาง
ก็ชวนคุยไปเรื่อย ๆ ภาษาที่ใช้ก็ถูกบ้างผิดบ้าง ยิ่งตอนนั่งรถผ่านบริเวรที่มีกล้วยทอดขาย ลูกทัวร์ก็
ถามว่า What is this ? ข้าพเจ้าก็ตอบด้วยความมั่นใจว่า Banana fried ลูกทัวร์ก็ทำหน้างงเล็กน้อยแล้ว
ถามมาอีกว่า Fried banana ? ทันใดนั้นก็คิดได้ว่าข้าพเจ้าปล่อยไก่ไปหมดเล้าเสียแล้ว แต่ลูกทัวร์ก็ให้
กำลังใจด้วยคำว่า I understand you จากนั้นเป็นต้นมา ข้าพเจ้าก็นั่งสงบปากสงบคำเรื่อยมาปล่อยให้
เป็นหน้าที่เพื่อนอีกคนหนึ่งช่วยพูดแทน จนกระทั่งถึงโรงพยาบาลศิริราช ทัวร์คณะนี้ก็ไปยังตึก
อดุลยเดชวิกรม ชั้น 2 (ด้วยการถามทางจากเจ้าหน้าที่) อันเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ พวกเราทั้งหลาย
ทั้งไกด์และลูกทัวร์ก็พากันเดินเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์ ซึ่งไกด์ไม่ต้องทำหน้าที่อะไรมากเพราะมีป้าย
บอกทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษอยู่แล้ว (แล้วอย่างนี้จะเรียกว่าเป็นไกด์ได้อีกเหรอเนี่ย) เมื่อเสร็จ
สิ้นการเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์แล้ว คณะทัวร์ก็ไปเที่ยวตลาดวังหลังกันต่อ เมื่อสมควรแก่เวลาทั้งไกด์
และลูกทัวร์ก็ต่างแยกย้ายกันกลับที่พักด้วยความสวัสดิภาพ (ลูกทัวร์ไม่ได้พักที่โรงพยาบาลรามาฯ
จึงไม่ได้กลับพร้อมกัน)
สิ่งที่ได้จากการทัวร์ครั้งนี้
ได้รื้อฟื้นการใช้ภาษาอังกฤษที่ร้างราไปนาน ข้าพเจ้าก็แปลกใจตัวเองเหมือนกันว่า
เรียนภาษาอังกฤษมาตั้งนาน ทำไมพูดไม่ได้สักที คิด ๆ ดูแล้วก็เป็นเพราะขาดความกล้า
ในการพูดและขาดการฝึกใช้บ่อย ๆ นั่นเอง ขอเพียงแค่มีความกล้าที่จะพูดออกไป ฝรั่ง
เขาก็คนใช่ไหมล่ะ (แค่ตัวใหญ่กว่ามาก) และอีกข้อคือต้องขยันหมั่นฝึกใช้บ่อย ๆ เดี๋ยว
- ก็ดีเอง (ปลอบใจตัวเองหรือเปล่า)
ได้รู้เรื่องการเรียนพยาบาลของต่างประเทศ(เดนมาร์ก) จากการพูดคุยกับลูกทัวร์พบว่า
นักเรียนน้อย และการเรียน Anatomy ก็ได้ได้จับสัมผัสจริง ๆ เห็นเพียงแต่ในภาพ
ที่เดนมาร์ก การเรียนพยาบาลนั้นไม่ได้เรียนในมหาวิทยาลัยเสมอไป แต่ละชั้นเรียนก็มี
- เหมือนกันมาก ๆ ก็คือ มีความเคารพรัก เทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์เหมือนกัน
เท่านั้น นอกจากนี้ก็ยังได้รู้วัฒนธรรมของต่างชาติที่แตกต่างกันบ้างเล็กน้อย แต่ที่
ได้ประสบการณ์แปลกใหม่ที่หาไม่ได้ในตำราเรียน ทั้งการใช้ภาษาอังกฤษกับคนจริง
ๆ (ตัวเป็น ๆ ) การได้ไปเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์การแพทย์ศิริราชเป็นครั้งแรกในชีวิต (ตอน
แรกแอบเรียกว่าพิพิธภัณฑ์ซีอุยเพราะยังไปรู้ชื่อที่เป็นทางการ) และขากลับแอบตื่นเต้น
เล็กน้อยเพราะแท็กซี่พาขับผ่านเห็นม็อบคนเสื้อแดงด้วยแหละ (ว่าแล้วก็ยังตื่นเต้นไม่
- หาย)
สุดท้ายนี้ขอขอบคุณทุกท่านที่ทนอ่านจนจบ
ปล. จะเห็นได้ว่า Summer นี้ มีแต่เรื่องได้ไปเที่ยวและประสบการณ์แปลกใหม่ทั้งนั้นเลย ดู
ท่าจะว่างเนาะ แต่ที่จริงก็ไม่ค่อยว่างเลยนะคะ เพราะการเรียนแต่ละวิชามีงานให้ส่งทั้งนั้น
เลย
เป็นประสบการณ์ที่ดีมากเลยนะคะ
ในการไปทัวร์ครั้งนี้ ได้เพื่อนใหม่และได้ฝึกภาษาด้วย
ฮึๆๆๆๆ
ยังดีกว่าข้าน้อย
เห็นฝรั่งก็กลัวแล้ว
แต่ตอนนี้ก็กล้าขึ้นมาก
เป็นกำลังใจให้นะคะ
เป็นเราคงพูดไม่รู้เรื่องเลย
ไม่เก่งอังกฤษเลยค่ะ