พบพันธุกรรม(DNA)โรคจิตแล้ว


 

...

 

ภาพประกอบจากวิกิพีเดีย > [ Wikipedia ]

  • การรักษาโรคจิตสมัยก่อนเน้นการกักขัง เช่น ล่ามโซ่ ฯลฯ ทุบหรือเฆี่ยนตีเป็นหลัก ทุกวันนี้มียาที่ทำให้อาการดีขึ้นมาก คนไข้หลายๆ คนทำการทำงาน และใช้ชีวิตที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม เช่น ทำไร่ทำนา ฯลฯ ได้

...

ท่านอาจารย์ดอกเตอร์ลี-ฮุย ไซ และคณะนักวิจัยจากสถาบันการแพทย์โฮเวิร์ด ฮิวส์ สหรัฐฯ ค้นพบยีนส์ (gene = ชุด DNA ที่แสดงลักษณะทางพันธุกรรมออกมาได้) ที่ชื่อ 'DISC1' ที่รบกวนการเจริญเติบโต และพัฒนาการของเซลล์สมอง

ช่วงเดียวกันท่านอาจารย์ดอกเตอร์วิลเลียม เฮนนาห์ และคณะจากมหาวิทยาลัยเอดินเบรอฮ์ สกอตแลนด์ค้นพบผลกระทบของยีนส์ดังกล่าว ซึ่งอาจนำไปสู่การพัฒนาวิธีการรักษาใหม่ๆ ของโรคนี้ได้

...

ข่าวร้ายสำหรับคนอายุน้อย (และข่าวดีสำหรับท่านที่มีอายุ '40up' หรือ '40 ขึ้นไป') คือ โรคจิตที่พบบ่อย (schizophrenia) มักเริ่มปรากฏอาการในช่วงวัยรุ่นตอนปลาย หรือผู้ใหญ่ตอนต้น

อาจารย์แห่งสถาบันเมโยคลินิกสหรัฐฯ กล่าวว่า คนบนโลกเบี้ยวๆ ใบนี้มีโอกาสบ้าได้ประมาณ 1% ถ้ามีญาติเป็นโรคจิต... โอกาสบ้าจะเพิ่มเป็น 10%

...

เมืองไทยเรามีประชากรประมาณ 64 ล้านคน (ปี 2551) จากสถิติคนบ้า 1% พอจะประมาณการณ์ได้ว่า บ้านเราน่าจะมีคนบ้าประมาณ 640,000 คน ซึ่งน่าจะมากกว่ายอดรวมคนไข้ที่ได้รับการรักษา > [ UN ]

ผู้ชาย (เฉพาะคนที่เป็นโรค) จะเริ่มบ้าเร็วหน่อยคือ 10-29 ปี ผู้หญิง (เฉพาะคนที่เป็นโรค) จะเริ่มบ้าช้าหน่อยคือ 20-35 ปี

...

ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญได้แก่ มีประวัติโรคจิตในเครือญาติ พบวิกฤตชีวิตอย่างแรง (แสดงว่า ที่เป็นบ้าแฝงเร้นนี่เยอะกว่านี้) พ่อแม่อายุมาก โรคติดเชื้อหรือภาวะขาดอาหารตอนอยู่ในท้องแม่ > [ Mayoclinic ]

ปัจจัยอื่นๆ ที่อาจเพิ่มความเสี่ยงโรคจิตได้แก่ การใช้ยาเสพติดบางชนิด โดยเฉพาะยาบ้าเพิ่มเสี่ยงโรคจิตชนิดหวาดระแวง การดื่มแอลกอฮอล์ (เหล้า เบียร์ ไวน์ ฯลฯ) หนัก

...

ผู้มีประสบการณ์ตรง (อดีตเมีย) ท่านหนึ่งเล่าให้ฟังว่า ผัวที่ติดยาบ้าตอนแรกก็ดูขยันขันแข็งดี... 4-5 ปีผ่านไปเริ่มระแวง ตอนกลางคืนชอบบีบคอ ผู้เขียนเรียนถามท่านไปว่า บีบคอกันบ่อยไหม

"เดือนหนึ่งบีบคอกัน 22 ครั้ง เลยต้องหย่ากัน" ท่านว่าอย่างนั้น นี่ก็เป็นตัวอย่างอาการหวาดระแวง คิดว่า คนอื่นจะทำร้าย เลยต้องชิงทำร้ายก่อน...

...

อาการสำคัญได้แก่

  • (1). ภาวะหลงผิด (delusions) เช่น หลงผิดคิดว่า ตัวเองเป็นบุคคลสำคัญของโลก (ผู้บริหารบางคนมีอาการแบบนี้เป็นพักๆ) ฯลฯ
  • (2). ภาพหรือเสียงหลอน (hallucinations) เช่น เห็นภาพหรือพูดคุยกับ "คนที่มองไม่เห็นได้" ฯลฯ
  • (3). หวาดระแวง (paranoids) เช่น คิดว่า คนรอบข้างวางยาพิษ ฯลฯ
  • (4). อาการซึมเศร้า (depression)

...

การทดลองในหนูพบว่า เมื่อยีนส์นี้ทำงานน้อยลง เซลล์สมองจะแบ่งตัวไม่ได้ และมีอาการคล้ายโรคจิตในคน (สัตว์ก็เป็นบ้าได้ อาการจะปรากฏชัดในสัตว์ใหญ่ เช่น ช้าง ฯลฯ)

กลไกอีกกลไกหนึ่งคือ 'DISC1' ทำงานคล้ายสารลิเตียม (lithium = สารเคมีกลุ่มเดียวกับที่อยู่ในแบตเตอรีโทรศัพท์มือถือ) ซึ่งใช้ลดอาการคลุ้มคลั่งคิดไปเรื่อยเปื่อยในคนไข้ที่มีอารมณ์ 2 ขั้ว (อารมณ์ดีสุดๆ สลับกับเศร้าสุดๆ)

...

คนที่เป็นโรคจิตไม่ได้ "บ้าตลอดเวลา" และจะมีช่วง "บ้า" เป็นพักๆ สลับกับช่วง "อาการทุเลา" เป็นพักๆ การใช้ยารักษามีส่วนช่วยลดช่วง "บ้า" ให้สั้นลง ช่วง "อาการทุเลา" นานขึ้น

กล่าวกันว่า คนที่บ้าจริงเกือบทั้งหมดจะไม่ยอมรับว่าตัวเองบ้า และไม่มีประโยชน์อะไรที่จะไปอธิบายให้คนบ้ายอมรับด้วย

...

กล่าวกันอีกว่า ถ้าฟังคนบ้า และ "คิดตาม" คนบ้าไปเรื่อยๆ อาจทำให้คนที่ไม่บ้าเกิดอาการฟุ้งซ่าน หรือมีอาการใกล้คนบ้ามากขึ้นเรื่อยๆ ได้

อาจารย์ท่านสอนไว้ว่า เวลาฟังคนบ้า... ให้ฟังแบบ "เข้าหูซ้ายทะลุหูขวา" อย่าไปคิดตาม เพราะทำให้เครียด และเสี่ยงบ้าตาม และ "น้ำเชี่ยวอย่าเอาเรือไปขวาง" คือ เวลาเจอคนบ้า... ห้ามเถียง เพราะจะเสี่ยงตายฟรี

...

"เกิดเป็นมนุษย์นี้แสนยาก"... เกิดเป็นคนแล้วอย่าไปทำอะไรที่เสี่ยงบ้าเลย

ถึงตรงนี้... ขอให้พวกเรามีสุขภาพดีไปนานๆ ครับ

...

ที่มา                                                       

  • Thank BBC Gene 'has key schizophrenia role' > [ Click ] > March 21, 2009. / Source > J PLoS One & Cell.
  • Thank Mayo Clinic > Mayo Clinic Staff. Schizophrenia: Risk factors, Prevention > [ Click ] > June 20, 2008.
  • ขอขอบพระคุณ > อ.นพ.ศิริชัย ภัทรนุธาพร สสจ.ลำปาง + อ.นพ.โอฬาร ยิ่งเสรี ผอ.รพ.ห้างฉัตร + อ.อรพินท์ บุญเสริม + อ.อนุพงษ์ แก้วมา > สนับสนุนเทคนิค iT.
  • ข้อมูลในบล็อกมีไว้เพื่อส่งเสริมสุขภาพ ไม่ใช่วินิจฉัยหรือรักษาโรค > ท่านที่มีโรคประจำตัว หรือมีความเสี่ยงโรคสูง ควรปรึกษาหมอที่ดูแลท่านก่อนนำข้อมูลไปใช้
  • นพ.วัลลภ พรเรืองวงศ์ โรงพยาบาลห้างฉัตร ลำปาง สงวนลิขสิทธิ์ > ยินดีให้ท่านผู้อ่านนำไปเผยแพร่ได้ ห้ามนำไปใช้เพื่อการค้า > 21 มีนาคม 2552.
หมายเลขบันทึก: 250413เขียนเมื่อ 23 มีนาคม 2009 23:22 น. ()แก้ไขเมื่อ 22 มิถุนายน 2012 05:37 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

คุณหมอหาสถิติ แบบรวมนี้ ทำให้ร้อนนี้ต้องระวัง เดินไปตามถนนอาจเจอคนบ้า โรคจิตมากขึ้น ระวังๆ ขอบคุณค่ะ

สวัสดีค่ะคุณหมอ

สำหรับเมืองไทยเรามีประชากรประมาณ 64 ล้านคน (ปี 2551) จากสถิติคนบ้า 1% พอจะประมาณการณ์ได้ว่า บ้านเราน่าจะมีคนบ้าประมาณ 640,000 คน ซึ่งน่าจะมากกว่ายอดรวมคนไข้ที่ได้รับการรักษา > [ UN ]   แล้วเรามีจิตแพทย์เท่าไรคะคุณหมอ  เพราะสถิติคนบ้า 1% เยอะนะคะ

ขอขอบคุณอาจารย์ ท่านผู้อ่านทุกๆ ท่านครับ...

  • เรื่องสถิติที่น่าตกใจนิดหน่อยคือ

ทั่วโลกมีคนเป็นโรคจิตสูงกว่าคนที่ได้รับการรักษามาก 

  • มีความเป็นไปได้ว่า คนที่ไม่ได้รับการรักษาใช้วิธีใดทำให้อาการทุเลา 
  • เรื่องนี้อาจนำไปสู่องค์ความรู้ใหม่ๆ ของโลกในการรักษา ดูแล พยาบาลได้เลยทีเดียว
เรื่องต่อไปคือ จำนวนจิตแพทย์เมืองไทยมีเท่าไหร่ ตอนนี้ยังไม่ได้ค้นครับ
  • เท่าที่ทราบ... แพทย์สาขาย่อยแบบนี้มักจะมีอยู่ไม่กี่ร้อยท่าน
คนไข้โรคจิตส่วนใหญ่น่าจะอาศัยการดูแลจากจิตแพทย์ หมออนามัย (ใกล้บ้าน และทำงานมีประสิทธิผลดีมากๆ เลย) พยาบาล และหมอทั่วไปตามโรงพยาบาลอำเภอนี่ละครับ
  • ตอนแรกผมก็สงสัยว่า คนไข้โรคจิตหายไปไหน... 
พอมีโอกาสไปทำงานที่โรงพยาบาลชุมชน และสถานีอนามัยพบว่า มีเพียบเลย
  • ส่วนใหญ่เ่ท่าที่เห็นจะไปรักษาที่โรงพยาบาลโรคจิต หรือโรงพยาบาลจังหวัด 
  • นัดพบอาจารย์หมอ 1-2 ปีต่อครั้ง
  • ที่เหลือรับยาที่อนามัยใกล้บ้าน... นี่คือ บทบาทของท่านหมออนามัย กับพยาบาลเป็นส่วนใหญ่ มีอะไรก็ติดต่อหมอโรงพยาบาลชุมชนครับ

ขอขอบคุณทุกๆ ท่าน + ทุกๆ ความเห็นครับ...

ไม่อนุญาตให้แสดงความเห็น
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท