การฝึกสติ-สมาธิอย่างเป็นประจำจะช่วยในเรื่องการสังเกตตัวเองได้เที่ยงตรงเท่าทัน สามารถมองเห็นโลกและตัวเองอย่างตรงตามความเป็นจริง
ไม่บิดเบี้ยวผิดเพี้ยนตามอำนาจของอคติส่วนตัว
ทั้งนี้ผู้มีสติ-สมาธิที่เข้มแข็ง ่จะสามารถมองเห็นอาการกิเลสและอุปาทาน
ในขณะที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน และแม้แต่ในขณะที่กำลังเริ่มก่อตัวขึ้นในช่วงเวลานั้นๆ การรู้ตัวทั่วพร้อมเช่นนี้จะช่วยทำให้ภาวะภายในของเราตั้งอยู่ในความสงบสมดุล
ข้อปฏิบัติประจำวัน
ขอให้นึกถึงบุคคลที่มักปรากฏอยู่ในห้วงความคิดคำนึงของเราอยู่เสมอ หรือบุคคลที่มักจะสร้างความไม่พอใจ ความโกรธ ความรำคาญ ความกังวลใจให้กับเราอยู่บ่อยๆ แล้วให้สังเกตว่าในขณะที่จิตเรากำลังจดจ่ออยู่กับบุคคลผู้นี้อยู่นั้น ความคิดคำนึงนั้นออกมาในรูปแบบเช่นไร ?
มีภาษาถ้อยคำที่เกี่ยวข้องอะไรบ้าง ?
ภาพของเขาที่ปรากฏในใจเราเป็นเช่นไร ?
เราเห็นเขากำลังทำอะไรอยู่ ?
ในจินตนาการของเราเขากำลังคิดหรือรู้สึกอย่างไรกับเรา ?
ความคิดคำนึงของเรานี้ออกมาในทางร้ายหรือดี แง่บวกหรือลบ?
ณ.จุดนี้ ขอให้เราหยุดการคิด(ถึงผู้อื่น)ข้างต้น แล้วหันกลับมาดูตัวเองอีกครั้ง โดยเริ่มดูใจตัวเองทีละขั้นตอน เริ่มจากขั้นตอนแรกก่อนที่ความคิดของเราจะไปจับอยู่ที่บุคคลผู้นั้น ขอให้สังเกตว่าเรารู้สึกอย่างไรในช่วงนั้น เรารู้สึกไม่สบายใจ อึดอัดใจ ไม่พอใจ โกรธ หรือเครียดบ้างหรือไม่ ?
หลังจากนั้นให้ตามดูอารมณ์ของเราเมื่อมีผู้อื่นเข้ามาในใจเรา เราสามารถสังเกตเห็นการเชื่อมโยงระหว่างสภาวะภายในของเราเองกับสิ่งภายนอก
ที่เกิดจากการโยนใส่ของเราหรือไม่ ?
ในชั่วขณะนั้นเอง ที่เราจับได้ทันถึง " กลไกการโยนใส่ " ที่เรากำลังทำต่อบุคคลอยู่นั้น ขอให้หยุดตัวเองและหายใจลึกๆ สังเกตว่าเรากำลังรู้สึกอย่างไรในใจเรา ? ความรู้สึกนี้อาจสร้างความอึดอัดไม่สบายใจ ที่รุนแรงจนบดบังกลไกการโยนใส่ที่เกิดขึ้นภายในตัวเราเช่นกันจนเรามองไม่เห็นมัน สังเกตให้ดีๆ จะเห็นความเชื่อมโยงของมันหรือไม่? (ในกรณีผู้ที่ไม่สามารถรู้ถึงความรู้สึกตัวเองได้ ขอแนะนำให้เอามือข้างหนึ่งวางไว้ที่หน้าอกเหนือบริเวณหัวใจ เพื่อช่วยดึงความใส่ใจของตน)
หลังจากที่เราได้รู้จักและเท่าทันอารมณ์ (กิเลส) ของตัวเองได้ดีขึ้นแล้ว ขอให้กลับไปคิดถึงบุคคลผู้นั้นอีกครั้ง มันอาจช่วยได้ที่จะคิดถึง ภาษาถ้อยคำเฉพาะที่อธิบายสภาวะอารมณ์ของเรา ซึ่งอาจเจือจางลงแล้วในขณะนี้ สังเกตอีกทีว่าเรามองเห็นเขาได้ชัดเจนยิ่งขึ้นไหมในตอนนี้?
หากเป็นไปได้ ขอให้เราแลกเปลี่ยนประสบการณ์ที่ได้เรียนรู้นี้กับบุคคลผู้เป็นเป้าของการโยนใส่ของเรานี้ ทั้งนี้ควรทำจากความบริสุทธิ์ใจที่ต้องการเข้าใจตัวเองมากกว่าเพื่อกล่าวโทษผู้อื่น (ซึ่งเป็นการโยนใส่ยิ่งขึ้น) เช็คให้แน่ใจก่อนว่าบุคคลนั้นพร้อมและยินดีที่จะรับฟังสิ่งที่คุณจะนำเสนอ ควรจะให้เขาอนุญาตก่อนเสมอแม้เขาจะเป็นเพื่อนสนิทก็ตาม
ขยายความจากคำสอนของ
ท่านสันติกโรภิกขุ
เรื่อง แบบฝึกหัดการค้นหาตนเอง
สมาคมนพลักษณ์แห่งประเทศไทย