ก้าวย่าง..สู่รั้วมหาวิทยาลัย


ปัจจุบันยังไม่มีที่ใดยืนยันว่าคนที่สอบไม่ได้จะไมประสบความสำเร็จ

          การที่นักเรียนม.ปลายมีความฝนอยากศึกษาต่อในมหาวิทยาลัย  พอประกาศผลสอบคงมีคนบางกลุ่มได้ร้องเฮ บางคนอาจร้องโฮ เพราะมีทั้งกลุ่มนักเรียนที่สมหวังส่วนกลุ่มหลังนั้นเป็นอารมณ์ที่เกิดจากการผิดหวัง แต่การที่เราไม่สามารถเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของมหาวิทยาลัยชื่อดังเก่าแก่เหมือนกับคนอื่น ๆ เขานั้น ปัจจุบันพบว่ายังไม่มีสถาบันที่น่าเชื่อถือใด ๆ ของโลกได้รับรอง หรือการันตีว่าคนที่สอบไม่ได้จะไม่ประสบความสำเร็จในชีวิตเสียเมื่อไร และวันนี้พี่ปริมได้รวบรวม 20 คำถาม-คำตอบ สำหรับน้องใหม่หน้าใสๆ ลองอ่านดูนะคะเผื่อจะได้แนวความคิดอะไรดีๆ ในการเตรียมก้าวเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัยอย่างเต็มภาคภูมิบ้าง

1. หลังจากทุกสถาบันในประเทศไทยประกาศผลสอบหมดแล้ว ยังสมัครเรียนในต่างประเทศทันหรือเปล่า
          โดยปรกติมหาวิทยาลัยในต่างประเทศที่มี 2 ภาคเรียน โดยจะเริ่มต้นในเดือนสิงหาคมหรือกันยายน จนถึงพฤษภาคมหรือมิถุนายน ทางสถาบันจะเปิดรับนักศึกษาในช่วงเดือนกันยายน แต่ก่อนหน้านั้น นักเรียนควรเตรียมความรู้ด้านภาษาอังกฤษก่อน ควรมีคะแนน TOEFL หรือIELTS ในบางสถาบันจะมีหลายภาคเรียน อาจเป็น 3 หรือ 4 ภาคเรียน ซึ่งเวลาเปิดรับสมัครจะต่างกัน จึงควรหาข้อมูลของแต่ละสถาบัน และประเทศที่ตนเองสนใจ ฉะนั้นจะทันหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับสถาบันที่เราต้องการเรียน และความพร้อมของเราด้วย

2. ชอบกีฬามาก แต่ก็อยากมีความรู้ด้านอื่นเพื่อเป็นทางเลือก ควรเลือกเรียนเกี่ยวกับอะไรดี
          จริง ๆ ก็ควรดูว่า เรามีความถนัดอะไรบ้างนอกเหนือจากเล่นกีฬา แต่สาขาที่เกี่ยวกับกีฬามากที่สุดก็คงเป็นวิทยาศาสตร์การกีฬา เป็นความรู้ในด้านวิทยาศาสตร์ที่เรียนเกี่ยวกับกีฬาหลายชนิด เมื่อจบมาแล้วสามารถทำได้หลายอาชีพที่เกี่ยวกับกีฬา แต่ก็อย่าลืมหาเวลาฝึกกีฬาที่เราถนัด ไม่แน่อาจจะติดทีมชาติแถมไปด้วย

3. ทุนเรียนฟรีสำหรับนักกีฬา มีทุกสถาบันเลยหรือเปล่า แล้วต้องเรียนสาขาที่เกี่ยวกับกีฬาไหม
          มีในหลายสถาบัน แต่คงไม่ทุกสถาบัน และไม่จำเป็นต้องเรียนในสาขาที่เกี่ยวกับกีฬา หากมั่นใจว่าเรามีความสามารถขนาดสามารถขอทุนสำหรับนักกีฬาได้ก็ลองสอบถามจากทางมหาวิทยาลัยดู โดยมีข้อแม้ว่า เราต้องเล่นกีฬาให้กับมหาวิทยาลัย ซึ่งนอกจากจะได้เรียนฟรีแล้วยังได้เล่นกีฬาบ่อย ๆ ด้วย

4. เรียนในสถาบันเอกชน สามารถกู้ยืมเงินเพื่อการศึกษาได้หรือเปล่า
          กู้ได้ หลักสูตรปริญญาตรี ที่เรียนไม่เกิน 4 ปี สามารถกู้ได้รายละไม่เกิน 200,000 บาท ในบางสาขาวิชาที่ต้องเรียนมากกว่า 4 ปี เช่น แพทย์ ก็สามารถกู้ได้ในวงเงินที่สูงกว่านั้น

5. และถ้ากู้ได้ จะต้องผ่อนชำระคืนอย่างไร
          ชำระคืนหลังจากจบการศึกษา และมีงานทำแล้ว โดยผ่อนชำระต้นเงินพร้อมดอกเบี้ยเป็นรายเดือน เดือนละเท่า ๆ กัน ชำระงวดแรกในเดือนที่ทำสัญญากู้ โดยใช้วิธีหักเงินเดือนนำส่งธนาคารผ่านหน่วยงานต้นสังกัด

6. ในมหาวิทยาลัยเอกชน สามารถเริ่มสมัครเรียนในเทอมสองได้หรือเปล่า
          ในบางสถาบันสามารถทำได้ แต่ก็ต้องเก็บหน่วยกิตให้ครบตามที่ทางมหาวิทยาลัยกำหนด อาจจะจบช้ากว่าเพื่อนหน่อย แต่จบเหมือนกัน

7. ต้องไปเรียนต่างจังหวัด แถมไม่มีเพื่อนไปด้วยเลย กลัวเหงาจัง
          ไม่น่าจะเหงาได้ เพราะเพื่อนส่วนใหญ่ก็มาจากต่างที่ต่างสถาบัน และที่มหาวิทยาลัยก็มีกิจกรรมที่จะช่วยให้นักศึกษาปี 1 สนิทสนมกันเร็วมาก บางทีอาจสนุกจนลืมเพื่อนเก่าเลยก็ได้

8. อยากทำงานในมหาวิทยาลัยเพื่อหารายได้เพิ่มจะทำได้ไหม และควรจะเริ่มอย่างไรดี
          ทำได้ ส่วนใหญ่จะเป็นการช่วยเจ้าหน้าที่ประจำมหาวิทยาลัย เช่น ฝ่ายรับสมัครนักศึกษา งานตามศูนย์ศึกษาต่าง ๆ ประจำมหาวิทยาลัย ซึ่งควรสอบถามข้อมูลจากฝ่ายบริการนักศึกษา ในส่วนบริการจัดหางาน

9. เห็นคนอื่นเขาได้ทุนไปเรียนต่อต่างประเทศระหว่างเรียนในมหาวิทยาลัย เขาทำอย่างไรกัน
          ต้องติดตามข้อมูลข่าวสารเรื่องทุนตลอด อาจเป็นข้อมูลจากฝ่ายประชาสัมพันธ์ประจำมหาวิทยาลัย และข้อมูลจากนิตยสารที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา เช่น นิตยสารการศึกษาวันนี้ หรือ EXIT ก็ได้ อาจเป็นทุนแลกเปลี่ยน ทุนดูงาน ทุนฝึกอบรม ข้อมูลเหล่านี้ต้องอาศัยหูตาที่ว่องไว ยิ่งรู้ข้อมูลมากก็ไม่น่าพลาด

10. จะเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว ยังไม่เคยมีแฟนเลย
          เรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหาในเชิงวิชาการ หรือไม่มีผลต่อการเรียนนั่นเอง เพื่อนพี่หลายคนที่ไม่มีแฟนก็สามารถเรียนจบได้ แถมได้ผลการเรียนดี เอาน่า.... อายุเท่านี้ไม่เห็นต้องรีบเลย ยังไงก็ต้องมีสักวันแน่

11. เดี๋ยวนี้แฟชั่นชุดนักศึกษาเขาไปถึงไหนกันแล้ว
          มีหลากหลาย จนเราเองก็ตามไม่ทัน รู้แค่ว่า ขนาดเสื้อนักศึกษาเล็กลงทุกวัน กระโปรงก็สั้นขึ้นทุกวัน แต่จะเหมาะสมหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณส่วนบุคคลแต่ชุดนักศึกษาที่น่ารักสมวัยที่สุด ก็คงจะเป็นชุดที่ถูกต้องตามระเบียบของทางมหาวิทยาลัยนั่นแหละ

12. ไม่ชอบวิธีการรับน้องเลย จะหลีกเลี่ยงอย่างไรถึงจะไม่โดนเพื่อนว่า
           เรื่องการรับน้องเป็นสิทธิส่วนบุคคล จะเข้าร่วมกิจกรรมหรือไม่ก็ได้ แต่กิจกรรมต่าง ๆ เหล่านี้รุ่นพี่ได้สร้างสรรค์ขึ้นเพื่อเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างรุ่นน้อง รุ่นพี่ และเพื่อน ๆ ด้วยกัน แต่ถ้าเราเห็นว่าตรงไหนเกินขอบเขตที่จะรับได้ ก็สามารถหลีกเลี่ยงได้ ไม่มีผลต่อคะแนนความประพฤติแต่อย่างไร เพื่อน ๆ ก็น่าจะเข้าใจ

13. เรียนมหาวิทยาลัยจำเป็นต้องมีชมรมอยู่ไหม
          ไม่จำเป็น แต่ชมรมต่าง ๆ เกิดขึ้นมาเพื่อเป็นสังคมของผู้ที่มีความชอบคล้าย ๆ กัน เช่น ชมรมหมากกระดานก็เป็นสังคมของคนชอบเล่นหมากกระดาน ชมรมฟันดาบก็เป็นสังคมของคนขอบกีฬาฟันดาบ หรือคนที่อยากฟันดาบเป็น ซึ่งก็ใช่จะเป็นเพียงสังคมของเพื่อนร่วมสถาบันเดียวกัน แต่ยังมีการแข่งขันระหว่างสถาบัน ทำให้เรารู้จักเพื่อนที่หลากหลายมากขึ้นด้วย ถ้ามีเวลาว่าง และมีความชอบด้านไหนเป็นพิเศษ ก็น่าหากิจกรรมทำนะ

14. ที่มหาวิทยาลัยมีหนังสือเรียนมือสองขายไหม
          บางมหาวิทยาลัยรุ่นพี่ (ที่เป็นพี่รหัส) จะนำหนังสือที่เคยใช้แล้วให้รุ่นน้องฟรี ๆ บางสถาบันรุ่นพี่จะติดป้ายประกาศตามบอร์ดเพื่อขายหนังสือมือสอง แต่ยังไม่เคยเจอสถาบันไหนที่เปิดร้านขายหนังสือเรียนมือสองสักทีถ้าอยากได้จริง ๆ แนะนำให้ไปหาที่สวนจตุจักร ที่นั่นมีหนังสือมือสองขายเยอะมาก

15. มึนไปหมดแล้ว ยังหาที่เรียนไม่ได้ ทำไงดี
          ถ้าไม่ยึดติดว่าต้องเรียนที่สถาบันใดสถาบันหนึ่ง ก็มีอีกหลายทางเลือก ทั้งมหาวิทยาลัยเปิด และมหาวิทยาลัยเอกชน แต่ก่อนอื่นต้องถามตัวเองว่า เรามีความถนัด หรือมีความชอบอะไร และดูว่าสถาบันใดมีชื่อเสียงในสาขาที่เราสนใจ แต่ถ้ายังไม่รู้ว่าจะเรียนอะไรก็ลองพักสักปี และใช้เวลาว่างลงเรียนหลักสูตรสั้น ๆ ที่สนใจ และใช้เวลานั้นค้นหาตัวเองด้วย

16. อายุตั้ง 23 ปีแล้ว แต่ต้องเริ่มเรียนปี 1ใหม่ อายจัง
          ไม่มีใครแก่เกินเรียน อายุมากกว่านี้สัก 1 เท่า ก็ยังเริ่มเรียนปี 1 ได้ ไม่เห็นต้องอายใครเลย

17. แล้วถ้าเรียนจบก็อายุปาเข้าไปเกือบ 27 ปีจะแก่เกินไปที่จะหางานใหม่ไหม
          อายุที่มากขึ้น ยอมแสดงถึงวุฒิภาวะที่มากขึ้นด้วยแต่ถ้าคิดมากเรื่องอายุที่มากกว่าคนอื่น คุณก็น่าจะหาความรู้อื่น ๆ ที่ทำให้เรามีคุณสมบัติพิเศษมากกว่าใคร เช่น จบปริญญาตรีเหมือนกัน แต่คุณสามารถพูดได้ 3 ภาษาหรือคุณเคยมีประสบการณ์ฝึกงาน หรือทำงานพาร์ตไทม์มาหลายที่ ไม่มีองค์กรใดปฏิเสธคนที่มีความสามารถหรอก

18. อยู่ต่างจังหวัด ยังติดสำเนียงเหนอ ๆ อยู่เลยเข้ามาเรียนในกรุงเทพฯ จะโดนเพื่อนล้อไหม
         โดยส่วนตัวแล้วคิดว่าน่ารักดี จะอายทำไม ชาวต่างชาติที่อยู่คนละเขตก็พูดสำเนียงต่างกัน ไม่เห็นจะมีใครคิดว่าเป็นเรื่องตลก มั่นใจในความเป็นตัวเองก็พอ

19. จบ ม.6 แล้วเรียนต่อสายอาชีพได้ไหม
          แม้จะไม่ค่อยมีใครทำกัน แต่ก็เรียนได้ ส่วนใหญ่จะเรียนเพื่อทำอาชีพใดอาชีพหนึ่งไปเลย และเมื่อเรียนถึงระดับ ปวส. ก็เทียบเท่ากับอนุปริญญา และสามารถเรียน
ต่อปริญญาตรีในมหาวิทยาลัยได้ โดยใช้เวลา 2 ปี

20. เรียนแบบออนไลน์ ตอนนี้ในเมืองไทยมีหรือเปล่า
          มี อย่างตอนนี้ก็มีมหาวิทยาลัยไซเบอร์ไทยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยอัชสัมชัญ (เอแบค) และมหาวิทยาลัยรามคำแหง ที่สามารถเรียนแบบออนไลน์ได้ในเมืองไทยจะทำได้ในระดับปริญญาตรีนเละโทเท่านั้น และเหมาะสำหรับบางสาขาวิชาเท่านั้น และถ้าไม่ติดภารกิจสำคัญ หรือไม่มีเหตุที่ไม่สามารถมาเรียนได้จิรง ๆ การมาเรียนที่สถาบัน ได้พบเพื่อน พบพี่ พบอาจารย์สนุกกว่าเยอะ

ขอให้น้องๆโชคดีสมปรารถนากันนะคะ 

ที่มา www. sanook search.com

 

 

หมายเลขบันทึก: 253567เขียนเมื่อ 5 เมษายน 2009 14:14 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 มิถุนายน 2012 20:38 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (12)

รายการสุดท้ายน่าสนใจมากค่ะ ขอบคุณค่ะ

เป็นคำถามที่เมื่อก่อนไม่มีใครมาตอบให้อย่างนี้เลยค่ะ

เป็นสิ่งที่ดีสำหรับน้องใหม่จริงๆค่ะ

สวัสดีค่ะ คุณปริม

ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ
นี่เป็นประโยชน์มาก
กับน้องใหม่ที่กำลัง
หาผู้ที่สามารถจะให้
คำปรึกษาดีดีแก่เขา
ครูแนะแนวเรามีน้อย
คงต้องอาศัยรุ่นพี่ใจดี
แบบคุณปริมนี่แหละค่ะ

ยินดีที่มีมิตรใหม่ใจดีเช่นคุณค่ะ

สวัสดีค่ะ krutoi

ถือว่าเป็นอีกหนึ่งหน้าที่ของปริมค่ะ

ดีใจที่เห็นประโยชน์กับสิ่งที่ปริมทำ

ขอบคุณค่ะ

สวัสดีค่ะ คณนันทินารี

ด้วยความลำบากที่เคยเป็นน้องใหม่มาก่อน เข้าใจหัวอกของเขาเหล่านั้นดี

วันนี้ในฐานที่เป็นรุ่นพี่ จึงขอทำประโยชน์ให้กับรุ่นน้องๆ และแบ่งเบาภาระอาจารย์อีกทางค่ะ

สวัสดีค่ะ ครูแป๋ม

ยินดีเช่นกันที่ได้รู้จักคนเก่งๆแบบนี้ ปริมได้ยินชื่อของครูแป๋มบ่อยมากค่ะ

ติดตามมาที่นี่ ได้อ่านกระทู้ ได้ดูการตอบ ครูแป๋มเป็นผู้หญิงรุ่นใหม่ที่ปริม

อยากเป็นแบบนี้บ้าง เราจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันนะคะ

การเรียนในระดับอุดมศึกษา  เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการเริ่มต้นชีวิต  แต่เป็นห้วงชีวิตที่สำคัญเอามากๆ ...

โชคดีกับชีวิตกันถ้วนหน้านะครับ

  • ดีจังเลยครับ โดยเฉพาะนักเรียนม.6 ที่กำลังเคว้งคว้าง
  • ขอบคุณความรู้ดีๆครับ

ครูแป๋ม ขอพรพระและสิ่งศักดิ์สิทธิ์
โปรดดลบันดาลให้ คุณปริม
ปราศจากทุกข์ให้ชีวิตมีแต่ความสนุกสุขสันต์
ในวันสงกรานต์ 2552 ตราบนี้และตลอดไปค่ะ.

   

ขอให้มีชีวิตที่เย็นฉ่ำเหมือนสายน้ำ ..นะครับ

  • ขอบคุณสาระ
  • มีประโยชน์มากๆ
  • ผู้ปกครองและว่าที่นิสิต
  • พึงสังวรศึกษาไว้บ้าง
  • ดีแน่ๆค่ะ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท