วิธีและขั้นตอนการกำจัดแมลงสาบ
ในวงจรชีวิตของหลาย ๆ คน มีความรู้สึกขยะแขยงแมลงสาปอย่างมากมาย บางคนก็แหยงเล็กน้อย บางคนก็แหยงเล็กน้อยถึงปานกลาง บางคนก็มาก บางคนก็มากถึงมากที่สุด แต่เคยกันมั้ยซักคนที่มองในมุมกลับกัน มองอย่างสงสัยว่าแมลงสาบมันแหยงเรามั้ย และแนวโน้มที่ตั้งข้อสังเกตน่าจะแหยงมากๆๆๆๆๆด้วยสิ เพราะเท่าที่ดู เวลาคนเจอแมลงสาปมักแสดงสีหน้า อะจึ๋ยนิดเดียว แล้วก็หาอะไรมาทุบมันให้ตายแล้วก็หยิบไปโยนทิ้ง แต่ถ้าเรามองให้ดี ๆ มองในมุมกลับกัน เราจะเห็นได้ว่าแมลงสาบมีความขยะแขยง ความอุแหวะ ความจงเกลียด จงชัง ต่อเรามากมาย เราเคยใช้เครื่องมืออะไรไปลองวัดดูก้นบึ้งหัวใจของมันมั้ย เคยสำรวจดูมั้ยว่าถ้าแลงสาบยักคิ้วแสดงว่ามันดีใจหรือแหยงตอนพบกับเรา ที่จริงอาการที่มันหนีเราก็บ่งบอกแล้วว่ามันแหยงเรายิ่งกว่าเวลาเราแหยงตุ้กแกซะอีก มันวิ่งจนหางจุกตูด แล้วมันเข้ามุมมันก็แอบมองเราตรงหลังตุ่มน้ำอีกแล้วมันก็บ่นว่าเจออีกละคน โห น่าหยะแหยงมากเลย มันยังตามเรามาอีกมั้ยเนี่ย ดังนั้นจึงสรุปได้ว่าแมลงสาบ มีความขยะแขยงคนมากกว่าคนขยะแขยงแลงสาบ(งงตัวเอง)แต่แมลงสาปก็ไม่เคยมาทำร้ายคน เพราะแมลงสาปรักสันติ แมลงสาปช่วยเฝ้าบ้านยามเราไม่อยู่ เป็นเพื่อนยามเราเหงา แล้วทำไมเราไม่หาแนวทางสันติเพื่ออยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข แบ่งโซนนิ่งและแบ่งปันน้ำใจให้กันและกัน ดีกว่าจะมาทำร้ายกัน ผมเลยพยายามเรียนรู้วิธีที่จะอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขไม่เบียดเบียนกันและกัน .....................ก่อนหน้าที่จะมีความเข้าใจในตัวแมลงสาบผมเคยขยะแหยงในตัวแมลงสาบมากเป็นอย่างยิ่ง แต่เมื่อรบกันไปโดยผมมีอุปกรณ์การรบที่ทันสมัย มีอาวุธเคมีหลายชนิดมีใช้ความรุนแรงในการทำศึกอย่างรุนแรง และใช้เวลาในการทำศึกยืดเยื้อเป็นแรมปี หมดทั้งใบก้อน(สารเคมีตกค้างเต็มบ้านไปหมด) และอื่น ๆอีกมากมาย สุดท้ายผมก็ยอมแพ้เพราะ การต่อสู้กับกองกำลังแมลงสาบที่ไม่เห็นว่ามันจะมีวันหมดมันเพิ่มขึ้นมากมาย ในแต่ละวันผมสามารถกำจัดแมลงสาบให้ลงไปชักดิ้นชักงอ แล้วก็สิ้นใจต่อหน้าได้มากมาย แต่พอรุ่งขึ้นมันก็ขนกองกำลังสำรองมาอีก มันเป็นอยู่เช่นนี้ไม่มีวันหมดสิ้น บางครั้งเราก็ฆ่ามันแล้วทิ้งศพประจาน บางครั้งก็ทรมานมันด้วยการจับมันหงายท้อง(เป็นวิธีทรมานเพราะถ้าแมลงสาบหงายท้องจะพลิกตัวไม่ได้แล้วจะขาดใจตายภายในไม่กี่ชั่วโมง) เพื่อที่จะสร้างความกลัวให้มันทั้งหลาย แต่ไม่เลย มันไม่เคยเกรงกลัวมันกลับมากันทุกวัน ไม่มีทีท่าจะลดลง ผมเลยนั่งคิดวิธีที่ต้นเหตุ สุดท้ายพบว่าวิธีที่ดีที่สุดคือการปรับใจยอมรับ เลิกรบ ไม่มีสารเคมีตกค้างในบ้าน เจรจา วันหนึ่งผมก็ได้คุยกะแมลงสาบว่าชอบอะไรผมจะจัดให้ สุดท้ายพบว่าแมลงสาบชอบน้ำหวานผสมน้ำมัน ผมจึงจัดให้ หลังจากนั้นเราก็ลงตัวต่างคนต่างอยู่
ผมหาขวดน้ำหวาน(บางทีก็ใช้ขวดน้ำปลา) ใส่น้ำหวานเล็กน้อย แล้วเทน้ำมันพืชที่เราทอดปลาหรือทำกับข้าวเหลือแล้วจะทิ้ง เทใส่เข้าไปในขวด แล้ววางไว้ที่มุมห้องต่าง ๆที่แมลงสาบชอบมาเยือน ในหนึ่งสัปดาห์แมลงสาบ จะมาใช้บริการแหวกว่ายและละสังขารในขวดที่เราจัดไว้ให้มากมาย จบดีกว่า แค่นี้เราก็จะอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข
ดีจังจ้ะ มันจะตายในขวดเลยใช่มัยคะ
ห่ะห่ะ น่ากลัวจัง
ไม่สงสารมันเหรอคะ
PS. :D
ถ้าบ้านไม่ชื้น แห้งไว้ๆๆ แมลงสาบจะหงายท้องเอง ค่อยๆ ตาย ไม่แพร่พันธ์ และแมลงสาบจะไม่ค่อยมาเยือน
พอดีได้ forward mail จากเพื่อนค่ะ เลยเอามาฝาก
หึหึ แหล่มเลย
วิธีทรมาน แมลงสาบ อย่าง สุดโหด ( โรค จิต )
>ขั้นตอนการทรมานแมงสาบ...
>เริ่มด้วย ถ้าพบเห็นมันวิ่งพล่านภายในบ้าน
>ให้เราวิ่งไปหยิบแก้วที่ไม่ค่อยใช้แล้ว
>จากนั้นอาศัยจังหวะที่มันเผลอ
>รีบเอาแก้วครอบมันอย่างรวดเร็ว
>ถ้าแม้ว่าจะทับขามันซักข้างก็คงไม่เป็นไร . . . สม!!
>แล้วทำการเขย่าถูไปถูมากับพื้น
>โดนที่ปากแก้วต้องคว่ำอยู่ ห้ามให้มันหนีออกมาได้เด็ดขาด
>มันจะเริ่ม ฉงนงงงวยจากการที่เราใส่อารมกับมันมากไป
>จะทำให้ปากแก้วทับขามันอีกซัก สอง ข้าง ก็ไม่เป็นไร
>ช่างมันไม่ต้องไปสนใจ และให้รีบวิ่งไปหยิบอุปกรณ์ทรมานดังต่อไปนี้
>
>1.น้ำหอม
>2.กาวยาง (อนุโลมให้ใช้กาวลาเท๊กขวดละ 5 บาท ได้)
>3.ไปก้อนเขียว
>4.เทียนไข พร้อมไม้ขีดไฟ
>5.แป้งเย็นตรางู
>6.*สำคัญมาก คือ กระจกเงา
>
>เอาล่ะ...เมื่อได้ของท! ี่เราต้องการมาพร้อมแล้ว
>ไอ้ช่วงที่เราไปเตรีมอุปกรณ์เนี่ย เจ้าแมงสาบมันคงตะเกียกตะกาย
>เพื่อหาทางออกอย่างสุดชีวิต ตามสัญชาติญาณของมัน
>จนกระทั่งมันท้อแท้กับชีวิต หมดสิ้นหนทางที่จะดิ้นรนต่อไป
>พูดง่ายๆตามภาษาแมงสาบ "เมิงฆ่ากูซะเหอะ"
>เท่านี้เราก็ไม่ต้องไปบังคับอะไรมันมาก
>เนื่องจากมันหมดเรี่ยงแรงที่จะต่อสู้ขัดขืนแล้ว
>ซ้ำยังพิการจากการที่ถูกปากแก้วทับขามันอีก...ฮี่ ๆ ๆ
>เอาล่ะ เริ่มการทรมานได้
>
>เอากาวยาว(ลาเท๊ก) หยอดลงบนพื้นข้างๆแก้วที่ปิดมันไว้
>บรรจงหยดให้มีปรืมาณเท่าๆกับตัวของแมงสาบโง่ตัวนั้น
>แล้วค่อยๆเลื่อนแก้วมาครอบกาวที่เราหยดไว้
>ทีนี้มันจะพยายามขัดขืนเฮือกสุดท้ายนิดนึง ด้วยการดิ้น ๆ ๆ
>จนมันไปติดกาวที่เราหยดไว้...
>ทันทีที่มันติด ให้เราค่อยๆแง้มปากแก้ว
>เพื่อที่ให้มันดีใจขึ้นมานิสสสนึงแล้วดิ้นเฮือกสุดท้าย
>แต่มันสายไปเสียแล้ว ร่างของมันทุกพันธนาการไว้อย่างแน่นหนา
>จากนั้นบรรจงฉีดไปก้อนเขียวเข้าไปนิดนึง ...ย้ำ นิดเดียว
>เอาแค่พอมึนๆ ทิ้งไว้ซักระยะ (กะว่ามันคงอยากจะอวกเต็มที)
>เราก็ฉีดน้ำหอมเข้าไปเป้นการปลอบใจ...
>ช่วงนี้เ! ราจะเห้นหน้าของมันยิ้มอย่างมีความสุขเหมือนอยู่บนสวรรค์
>หารู้ไม่ว่า... ตอนนี้มันไม่สามารถขยับไปไหนได้อีกแล้ว
>เพราะกาวจะแห้งพอดิบพอดี...
>ตอนนี้ก็เอาแก้วที่ครอบออกได้เลย
>เป้นการปลดปล่อยพันธนาการให้กับมัน
>ตอนนี้เราจะเห็นมันพยายามที่จะลุกขึ้น... ฮ่าๆๆ
>เสียใจโว้ยยย ขยับไม่ได้ล่ะซ๊... ฮี่ๆๆ
>ถ้าสังเกตดีๆท่านจะเห้นน้ำตาคลอเบ้า ตาแดงกล่ำ
>ด้วยความแค้นสุดๆ . . .เราจึงค่อยๆ
>ช่วยให้มันร้องไห้ออกมาได้อย่างเต็มที่
>ด้วยน้ำตาเทียน. . . ใช่ครับ จุดเทียนที่เราเตรียมมา
>แล้วค่อยๆหยดลงบนตัวมัน ทีละหยด ทีละหยด...อิ อิ
>หยดแรกที่แทรกผ่านอากาศ และด้วยแรงโน้มถ่วงของโลก
>ลงไปกระทบที่ตัวมัน ดัง (แปะ)
>คุณจะเห้นอาการปวดแสบปวดร้อนดิ้นทุรนทุรายของมัน
>เนื่องจากน้ำตาเทียนจะร้อนมาก (ไม่เชื่อลองหยดใส่แขนสิ)
>แต่เราจะมีวิธีช่วยให้มันหายร้อน ด้วย แป้งตรางู... หึ หึ
>โรยมันลงไปเลยครับ คิดว่าเหมือนคุณโรยพริกไทยลงในกระเพราะปลานั่นแหล่ะ...
>คุณจะเห็นมันสบัดหน้า เนื่องจากแป้งเข้าตา ... 555+
>เหมือนรายการระเบิดเถิดเทิงเลยครับ...
>ตัวขาวไปหมด น่ารักน่าชังซะนี่กะไร...แล้วมันก็จะตรอมใจตายในที่สุด
>เมื่อเห็นสารรูปตัวเองในกระจกเงา
>5555555555555555555555555555555555555+GETมั้ย
ร่วมือร่วมใจ ขอบคุณครับ