คิดต่าง จึงทำต่าง
คนเราต้องทำตัวเป็นน้ำที่ยังไม่เต็มแก้ว หมายความว่า คนเราต้องรู้จักที่จะเปิดใจรับฝังความคิดเห็นของผู้อื่น ไม่ใช่คิดว่าตนเองเก่ง ตนเองดี ในขณะที่คนอื่นไม่เก่ง คนอื่นไม่ดี เพราะคนที่คิดว่าตนเองเก่งแล้วก็ไม่คิดที่ฟังความคิดเห็นของผู้อื่น ทำให้พลาดโอกาสสำคัญในการค้นพบสิ่งดี ๆ ในคนที่อยู่รอบข้างเรา ซึ่งอาจเป็นสิ่งที่เราคาดไม่ถึง น้ำที่มันเต็มแก้ว เติมเท่าไรก็ล้นแก้วออกมาค่ะ เสียเวลาเติม
จงทำตนเป็นน้ำที่เติมเท่าไรก็ไม่รู้จักเต็มค่ะ
คนเราต้องรู้จักเติมชีวิตของตัวเองให้เต็มเสียก่อน ไม่ว่าจะเป็น ความสุข ความรัก ความอบอุ่น ความดีต่าง ๆ กล่าวอีกนัยหนึ่งคือเติมเต็มความดีในชีวิตตน เหมือนการเติมน้ำให้เต็มแก้ว เมื่อชีวิตเราเต็มไปด้วยความสุข ความรัก ความอบอุ่น ความดีต่าง ๆ มากมายแล้ว สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้จะแปรเปลี่ยนเป็นน้ำใจอันมากมายที่ไหลล้นเผื่อแผ่ไปยังคนที่อยู่รอบข้างเราค่ะ น้ำที่ถูกเติมจนเต็มแก้วแล้ว เมื่อยังเติมอยู่เรื่อย ๆ มันก็จะไหลลงสู่ผืนดิน มอบความชุ่มชื้นแก่ผืนดินรอบข้าง ชีวิตคนก็เช่นกันค่ะ
จงทำตนเป็นน้ำที่ล้นแก้วเสมอค่ะ
..........
คนึงนิจ อนุโรจน์
ผู้กระตุ้นความคิด อ.พิพิธ พุ่มแก้ว
มีเพื่อนร่วมงานอยู่ 1 คนจาก20กว่าคนเป้นน้ำเต็มแก้วค่ะเมื่อก่อนจี๊ดทุกครั้งเวลาพี่แกบอกว่าไปประชุม อบรมอะไรมาแล้วไม่ใด้อะไร หรือมีหนังสือเชิญอบรมมาแล้วบอกว่าไม่น่าจะใด้อะไร ปัจจุบันแกก็ยังเหมือนเดิม เราก็เลยมองวิกฤตเป็นโอกาศ อาจารย์สร้อยจากเชียงใหม่ชวนให้คิด ฟังๆๆแล้วไตร่ตรองสะท้อนความคิด โอกาศมาแล้วรีบฉกฉวยขอไปประชุมเองซะเลย อ่านข้อความแล้วใด้ต้กเตือนตัวเอง