แว่นปริศนา?...มองทะลุใจ...


ความคิด...ผ่านมุมมองที่แตกต่าง

            แว่นปริศนา?...มองทะลุใจ...นี้เป็นมุมมองที่เกิดจากการใส่แว่นที่ตัวเองเป็นคนเลือกเองหรือแว่นที่คนอื่นหยิบมาสวมให้เราหรือหยิบใส่พร้อมกันเลยหลายๆอัน ทำให้เกิดการเบี่ยงเบนทางความคิดมากมาย

          การสื่อสารเป็นสิ่งที่จำเป็นไม่ว่าจะคนหรือสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ซึ่งต่างก็พยายามสื่อความหมายหรือความต้องการของตนเองให้ผู้อื่นรับรู้เรื่องราวต่างๆ ซึ่งเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง สาเหตุมาจากการสื่อสารผ่านแว่นปริศนา?... ผ่านมุมมองที่แตกต่างมากมาย ทำให้ความหมายที่ต้องการเปลี่ยนไปจากเดิม

                  

          คุณเคยดูโฆษณาแว่นที่ใส่ซ้อนกันหลายอันไหม? บางแว่นข้างเดียวบ้าง? จะเห็นว่ามุมมองที่เกิดขึ้นทำให้ภาพและความเข้าใจของผู้มองแตกต่างออกไปจากความเป็นจริง โดยที่เจ้าของเองอาจจะไม่รู้ตัวว่าผิดปกติ  ผึ้งงานเลยนำแว่นต่างๆมาเล่าสู่กันฟังว่าเราเองเคยหยิบแว่นอันไหนมาใช้บ้าง?

1. แว่นกันแดด  การมองคนอื่นผ่านแว่นกันแดด จะรู้สึกว่าความสว่างของแสงจะถูกบดบังลงเกือบครึ่ง เปรียบเสมือนการมองคนอื่นโดยเอาเราเป็นจุดศูนย์กลาง ความดีของคนอื่นดูจะด้อย(โดนบดบัง)กว่าของเราเสมอ

          ถ้าลองถอดแว่นออก จะเห็นว่าคนอื่นก็มีดีเหมือนกัน พอๆกันหรืออาจจะดีกว่าเรา ถ้าเราเปิดใจให้กว้างโดยไม่เอาตนเองเป็นมาตรฐาน

          2. แว่นกันลม  มองเห็นได้ชัดเจนดี ใสและลมไม่ระคายเคือง ลมเปรียบเสมือนคำพูดที่พูดออกมาอาจจะมีดีบ้างไม่ดีบ้าง การใส่แว่นกันลมเปรียบเสมือนกับการที่ไม่หวั่นไหวกับคำพูดที่อาจจะมีถูกใจบ้าง ไม่ถูกใจบ้าง ก็ไม่เป็นไร ไม่ถือสา เพราะยอมรับความจริง(มองเห็นได้ชัดเจน)ว่ามันเป็นธรรมดาของโลก

          3. แว่นสายตาสั้น  ถ้าสวมแว่นจึงจะเห็นได้ชัดเจนหรือมองใกล้ๆจึงจะเห็นได้ชัด เปรียบเสมือนการมองคน บางครั้งคนมองมีอคติ เมื่อมองแบบผ่านๆ แต่พอใกล้ชิดเห็นตามความจริง ก็อาจจะมีความคิดหรือมุมมองที่เปลี่ยนไป

          4. แว่นสายตายาว  ถ้ามองใกล้จะมองไม่เห็นหรือเห็นไม่ชัด แต่พอมองระยะไกลกลับเห็นชัดเจนดี เปรียบเสมือนคนที่ให้ความสำคัญแต่บุคคลอื่นซึ่งไหลตัว พูดเพราะ อ่อนหวาน เข้าอกเข้าใจคนอื่นดีมาก

          แต่สำหรับคนใกล้ตัวคือพ่อแม่หรือบุคคลในครอบครัวใกล้ชิด เห็นกันทุกวันกลับมองข้ามความรักความห่วงใย ความรู้สึกที่ดีๆ ซึ่งคนใกล้มีให้และก็ต้องการเช่นกัน (แต่เจ้าตัวกลับรู้สึกรำคาญ) ถ้าถอดแว่นสายตายาวออกจะเห็นว่าคนใกล้ชิดนั้น รักและห่วงใยเสมอ ไม่ว่าคุณจะมองพวกเขาด้วยแว่นอะไรก็ตาม

          5. แว่นขยาย  มีผู้คนมากมายที่ชอบใช้แว่นขยายประเมินความรู้สึกของคนอื่น เช่น มีบางคนบอกว่าเรื่องนี้ต้องขยาย (คงจะเดาได้ว่า เรื่องความลับของคนอื่น) ธรรมชาติของมนุษย์ชอบนินทากันมากกว่าสรรเสริญ

ถ้าจะให้ดีควรมองแว่นขยายในทางบวก เช่น คนนี้ดีจังเลย ซื่อสัตย์ กตัญญู มีน้ำใจ ชอบช่วยเหลือคนอื่น ต้องยกย่อง สรรเสริญบอกต่อและควรนำมาเป็นเยี่ยงอย่าง เรื่องนี้ต้องขยาย

6. แว่นผ่านใจ  แว่นที่เวลาจะใช้มองใครก็ต้องใช้มองดูใจของตัวเองก่อน ถ้ามองแล้วใจเราไม่ชอบ คนอื่นก็ไม่ชอบเช่นกัน ถ้าเรารู้สึกดีมีความสุข คนอื่นก็มีความรู้สึกนั้นเช่นกัน เป็น...แว่นเอาใจเขามาใส่ใจเรา...สามารถประดิษฐ์แว่นชนิดนี้ขึ้นมาใช้ได้เองทุกคน

7. แว่นช่างเขาเถอะ  บางครั้ง เราควรนำแว่นนี้มาสวมบ้าง เนื่องจากการที่คนอื่นว่าเราไม่ดี เราก็รู้ว่าดีไม่ดีอยู่ที่ตัวเราปฏิบัติ ไม่ใช่อยู่ที่ปากเขาใส่ความ ถ้าเราทำดีแล้วก็ไม่ต้องสนใจ ช่างเขาเถอะ... แต่ถ้าเขาไม่ดีเขาจะมาเตือนก็ควรรับฟังอย่างพิจารณา

8. แว่นสีแฟนซี  การมองผ่านแว่นสีต่างๆก็ทำให้ความคิดหรือมุมมองมักเปลี่ยนไปตามเช่นกัน เช่น การใส่แว่นที่มีสีดำ  เปรียบเสมือนการมองคนอื่นในขณะโกรธ ความรู้สึกที่ไม่ดีจะเกิดขึ้นมากมาย แว่นสีฟ้า  การมองคนอื่นขณะอารมณ์ดี แม้แต่ต้นไม้ ดอกไม้ยังยิ้มให้เลย มีความสุขไปหมด(ทั้งๆที่ก็ต้นไม้เมื่อวานนั่นแหละ) การมองผ่านแว่นสีชมพู โลกทั้งโลกมีแต่ความรัก(ความรักทำให้คนตาบอด) เนื่องจากจะมองข้ามความรู้สึกไม่ดีทั้งหมด มองเห็นแต่สิ่งที่ดีๆ เช่น ความรักของหนุ่มสาวขณะจีบกันใหม่ๆ เป็นต้น

จะเห็นว่าในแต่ละวันเราได้ใส่แว่นมากมายในการมองผู้คน บางครั้งก็ใส่แว่นเดียว บางครั้งก็ใส่หลายแว่น บางครั้งก็ใส่ซ้อนกันหลายอันซะงั้น  เลยทำให้มุมมองที่ได้บิดเบี้ยวไปตามแว่นเหล่านั้น จะรู้สึกตัวก็ดี ไม่รู้สึกตัวก็ดี ดังนั้นก่อนจะตัดสินใคร เรื่องอะไรก็ตาม ลองสำรวจก่อนว่าตอนนี้เรามองเขาด้วยแว่นอะไร ถอดแว่นออกหมดแล้วหรือยัง? หรือหยิบบางอันมาสวมอีกแล้วลองมองใหม่อีกครั้ง แล้วก็จะเห็นได้ตามความเป็นจริงว่า ธรรมชาติของมนุษย์นั้นมีความโดดเด่นแตกต่างกันไป ไม่มีอะไรที่สมบูรณ์แบบ

ดังนั้นควรทำใจยอมรับความแตกต่าง ซึ่งมีข้อดีคนละด้าน แล้วเราจะอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ดังเช่นท่านพุทธทาสกล่าวว่า...เขามีส่วนเลวบ้างช่างหัวเขา...จงเลือกเอาส่วนดีที่มีอยู่...เป็นประโยชน์โลกบ้างยังน่าดู...อย่าไปรู้เรื่องชั่วของเขาเลย...

หมายเลขบันทึก: 250229เขียนเมื่อ 23 มีนาคม 2009 01:09 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 20:28 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท