โครงสร้างของเครือข่ายความรู้เพื่อการฟื้นฟูชุมชนของจังหวัดระยองนั้น
ในแต่ละเครือข่ายจะประกอบด้วยพันธมิตรที่ทำหน้าที่เป็นเสมือนคลังความรู้ของชุมชนได้แก่ศูนย์ข้อมูลชุมชน
โดยศูนย์ข้อมูลจะเป็นสถานที่แลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างเครือข่ายความรู้เพื่อการฟื้นฟูของชุมชนต่าง
ๆ
และเป็นสถานที่แลกเปลี่ยนเรียนรู้ของนักศึกษามหาวิทยาลัยชีวิตที่จะใช้เป็นแหล่งความรู้เบื้องต้นในการเข้าไปเรียนรู้กับชุมชน
ดังแผนภูมิ
โครงสร้างแบบนี้เป็นโครงสร้างที่เปิดโอกาสให้พันธมิตรสามารถแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกันได้จากทุกทิศทุกทางโดยความสมัครใจ
หากจะสงเคราะห์ว่าเป็นโครงสร้างองค์กรแบบแคออร์ดิค (Chaordic
Organization) ซึ่งศาสตราจารย์ นายแพทย์วิจารณ์ พาณิช
ผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมการจัดการความรู้เพื่อสังคม (สคส.)
ใช้บริหารสถาบันดังกล่าวอยู่ คงน่าจะพออนุโลมได้
เมื่อเครือข่ายความรู้เพื่อการฟื้นฟูชุมชนของจังหวัดระยองมีการวางโครงสร้างองค์กรแบบแคออร์ดิคแล้ว
นอกจากจะทำให้การทำงานฟื้นฟูชุมชนเป็นไปอย่างคล่องตัวแล้ว
ยังจะเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ทำงานทุกคนมีโอกาสเรียนรู้ด้วยตัวเองด้วย
เพราะทุกคนเป็นอิสระและมีอำนาจเต็มที่ในการตัดสินใจในงานที่ตนรับผิดชอบอยู่
หากพิจารณาจากมุมมองในเชิงทฤษฎี
โครงสร้างของเครือข่ายความรู้เพื่อการฟื้นฟูชุมชนของจังหวัดระยอง
เป็นการประยุกต์ทฤษฎี “สามเหลี่ยมเขยื้อนภูเขา” ของศาสตราจารย์
นายแพทย์ประเวศ วะสี
มาใช้เป็นหลักในการออกแบบโครงสร้างขององค์กร
โดยในโครงสร้างนี้ประกอบด้วยพันธมิตรที่เป็นแหล่งสร้างความรู้ที่ได้แก่มหาวิทยาลัยชีวิต
พันธมิตรที่เป็นผู้เชื่อมโยงความรู้ไปสู่ชุมชนต่าง ๆ
ที่ได้แก่ศูนย์ข้อมูลชุมชนท้องถิ่น
และพันธมิตรผู้ใช้ความรู้เพื่อเพิ่มพลังให้กับความรู้จนถึงขั้นสามารถขับเคลื่อนความเปลี่ยนแปลงขั้นพื้นฐาน
(transformation) ให้เกิดขึ้นในตัวตนของสมาชิกในชุมชน
เมื่อเกิดการเปลี่ยนขั้นพื้นฐานในตัวตนของสมาชิกในชุมชนแล้ว
คนในชุมชนจะไม่รู้สึกว่าถูกกดทับโดยโครงสร้างทางสังคม
เมื่อไม่รู้สึกว่าถูกกดทับ
ความรู้สึกเป็นอิสระจากโครงสร้างทางสังคมก็เกิดขึ้น
ทำให้ความมั่นใจของคนในชุมชนจะฟื้นคืนมาอีกครั้งหนึ่ง
ตัวความมั่นใจในตัวเองของคนในชุมชนนี่เอง
ที่เป็นเป้าหมายสุดท้ายของการฟื้นฟู
และเป็นพื้นฐานสำคัญของการเพิ่มขีดความสามารถในการพึ่งตนเองของชุมชนและคนในชุมชนได้
บทบาทและชื่อของพันธมิตรทั้งสามของเครือข่ายความรู้เพื่อการฟื้นฟูชุมชนของจังหวัดระยองนั้นไม่ใช่สิ่งตายตัว
แต่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตลอดตามสถานการณ์ กล่าวคือ
ทั้งเครือข่ายความรู้เพื่อการฟื้นฟู
ศูนย์ข้อมูลชุมชนท้องถิ่น และมหาวิทยาลัยชีวิต
สามารถแสดงบทบาทเดียว สองบทบาท
หรือทั้งสามในเวลาเดียวกันได้
ไม่มีข้อห้ามทั้งในเชิงระเบียบและในเชิงอำนาจ
เพราะเป็นโครงสร้างที่ไม่เน้นเรื่องอำนาจและกฎระเบียบ
แต่เป็นโครงสร้างที่เน้นที่การเชื่อมโยงกันเป็นเครือข่ายเป็นหัวใจสำคัญ
ขอบคุณครับคุณชายขอบที่นำข่าวดีมาบอก
สวัสดิ์