KM Inside เพื่อ “สุขภาวะ” ของประเทศไทย
วันนี้ (15 ส.ค.48) ผมกับคุณอ้อม (อุรพิณ) ไปร่วมประชุมกับกลุ่มสามพราน โดยมี สวรส. เป็นเจ้าภาพ เป้าหมายหลักคือต้องการไประดมความคิดกันว่าหน่วยงานตระกูล ส. ทั้งหลาย ซึ่งก็คือภาคีเครือข่ายกันอยู่แล้ว จะร่วมมือกันอย่างแนบแน่นยิ่งกว่าเดิมได้อย่างไร โดยมีเป้าหมายอันยิ่งใหญ่คือ ความอยู่เย็นเป็นสุขของคนไทย สังคมไทย โดยเล็งไปที่การมีกลไกการจัดการความร่วมมือดังกล่าว
เราตกลงกันว่าจะจัดประชุมร่วมกันอีกครั้งหนึ่ง เพื่อหาแนวทางการจัดการความร่วมมือดังกล่าว โดยจัดการประชุม “แบบ KM” คือเริ่มด้วยการเล่าเรื่องราวของความสำเร็จ เพื่อนำไปสู่การคิดต่อว่าความสำเร็จของแต่ละองค์กรเพื่อบรรลุการทำงานเพื่อความอยู่เย็นเป็นสุขของคนไทยตามแนวทางขององค์กรนั้น จะมีแนวทางส่งเสริมให้เกิดผลยิ่งขึ้น เกิดผลสำเร็จมากเรื่องยิ่งขึ้นได้อย่างไร
เป้าหมายคือช่วยกันคิดหาวิธีการจัดการความร่วมมือให้เกิดพลังเสริม (synergy) ระหว่างองค์กร
คุณหมออำพล จินดาวัฒนะ และคุณไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม ติดใจการใช้เทคนิค KM ในการ capture ความรู้ในการส่งเสริมสุขภาพในพื้นที่จากการประชุมที่เชียงใหม่เมื่อวันที่ 27 – 28 พ.ค.48 จัดโดยคณะกรรมการบริหารแผนคณะที่ 3 ของ สสส. ซึ่งผมเคยเล่าไว้แล้ว (link)
แต่การประชุมภาคีหลาก ส. นี้หินกว่าเยอะ ต้องคิดอ่านออกแบบการประชุมให้ดี โดยผมมีร่างความคิดยุทธศาสตร์การออกแบบการประชุมดังนี้
1. พุ่งเป้า (focus) ประเด็น คือเป้าหมาย “สุขภาวะของประเทศไทย” กว้างเกินไป อาจต้องทำให้แคบกว่านี้ 10 – 20 เท่า เช่น อาจจับเฉพาะประเด็น “การแก้ปัญหาแผ่นดินอาบยาพิษ” (มลพิษสิ่งแวดล้อม)
2. มีคณะทำงานคิด 3 ด้าน
· ทำ list หน่วยงานที่มีผลสำเร็จด้านต่าง ๆ เกี่ยวกับการแก้ปัญหาแผ่นดินอาบยาพิษ ทั้งหน่วยงานตระกูล ส. และหน่วยราชการ, ธุรกิจเอกชน, วิชาการ แต่เน้นผลเชิงปฏิบัติ ไม่ใช่เชิงวิชาการ เลือกผลสำเร็จหลากหลายประเด็นมาสัก 10 ประเด็น
· เสาะหาตัวบุคคลที่เป็นผู้ดำเนินการให้เกิดความสำเร็จนั้น ในบทบาทที่ต่าง ๆ กัน คือบทบาท “คุณเอื้อ”, “คุณอำนวย”, “คุณกิจ” และเชิญคนเหล่านี้มาร่วมการประชุม 4 – 5 คนต่อหนึ่งเรื่องราวของความสำเร็จ ให้คนที่มาเป็นผู้ที่มีบทบาทต่าง ๆ กัน แต่ให้มี “คุณกิจ” มากหน่อย
· วางแผนกระบวนการในการประชุม ซึ่งหน้าที่นี้คงไม่พ้น สคส.
3. วางแผนว่าประชุม 2 วัน ในการประชุมมีคน 2 กลุ่ม
· กลุ่มทีมที่มี “ผลสำเร็จ” 10 ประเด็น x 5 คน = 50 คน ทำหน้าที่เล่าเรื่องราวของความสำเร็จในการประชุมกลุ่มย่อย
· กลุ่มทีม ส. ทำหน้าที่ capture “ความรู้” และทักษะที่ต้องการบรรลุผลสำเร็จนั้น ตรวจสอบกับกลุ่มผู้มีผลสำเร็จ และจดบันทึกไว้
4. มีการนำเสนอภาพรวม และผลการสังเคราะห์ความรู้ในระดับ “ขุมความรู้” (Knowledge Assets), แก่นความรู้ (Core Competence), และตารางแห่งอิสรภาพ เพื่อให้เห็นภาพจากมุมมองกระบวนระบบ (Systems thinking) ว่าเป้าหมายของเรื่องที่ประชุมนี้ หากจะบรรลุผลอย่างเลิศต้องการความรู้ปฏิบัติด้านใดบ้าง ขณะนี้มีหน่วยงานใดที่เป็นผู้ปฏิบัติ มีหน่วยงานใดส่งเสริมหรือสนับสนุน หากจะให้ได้ผลงานเลิศระดับประเทศ ยังมีช่องโหว่ตรงไหนบ้าง
ส่วนนี้ ทีม ส. จะเป็นผู้นำเสนอ
5. ทำ AAR ร่วมกัน เพื่อตอบคำถามอย่างเป็นอิสระและพูดออกมาจากใจ ในประเด็น
· เป้าหมาย (ของตน) ที่มาร่วมประชุมนี้คืออะไร
· ส่วนใดที่บรรลุมากกว่าที่คาดหมายไว้ เพราะอะไร
· ส่วนใดที่ยังบรรลุน้อย เพราะอะไร จะทำให้บรรลุได้อย่างไร
· จะกลับไปทำอะไร ต้องการความร่วมมือจากใคร ในด้านใด
· ถ้าจะมีการประชุมเช่นนี้อีก มีคำแนะนำให้ปรับปรุงส่วนใดบ้าง
6. ทีม ส. จับประเด็นจาก AAR นำมาสังเคราะห์เป็นร่างความคิดยุทธศาสตร์และแผนการดำเนินการต่อไป แล้วปิดประชุม
7. ภายใน 2 สัปดาห์หลังประชุม ทีม “คุณลิขิต” ส่งเอกสารบันทึกและสรุปการประชุมให้แก่ผู้เข้าประชุมทุกคน
8. ภายใน 4 สัปดาห์หลังประชุม ทุก ส. เวียน e-mail ให้ ส. อื่น ๆ ทราบว่าตนคิดจะทำอะไรต่อ และต้องการความร่วมมืออย่างไร
9. มีคณะทำงานเอาแนวคิดในข้อ 8 มาสังเคราะห์เป็นยุทธศาสตร์ของเครือข่าย
10. ภายใน 1 เดือนหลังข้อ 8 ประชุมกลุ่มสามพรานเพื่อตกลงยุทธศาสตร์และแผนการดำเนินงานใน 6 เดือนข้างหน้า โดยที่จะต้องเป็นแผนที่สมจริง ไม่ใช่เพ้อฝัน รวมทั้งมีการกำหนดตัวชี้วัดความสำเร็จสำหรับใช้ประเมิน
แต่ละส่วนของแผนปฏิบัติจะมีองค์กรรับผิดชอบ กับองค์กรที่ให้ความร่วมมือ มี
ทรัพยากรสำหรับกิจกรรมอย่างชัดเจน โดยที่คณะทำงานและองค์กรรับผิดชอบต้องทำงานมาล่วงหน้า
11. เมื่อครบ 6 เดือนจัดการประชุมคล้าย ๆ กันเพื่อเรียนรู้เชิงประเมินผลโดยใช้การประชุมแบบ KM ที่คิดขึ้นใหม่
12. มีการจัดมหกรรม...เป็นงานประจำปีร่วมกัน หมุนเวียนกันเป็นเจ้าภาพหลัก สำหรับขับเคลื่อนเครือข่าย โดยยึดหลักว่าเครือข่าย ส. เป็นแกนนำ เคลื่อนเครือข่ายที่กว้างขวางทั่วประเทศ มีการกำหนด theme ของแต่ละปีให้สอดคล้องกับกิจกรรมหลัก
นี่เป็นเพียงร่างความคิดนะครับ การปฏิบัติจริงต้องมีคณะทำงานช่วยกันคิด
บรรยากาศการประชุม
วิจารณ์ พานิช
15 ส.ค.48
ไม่มีความเห็น