ตรวจสอบเวลาที่มีอยู่ก็คงเดินดูงานได้สัก 3-4 ชั่วโมง พอเพียงที่จะสรรหาหนังสือดีๆที่น่าสนใจติดมือมาอ่านได้สัก 2-3 เล่ม คราวที่แล้วได้มา 10-12 เล่ม ยอมรับว่าบางเล่มยังไม่แกะพลาสติกที่ห่อออกเลย เพราะส่วนมากก็เป็นเรื่องของนักเขียนนามปากกาว่า วินทร์ เลียววาริณ แนวเขียนมักจะเป็นเรื่องที่ค่อนข้างหนัก อ่านไปต้องคิดวิเคราะห์ตามไปด้วย ไม่ได้อ่านแบบสบายๆแบบนวนิยายประโลมโลกทั่วๆไป เห็นหลายคนหอบหิ้วถุงหนังสือใบใหญ่เดินผ่านหน้าไป และอีกหลายสิบคนใช้กระเป๋าลากบรรจุหนังสือพองอ้วนใบหน้าอิ่มเอิบเสมือนว่าสุขใจกับการได้ครอบครองหนังสือที่ถูกใจ ได้เห็นสภาพแบบนี้ยิ่งรู้สึกสบายใจ ไม่อยากจะเชื่อผลการสำรวจสถิติการอ่านหนังสือของคนไทยที่ว่าอ่านปีละ 2 เล่ม และมีการผลักดันให้ “การอ่าน” เป็นวาระแห่งชาติ ภายใต้ความร่วมมือของภาคีเครือข่ายขององค์กรต่างๆ พร้อมกับยุทธศาสตร์อื่นๆ ที่นำเสนอขึ้นมาเพื่อเป็นอีกแนวทางในการสนับสนุน และแก้ไขปัญหาการอ่านหนังสือของเด็กไทยให้เพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาหนังสือเด็กและเยาวชนให้มีรูปแบบที่น่าอ่าน การนำเสนอสื่อ e-book เพื่อสร้างความแตกต่างและน่าสนใจ ให้เด็กไทยเข้าถึงมากยิ่งขึ้น ให้ความร่วมมือ-ร่วมใจพัฒนากันขนาดนี้ก็น่าจะบรรลุผลในไม่ช้านี้ ประเทศที่พัฒนาการศึกษาเป็นอันดับ 1ของโลกอย่างฟินแลนด์ สถิติการอ่านของเขา 80 เล่ม/ปี
ผ่านเข้างานครั้งแรกก็ไปที่ Food Center ก่อนเลย แหม…. กองทัพเดินได้ด้วยท้องนี่นา หลังจากอิ่มอร่อยกับข้าวยำปักษ์ใต้ก็เริ่มสำรวจงาน อันดับแรกต้องแวะมุมประชาสัมพันธ์เพื่อรับ Exhibition Guide Map เพื่อจะได้ไม่ต้องเสียเวลาเดินหาบู้ธของสำนักพิมพ์ที่สนใจ และตรงดิ่งไปที่บู้ธ นิทรรศหนังสือดีเด่น พ.ศ.2552 ที่ตั้งเด่นเป็นสง่าตรงทางเข้า เขาแบ่งประเภทของหนังสือออกเป็น 9 กลุ่มคือ
1. หนังสือสารคดี
2. หนังสือนวนิยาย
3. หนังสือกวีนิพนธ์
4. หนังสือรวมเรื่องสั้น
5. หนังสือสำหรับเด็กเล็ก 3-5 ปี
6. หนังสือสำหรับเด็กอายุ 6-10 ปี มี 2 ประเภทคือ บันเทิงคดี และสารคดี
7. หนังสือสำหรับวัยรุ่นอายุ 12-18 ปี มี 3 ประเภทคือ บันเทิงคดี สารคดีและบทร้อยกรอง
8. หนังสือการ์ตูนหรือนิยายภาพ
9. หนังสือสวยงามมี 2 ประเภทคือ สวยงามทั่วไป และสวยงามสำหรับเด็ก
มีการจัดหนังสือที่ได้รับรางวัลดีเด่นและรางวัลชมเชยของแต่ละกลุ่มโชว์ไว้ด้วย มีประวัติของผู้เขียน บทคัดย่อของเรื่อง พร้อมบอกชื่อสำนักพิมพ์ เลขที่บู้ธและโซน สะดวกต่อการไปหาซื้อ ได้พบบู้ธของการซื้อหนังสือบริจาค เชิญชวนให้เข้าร่วมเป็นผู้หนึ่งในการทำบุญแห่งปัญญา ซื้อหนังสือบริจาค 9,999 เล่ม เพื่อเด็กด้อยโอกาสกว่า 1,000,000 คน เพียงบริจาคเงิน 50 บาท ขึ้นไป รับ “คำคมเทพรัตน์” หนังสือแม่เหล็กเล่มจิ๋วเป็นของที่ระลึกทันที ได้บริจาคร่วมไปด้วยพอประมาณ ฝ่ายประชาสัมพันธ์น่าจะต้องประกาศเชิญชวนให้ผู้เข้าร่วมงานได้ยินบ่อยๆ เพราะเนื้อที่บริเวณกว้างขวางเดินเลือกซื้อหนังสือเพลินๆ อาจหลงลืมไม่ได้ไปบริจาค เพราะทางเข้า-ทางออกของงานมีหลายประตูด้วยกัน งานนี้เขาจัดได้ดีมีข้อมูลจัดทำเป็นแผ่นพับและเขียนกิจกรรมเด่นๆของแต่ละวันติดบอร์ดประกาศให้เห็นชัดเจน มีมุมหนังสือของเด็กๆด้วย เนื่องจากจำกัดด้วยเวลาจึงไม่มีโอกาสเดินสำรวจได้ทั่วถึง แต่สังเกตตรงนิทรรศการ/บู้ธหนังสือนานาชาติ ที่เห็นเนื้อๆก็น่าจะเป็นหนังสือภาพของประเทศเยอรมัน และฝรั่งเศส นอกนั้นไปแอบจัดอยู่บู้ธไหนก็ไม่ทราบ
สิ่งที่สะดุดตาและชอบใจอีกอย่างหนึ่งก็คือการนำกล่องกระดาษเพ้นท์สีสวยงามมาทำเป็นเก้าอี้ ลองนั่งแล้วรู้สึกว่าแข็งแรงพอรับน้ำหนักได้ถึง 60-70 กิโลกรัม ว่างๆก็มาพัฒนาตนเองด้วยการอ่านดีกว่าเนาะ Develop Yourself by Reading
http://bangkokibf.com/aboutBKKIBF_thai.php
http://bangkokibf.com/main_thai.html
http://www.naewna.com/news.asp?ID=153160
http://news.sanook.com/economic/economic_259707.php
http://www.bookandreading.com/bookofnational/
ไม่มีความเห็น