ตามรอยโพธิญาณ…ที่วัดป่าคอวัง


ชีวิตที่ดีต้องมีระบบคอยควบคุมกำกับ ระบบที่ว่านื้คือ “สติ”

ในวันที่อากาศร้อนอบอ้าว แต่ก็ยังไม่ร้อนเท่ากับใจที่ร้อนรนและกระโดดไปกระโดดมา ไม่เคยนิ่ง ไม่เคยสงบ ใจหนอใจของเราเอง ทำไม ทำไม ไม่ตามดูและรู้ทันใจ

อากาศไม่ได้เปลี่ยนแปลง หากแต่อากาศก็เป็นไปตามฤดูกาล ตามเหตุและปัจจัย เราทำลายสิ่งแวดล้อมไปมาก สิ่งแวดล้อมก็กลับมาร้ายเรา นี่คือกฎของธรรมะ กฎแห่งธรรมชาติ

วันนี้เป็นวันดี (๒๖ มีนาคม ๒๕๕๒) เป็นฤกษ์ดี คือ ฤกษ์สะดวกและพร้อม พร้อมทั้งกาย พร้อมทั้งใจ พร้อมทั้งสถานที่ ชมรมจริยธรรม สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดน่าน ได้นัดพร้อมกันไปดับความร้อนกาย ร้อนใจกันที่ วัดป่าคอวัง (วัดป่าวังวิโมกข์)

ท่องเที่ยวทางธรรม กิจกรรมวันนี้เราไม่ได้หวังที่จะให้สมาชิกได้ไปละกิเลสโดยสิ้นเชิง หรือไปนั่งหลับตาภาวนาตลอดวัน เพราะนานาจิตตัง บางคนก็ไม่อยากไปวัด บางคนก็อยากไปอบรมภาวนาเลย จึงต้องแบ่งใจเผื่อกัน เรามุ่งหวังว่าครั้งนี้เป็นเพียงการ ท่องเที่ยวทางธรรม

แค่ไปเที่ยววังวิโมกข์ให้ถึงธรรม ให้รู้ว่าวัตรปฏิบัติของวัดนี้เป็นอย่างไร แล้วจะช่วยให้เราดับร้อนกายและใจได้อย่างไร และเราจะมีแนวปฏิบัติเบื้องต้นอย่างไรในการเจริญสมาธิภาวนา

และนี่คือบันทึกเรื่องราวการเดินทางท่องเที่ยวทางธรรมที่วัดป่าคอวัง เป็นการท่องเที่ยวทางธรรมเพื่อตามรอยของพระโพธิญาณเถร โดยการนำของไกด์ทางธรรมที่ชื่อว่า พระครูสุนทร วรนาถ เจ้าอาวาสวัดป่าคอวัง และอุบาสิกา ปัทมา ธนามี ญาติธรรมคนหนึ่งของผู้เขียน

...........................................

วัดป่าคอวัง เป็นสาขาที่ ๙๙ ของวัดหนองป่าพง อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี หรือที่รู้จักกันในนามของวัดป่าที่เป็นสถานปฏิบัติธรรมของ หลวงพ่อชา สุภัทโท (พระโพธิญาณเถร) ศิษย์ของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต

วัดป่าคอวัง เริ่มจัดตั้งขึ้นเป็นสำนักสงฆ์ของสาขาวัดหนองป่าพง ลำดับที่ ๙๙ เป็นแห่งแรกของสายวัดหนองป่าพงในจังหวัดน่าน โดยการนำของพระอาจารย์ประสบชัย และบรรดาลูกศิษย์ของหลวงพ่อชาในจังหวัดน่าน เริ่มแรกได้เลือกพื้นที่สาธารณะของบ้านคอวังเป็นที่ตั้ง เนื่องจากขณะนั้นบ้านคอวังยังไม่มีวัด จึงได้ใช้สถานที่สาธารณะที่อยู่บริเวณป่าสุสานของหมู่บ้านเป็นที่จัดตั้งสำนักสงฆ์ ซึ่งมีสภาพเป็นป่าและอยู่ห่างจากหมู่บ้านพอสมควร ตามลักษณะของวัดป่า และวัดในสมัยพุทธกาล มีเนื้อที่ ๘ ไร่ ได้จัดตั้งเป็นเพิงพักของสงฆ์แบบทรงหมาแหงนแบบเรียบง่าย

ลักษณะชัยภูมิที่อยู่ในป่าสุสาน เป็นพื้นที่เงียบสงบภายนอก เป็นองค์ประกอบความเงียบสงบภายนอกที่เอื้อต่อการฝึกปฏิบัติเพื่อความสงบภายใน ความสงบจากจิตวิญญาณยิ่งนัก

การตั้งอยู่ในบริเวณป่าสุสาน เป็นการอยู่เพื่อให้เห็นสัจธรรมของชีวิต เห็นกฎของการเปลี่ยนแปลง เกิด แก่ เจ็บ ตาย นี่เป็นสิ่งที่แน่แท้ของชีวิต พิจารณาให้เห็น ดูให้เป็น

การพัฒนาของสำนักสงฆ์ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องโดยพระอาจารย์และเหล่าบรรดาญาติโยมด้วยความศรัทธา จากสำนักสงฆ์เล็กๆ ได้ขยายตัวไปทีละน้อยๆ พร้อมๆ กับความสงบ สว่าง ที่ผุดเกิดในใจของศรัทธาญาติโยม

ปี ๒๕๓๕ สำนักสงฆ์คอวัง ก็ได้รับอนุมัติให้จัดตั้งเป็น วัด อย่างถูกต้องตามหลักเกณฑ์การจัดตั้งวัดของกรมศาสนา

ปี ๒๕๔๑ หลังจากที่วัดมีการพัฒนาและขยับขยายพื้นที่ออกไปอย่างต่อเนื่องจากแรงศรัทธาของชาวบ้าน ทำให้มีการจัดระบบผังของวัดใหม่ เพื่อให้เหมาะสมแก่การปฏิบัติ โดยกำหนดเขตบริเวณวัดไว้เป็น ๓ ส่วน คือ ๑) เขตพุทธาวาส เป็นที่อยู่ของพระพุทธเจ้า นั่นคือเขตพื้นที่สำหรับการปฏิบัติธรรม ๒) เขตพระสงฆ์ เป็นที่ตั้งของกุฏิของพระสงฆ์ ๓) เขตที่พักของญาติโยมที่มาปฏิบัติธรรม

......................................

วัตรปฏิบัติประจำวันของวัดป่าคอวัง

เริ่มตั้งแต่เวลา ๐๒.๔๕ น.     - จะมีการตีระฆังปลุกตื่น

          เวลา ๐๓.๐๐ น.        - นั่งสมาธิ

          เวลา ๐๔.๐๐ น.        - สวดมนต์แปล

          เวลา ๐๕.๐๐ น.        - กราบพระเลิกพร้อมกัน เพื่อไปประกอบกิจของตนเอง รวมไปถึงการปัดกวาเช็ดถูศาลา

          เวลา ๐๘.๐๐ น.        - ออกบิณฑบาตตามหมู่บ้าน

          เวลา ๐๘.๐๐ น.        - ฉันอาหารเช้า ที่นี่พระฉันท์มื้อเดียวแบบบุปเพ่ต์ ฉันในบาตร เสร็จแล้วก็อนุโทนาคุณความดี เสร็จแล้วล้างบาตเก็บไว้ให้เรียบร้อย

          เวลา ๐๙.๐๐ น.        - ซักผ้า ตากจีวร ทำสมาธิ เดินจงกลม ศึกษาพระธรรม

          เวลา ๑๔.๐๐ น.        - นั่งสมาธิ แผ่เมตตา

          เวลา ๑๕.๐๐ น.        - ปัดกวาดเช็ดถูศาลา ลานวัด

          เวลา ๑๖.๐๐ น.         - ฉันน้ำปานะ

          เวลา ๑๗.๐๐ น.        - ดูแลชำระร่างกาย

          เวลา ๑๙.๐๐ น.        - นั่งสมาธิ

          เวลา ๒๐.๐๐ น.        - สวดมนต์แปล

          เวลา ๒๑.๐๐ น.        - แสดงธรรมะ

          เวลา ๒๒.๐๐ น.        - แยกย้ายกลับที่พัก

พิเศษ เฉพาะในวันพระ จะมีการทำธุดงควัตร นั่นคือ การฝึกสมาธิคนรุ่งสาง นั่นคือการฝึกจิตด้วยการนั่ง เดิน  เป็นวัตรปฏิบัติเสริม มิใช่ข้อห้าม(ศีล)

...........................................

การทำงานคือการปฏิบัติธรรม นี่คือวัตรปฏิบัติที่ยึดถือ ดังนั้นการปัดกวาดถูศาลากวาดวัด ก็เป็นการฝึกการทำสมาธิ ฝึกปัดกวาดสิ่งที่อยู่ในใจออกไป เป็นการทำความสะอาดจิต ละทิ้งความโลภ โกรธ หลง อิจฉา ริษยา ออกจากตัวตนของเรา

การปฏิบัติธรรมคือการสร้างสมดุลกายและใจ การไม่ปฏิบัติธรรมก็คือไม่รักษากาย-ใจของเราเอง

ไม่ว่าจะเป็นการกิน นั่ง นอน ทำงาน หรือผ่อนพัก ล้วนเป็นวัตรปฏิบัติแห่งการฝึกฝนตนเอง ตามเฝ้าดูจิตของตนเอง ตามดูให้รู้ทันใจของตนเอง ให้รู้อยู่ทุกขณะว่ากำลังทำอะไรอยู่ นี่คือการปฏิบัติธรรม คือการปฏิบัติของชีวิต

ซักผ้า ซักร่างกาย การทำความสะอาดร่างกาย ก็คือการชำระร่างกายให้สะอาดหมดจด ชำระจิตใจให้บริสุทธิ์ผ่องใส เมื่อครบ ๗ วันจะมีการซักผ้าและร่างกาย ๑ ครั้งหนึ่ง เป็นการพร้อมเพรียงกันซักผ้าที่โรงย้อม ผ้าจีวรของพระที่นี่เป็นผ้าขาวดิบที่เย็บขึ้นเอง นำมาย้อมสีของแก่นไม้ขนุน เป็นการใช้สีตามธรรมชาติ ไม่ใช้สีเคมี

พระที่นี่ซักร่างกายโดยการอบสมุนไพร เป็นการสร้างสุขภาพและบำบัดโรค เป็นการสร้างสมดุลกายและใจ

อยู่แบบพอดี ไม่มาก ไม่น้อยเกินไป กุฏิพระที่นี่จะอยู่เป็นหลังเล็กๆ กลางป่า ใกล้ๆ ป่าสุสาน ไม่มีไฟฟ้า ไม่มีเครื่องอำนวยความสะดวก จะมีเพียงเครื่องใช้จำเป็นพื้นฐานของการดำรงอยู่ของพระ สำหรับฝึกปฏิบัติ อยู่แบบพอดีคืออยู่แบบพอเพียง พอดีคือเป็นตามธรรมชาติ ไม่ตึง ไม่หย่อนเกินไป

อยู่แบบปกติ ศีลแปลว่าปกติ นั่นคือไม่เบียดเบียนใคร

บริหารกายแล้วบริหารใจ กายยังต้องการการออกกำลังเพื่อให้ร่างกายแข็งแรง ต้านทานโรคภัยไข้เจ็บ ใจก็เช่นกันต้องการการบริหารจิตให้กล้าแกร่ง รู้เท่าทันใจ ให้มีภูมิต้านทานอารมณ์ของตนเอง ร่างกายต้องการเวลาพัก จิตก็เช่นเดียวกัน ร่างกายต้องการอาหาร จิตใจก็ต้องให้อาหารเช่นกัน

ก่อนที่เราจะบริหารคน บริหารงาน เราได้บริหารใจเราดีพอหรือยัง หากกลไกภายในยังไม่ดี กลไกภายนอกจะดีได้อย่างไร

การให้อาหารใจนั้นง่ายมาก ไม่ต้องลงทุนใช้เงินทองหรือวัตถุใดๆ เพียงแค่ให้ใจอยู่นิ่งๆ คิดดี พลอยยินดีกับคนที่ทำดี เพียงแค่นี้เราก็ปิติสุขแล้ว

เมื่อเราบริหารใจบ่อยๆ ใจเราก็จะเข้มแข็ง มีสติรู้เท่าทันใจของตนเอง มีอะไรมากระทบที่ก่อให้เกิดอารมณ์ ความโกรธ เราก็แค่ทำสมาธิ นั่งอยู่นิ่งๆ ตามดูลมหายใจของเรา พิจารณาเหตุแห่งปัจจัยที่เกิดขึ้นกับตัวเรา ใช่หรือไม่ว่า อารมณ์ ความโกรธ นั้นเกิดจากมาความคิดของเราเอง หาใช่ปัจจัยภายนอกไม่ หากแต่เป็นใจเรานี้เอง

ทำงานด้วยจิตว่าง ท่านพุทธทาสภิกขุ กล่าวว่า การทำงานด้วยจิตว่าง นั่นคือ ว่างจากอารมณ์ จากความเห็นแก่ตัว จากอัตตา ไม่ต้องการคำสรรเสริญเยินยอ แต่เป็นการทำงานด้วยจิตที่เป็นอิสระ เพราะอยากทำ เป็นจิตอันบริสุทธิ์

ธรรมะเกิดจากการปฏิบัติ มิใช่จากการอ่านมา ท่องมา

ความสุขจากใจที่เป็นอิสระ สุขที่แท้เกิดจากใจมิใช่วัตถุ

อามิสสุขคือสุขภายนอก สุขทางวัตถุ การที่จะมีความสุขได้ต้องอาศัยองค์ประกอบภายนอกมาสร้างความสุข ต้องมีรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัสมาช่วย ใช้ต้นทุนสูง เหมือนกับการดื่มน้ำเกลือ ครั้งแรกๆ ดื่มไปอาจรู้สึกสดชื่นแต่นานๆ ไปรู้สึกหมดแรง ยิ่งดื่มยิ่งกระหาย ไม่รู้จักพอ ต้องเพิ่มอีกเรื่อยๆ

แต่ความสุขที่เกิดจากภายในคือนิรามิสุข เป็นสุขจากใจ ไม่ต้องมีวัตถุ รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัสมาเป็นองค์ประกอบ เป็นความมีอิสระในใจของเรา เหมือนกับการดื่มน้ำฝน ที่แรกๆ อาจจืดชืด แต่นานๆ ไปจะรู้สึกอิ่มสบาย ไม่มีผลข้างเคียง

อยากมีใจที่เป็นสุขอิสระ ก็ต้องสร้างเหตุปัจจัยให้พร้อม เมื่อเหตุปัจจัยพร้อมความสุขก็เกิดขึ้นได้ เหมือนเราอยากได้พริกก็ต้องปลูกพริก หากเอามะเขือมาปลูกแล้วจะได้พริกได้อย่างไร การสร้างสุขให้เกิดในใจ ก็ต้องมาฝึกฝนใจตนเองให้เข้มแข็ง ให้มีสติ เหมือนแบตเตอรี่มือถือเรายังต้องชาร์ตให้เต็มพร้อมใช้งานอยู่ตลอดเวลา แล้วใจเราที่เราต้องอยู่และใช้มันอยู่เสมอๆ ทำไมเราไม่ชาร์ตใจเราให้พร้อมอยู่เสมอ นั่นคือฝึกให้มีสติ ฝึกจิตให้แข็งแรง

แรกๆ จิตเรายังอ่อน มักจะมีคลื่นแทรกอยู่เสมอๆ เราก็อาจจะฝึกจิตตามรูปแบบโดยมีพระอาจารย์หรือผู้รู้คอยแนะนำ เช่น การฝึกนั่งสมาธิภาวนา การเดินจงกลม แต่เมื่อเราฝึกบ่อยๆ จนใจกล้าแกร่ง เราก็สามารถปฏิบัติสมาธิภาวนาได้ทุกขณะ ทุกเมื่อ ไม่เลือกกาล เวลา และสถานที่

สติคือการระลึกได้ รู้ตัว มีสัมปชัญญะ  ต้องเพาะเชื้อปลูกฝังสติให้ดี ฝึกรู้ ฝึกให้เห็นโทษของการขาดสติ

ชีวิตที่ดีต้องมีระบบคอยควบคุมกำกับ ระบบที่ว่านื้คือ สติ เหมือนรถที่มีเกียร์และเบรคคอยควบคุมกำกับการวิ่งของรถ เรามีรถเรายังต้องคอยดูแลรักษา กาย-ใจของเราก็เช่นกันต้องมีการดูแลรักษา

กฎของธรรมชาติคือธรรมะ

กฎของชีวิตที่จริงแท้ คือกฎของการเกิด แก่ เจ็บ ตาย ไม่มีใครหลีกพ้น เพียงแต่ใครจะรู้ เห็น และเข้าใจ ยอมรับและเคารพกฎของชีวิตนี้

การปฏิบัติธรรมเพื่อให้เห็นกฎของธรรมชาตินี้ที่ดี หนึ่งคือการปฏิบัติ ณ เชิงตะกอน ให้เห็นความเป็นไปของชีวิต เห็นสัจธรรมที่มิอาจหลุดพ้น กายนี้มิใช่ของเรา ตายไปเราก็เอาไปไม่ได้ สุดท้ายเป็นเศษเถ้าถ่าน

อำนาจ ยศ ฐา บรรดาศักดิ์ ร่ำรวย มีจน ไม่สำคัญ สุดท้ายก็ไปได้เพียงเชิงตะกอน สำคัญที่ความดี ยิ่งมียิ่งคงอยู่ ยิ่งเจือจาน

คนหลอกผี หรือผีหลอกคน

กลัวผี หรือกลัวความคิดของเราเอง เรากลัวใครกันแน่ นี่คือบททดสอบครั้งสำคัญของชีวิต

เชิงตะกอนคือสิ่งย้ำเตือนให้เรารู้ว่า ไม่ช้าหรือเร็วเราก็ต้องไป

เถ้าถ่านที่เหลือก็เป็นเพียงเศษผุยผง นี่คือความเป็นชีวิต

ชีวิตที่มิใช่ของเรา มิใช่ตัวเรา และมิใช่เรา

ฝึกฝืนตนเอง ละวาง ปลดปล่อยจากพันธนาการ

ปลดปล่อยสู่อิสรภาพที่แท้จริงของชีวิต

นี่คือสายทางแห่งชีวิต

สายทางแห่งธรรม

........................................

กราบขอบพระคุณพระธรรมาจารย์

กัลยาณมิตรทางธรรม

และเพื่อนเดินทางท่องเที่ยวทางธรรมที่วังวิโมกข์

ต้นไม้ ใบหญ้า ดอกไม้ สายลม ฝูงปลาที่แหวกว่าย และเชิงตะกอน

ที่ช่วยร่อนกร่อนสิ่งที่หมักหมมอยู่ภายใน

๒๖ มีนาคม ๒๕๕๒

 

 

 

คำสำคัญ (Tags): #ธรรมะ#วัดป่า#สติ
หมายเลขบันทึก: 251940เขียนเมื่อ 30 มีนาคม 2009 15:44 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 20:31 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (19)

มาชม

ขอชื่นชมผู้เข้าร่วมปฏิบัติธรรม นำชีวิตให้สดใส

ระบบคือสตินี้ดีจัง

ชื่นชมในความเป็นคนดี มีสติ ปฏิบัติตนเป็นตัวอย่างของสังคม ท่องเที่ยวทางธรรม อยากให้คนรุ่นใหม่สนใจสิ่งเหล่านี้ เพื่อกล่อมเกลาจิตใจให้เป็นคนอ่อนโยนค่ะ

วัดนี้เป็นสถานที่ให้ความรู้ ความสุข และเป็นแบบอย่างที่ดี แก่ผู้ที่ได้เข้ามาทำบุญและปฏิบัติธรรมเป็นอย่างมาก

เสมอดาวโฮมสเตย์ [เดี่ยว]

วัดนี้ เป็นสถานที่ฝึกให้เราใช้ชีวิตอย่างมีสติและฝึกจิตของเราให้เข้มเเข็ง [การจะบวชเป็นพระไม่ใช่เรื่องง่ายต้องศึกษา] รุ่น 1 โหลใครสึกแล้วโทรหากั๋นตวยเน้อ ตุ ตึ๋ง สงสัยจะสึกวันนี้  (หนาน เดี่ยว)

ผมเป็นหนานแล้วววววว วัดนี้ไปวัดที่ผมไม่เคยเจอมาก่อน วิธีปฎิบัติธรรมสุดยอดดจริงๆ

ต้องตื่นตั้งแต่ตี 2 ตี 3 นั้งสวดทำวัดเช้า แระก้อนั่งสมาธิ แอบหลับบ้างก้อมี

แต่หลังๆเริ่มจะจับหลักถูก ท่าเรามีสติอยุกับตัวคอยกำหนดลมหายใจเข้า หายใจออก ก้อน่าจะแก้ง่วงได้บ้าง

ผมก้อขอขอบคุณพระอาจารย์ ธเนส พระอาจารย์ สมคิด ที่ฝึกคนอย่างผมให้เป็นคนขึ้นมาได้

หนานไก่แค่แอบหลับเป๋นบางครั้งแต่หนาน เอก นั่งสมาธิจนเข้านิมิตรเป๋นเสียงโกรนพอๆกับเสียงรถสิบล้อถ้าไผนั้งใกล้ๆจะต้องสะกิดฮื้อ หนานเอก ตึ่นเป๋นปะจ๋ำถ้าบ่อเจื่อถามหนาน เอ็ม รุ่น 1ใหลผ่อเน้อ แล้วปี่หนาน ตึ๋ง ถ้าได้มาพัทยามะดัยผมจะปาไปผ่อผีปลากะโฮ้หูเดียวผีอะหย้งบ่อผีผีปลากะโฮ้หูเดียวกึดได้จะดัย(คาถาไล่ผีของปี่หนานตึ๋งคือมึงบ่อไปกูไปเอง) ฝากข่าวถึงปี่หนาน วัดป่าคอวังทุกท่านร่วมทำบุญสร้างอุโบสถ และ พระพุทธรูปหินแกะสลักได้ที่วัดป่าคอวัง นะครับ พระอาจารย์บอกว่าจะสร้างเสร็จปลายปีนี้

สวัสดีค่ะ

ยังไม่มีโอกาสไปที่วัดป่าคอวังค่ะ

ชมภาพแล้ว รู้สึกว่าบรรยากาศสงบและเหมาะกับการปฏิบัติธรรมนะคะ

ชอบคำว่า ท่องเที่ยวทางธรรม ค่ะ

ขอบคุณเรื่องราวดี ๆ นะคะ

(^___^)

555+ ใช่เลยยวันนั้นผมนั้งไกล้ๆหนานเอกด้วยย กลอย่างดัง

หลับกลางอากาศของจริงง ตั้งแต่ศึกมาผมรู้สึกว่า

เปลี่ยนแปลงชีวิตผมไปในทางที่ดีขึ้นเยอะเลย ทำอะไรมีสติตลอดจะเดิน จะนั้ง จะนอน ก้อต้องมีสติ

ท่าผมหยุดงานได้เมื่อไหร่ผมจะกลับไปเยี่ยมพระอาจารย์อย่างแน่นอน

คาถาไล่ผีของพี่หนานตึ๋งเข้าท่าดีน่ะครับ 55+

หนานไก่ไปเเอ่วปี๋ใหม่เมืองตี่ใหนเมืองน่านมีถนนข้าวแต๋นม่วนก่อบ้านเฮา 14เมษาแล้วหนานไก่ยังมานั่งกะทู้อยู่อี้บ่อกั๋วโดนน้ำกะฝากหดน้ำสงกรานต์หนานไก่และหนานๆรุ่น 1 โหล ตาง internet ตวยแล้วกั๋นขอหื้อมีความสุกทุกคนเน้ออยากกับบ้านขนาดแต่บ่อได้กับขอโทษหนานๆทั้งหลายตี่นัดกั๋นแล้วบ่อไปก็เลยไปวัดที่ใกล้ๆที่ทำงานแถวนี้แหละ วันใหลพัทยาวันที่19พึ่งผ่านมาได้หนึ่งสนุกเหมือนกันแต่บ้านเฮาคงจะม่วนกว่า หนานไก่โทรมาบอกเบอร์โทรศัพย์ตี่เบอร์นี้เน้อ 038416929 อยากกับบ้านขนาดหนักว่าจะกับเมืองน่านวันที่1ที่จะถึงนี้แหละแล้วเจอกันนะเมืองน่าน

พี่หนานเอก หนานไก่ นินทาหนานเอกทำไมอะ อิอิอิ

ผมอะ เป็นไงมั่งสบายดีป่าวครับวันที่ 10 กค นี้ ผมก็ย้ายไป กทม แล้วเน้อ

หนาน โอม ย้ายมา กทม.ว่าจะแอ่วเกาะล้านมาแอ่วหรือยังถ้ามาโทรบอกตวยเน้อจะได้เคลียรเส้นทางให้ บ่อต้องนินทา หนาน เอกแล้ว หนานเอก กับหนานตึ๋ง ปากั๋นไปเลี้ยงเป็ดแล้ว ถ้าก้ายทำงานแล้วก็จะไปเลี้ยงเป้ดเหมือนกั๋น

ยังคิดถึงคืนวันที่เคยไปปฏิบัติธรรม ถ้ามีโอกาศจะกลับไปอีกน่ะค่ะ รู้สึกประทับใจเป็นอย่างยิ่งและก็ขอขอบคุณทุกๆน้ำใจของคุณป้า คุณยาย ที่ช่วยแนะนำในการใช้ชีวิตตลอดทั้ง 11 วัน แม้เวลาจะผ่านมานานแค่ไหนก็ยังรู้สึกประทับใจเสมอ

เกม คนบ้านคอวังครับวัดบ้านผมสวยมาก อายุ 25 ผมจะไปบวชคับ

 

สบายดีไหมครับพระสง

ถึงพี่หนานโอมใหญ่..หายหัวไปเลยน่อ..หนานโอมน้อยสึกแล้วเน้อ..

 

ถึง พี่หนานทั้งหลาย ต๋อนนี้ที่วัดป่าคอวังบ้านเฮาเป็นได ผ่อง....ไผอยู่บ้าน Update รูปมาหื้อผ่อจิ่มเด้อ...แล้ววิหารสร้างเสร็จแล้วหรือยังนะ...

วัดนี้เคยไปพักอยู่ แวะมาชมวัดวังวิโมกข์

ใช่วัดป่าคอวัง ที่อ.เวียงสา จ.น่าน รึป่าวคะ ..
วัตรประจำวันด้านบนก็ยังเหมือนเดิมไหมคะ .. แล้วถ้าจะไปจริงๆ ควรไปกี่โมง ดีคะ แบบว่าไปกลับ ค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท