ถ้าเราพูดถึงคำว่า ไทรอยด์ พวกเราทุกคนคงเข้าใจว่าเป็นอวัยวะ หรือต่อมไร้ท่อที่อยู่ในร่างกายของเรา เป็นอวัยวะส่วนหนึ่งในร่างกายเหมือนอย่างเช่นอวัยวะส่วนอื่น แต่เมื่อไรก็ตามที่ไทรอยด์ เกิดการทำงานที่ผิดปกติ คำว่าไทรอยด์ ก็จะกลายเป็น โรคไทรอยด์ เมื่อมีคำว่าโรคนำหน้าแล้วย่อมมีผลเสียเกิดขึ้นแน่นอน จากประสบการณ์ของผู้บันทึกซึ่งในขณะนี้กำลังรักษาตัวจากโรคไทรอด์เช่นเดียวกัน ตอนแรกก่อนเข้ารับการรักษา ได้สังเกตตัวเองและพบความผิดปกติของตัวเองคือ..ที่ลำคอเมื่อคลำดูจะพบก้อนแข็งๆเล็กอยู่ขนาดของมันประมาณ 1 cm. แต่ไม่รูว่าเกิอะไรขึ้นกับร่างกายตัวเอง .. เวลาผ่านไปประมาณ 1 เดือน จึงตัดสินใจไปพบแพทย์เฉพาะทาง (หู คอ จมูก) และแพทย์ได้เจาะเลือด ไปตรวจและพบว่า ก้อนแข็งๆที่เกิดขึ้น คือผลของการเป็นโรคไทรอยด์ แต่ในความโชคร้ายยังคงทิ้งความโชคดีไว้ให้เราบ้าง ที่ไอ้โรคนี้ เป็นแค่โรคไทรอยด์ที่ไม่รุนแรง ไม่มีอาการข้างเคียง เป๋ฃ็นการงานของต่อมไทรอยด์ที่ทำงนช้าผิดปกติ วิธีการรักษา คือหมอให้ทานยา ติดต่อกัน 3 เดือน เพื่อรอดูอาการว่าก้อนแข็งนี้มันจะหายรึป่าว แต่....ถ้าไม่หายก็ต้องผ่าเอาก้อนนี้ออก......................
ดังนั้นทางผู้บันทึกจึงได้ไปค้นคว้าหาข้อมูลเกี่ยวกับโรคไทรอยด์มาฝาก เผื่อให้ที่สนใจได้เข้ามาศึกษา และหันมาดูแลเอาใจใส่สุขภาพของตนเอง และไม่ประมาทต่อโรคภัยในปัจจุบันของเรา
ไทรอยด์เป็นต่อมไร้ท่อที่ใหญ่ที่สุดในร่างกายมนุษย์ ส่งผลเสียอย่างร้ายกาจทีเดียวหากมันทำงานผิดปกติ ซึ่งต่อมไทรอยด์นี้มีหน้าที่ผลิตฮอร์โมนไทรอยด์ ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการเจริญเติบโตของร่างกาย รวมทั้งควบคุมการทำงานของอวัยวะอื่นๆ ทั่วร่างกาย เมื่อต่อมไทรอยด์ทำงานผิดปกติ จึงส่งผลให้ทุกระบบปรวนแปร ทั้งร่างกาย จิตใจ และสมอง โดยเฉพาะต่อประสาทการทำงานอัตโนมัติ ซึ่งเป็นสิ่งที่เราควบคุมไม่ได้
ลักษณะของต่อมไทรอยด์
ต่อมไทรอยด์มีลักษณะเหมือนผีเสื้ออยู่ที่คอใต้ลูกกระเดือกมีขนาดยาว 4 ซม. กว้าง 1-2 ซม. ทำหน้าที่สร้างไทรอยด์ฮอร์โมน ซึ่งฮอร์โมนนี้จะทำหน้าที่ควบคุมการเผาผลาญของร่างกาย อุณหภูมิของร่างกาย ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ระดับไขมันในเลือด รวมทั้งอารมณ์และความรู้สึก
ปกติต่อมไทรอยด์จะหลั่งฮอร์โมนออกมาในปริมาณที่เหมาะสม ฮอร์โมนที่สำคัญคือ tetraiodothyronine (thyroxine หรือ T4) และ triiodothyronine (T3)โดยฮอร์โมนนี้จะมีธาตุไอโอดีนเป็นส่วนประกอบสำคัญ ถ้าฮอร์โมนหลั่งน้อยร่างกายจะเผาผลาญน้อยลง แต่ถ้าหากฮอร์โมนหลั่งมากร่างกายจะมีการเผาผลาญอาหารมากทำให้น้ำหนักลด
โรคไทรอยด์มากกว่าครึ่งมีสาเหตุมาจากความผิดปกติของภูมิคุ้มกัน (หรือเม็ดเลือดขาวในกระแสเลือด หรืออิมมูนซิสเต็ม) ซึ่งโรคนี้ผู้ป่วยมีความเจ็บป่วยรุนแรงไม่เท่ากัน การรักษาจึงทำได้ในระดับที่ควบคุมให้ภาวะของโรคนั้นเบาลง หรือทำให้โรคสงบ และทำให้คนไข้สามารถใช้ชีวิตได้อย่างเป็นปกติมากที่สุด ซึ่งการรักษาในปัจจุบันมีแนวโน้มที่จะให้กินยาต่อเนื่องในระยะยาว ในขณะที่วงการแพทย์ยังพยายามหาทางแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุต่อไป
สาเหตุที่มาจากพันธุกรรมและไวรัส เป็นสิ่งที่เราไม่สามารถควบคุมดูแลได้ แต่สำหรับความเครียด และภูมิคุ้มกันนั้น เป็นเรื่องที่เราสามารถดูแลป้องกันตัวเองได้ โดยธรรมชาติ เวลาคนเราเครียด ร่างกายจะมีกลไกที่ทำให้ฮอร์โมนหลั่งออกมาจากส่วนต่างๆ เพื่อช่วยให้มีพละกำลัง มีความสามารถ หรือมีอะไรบางอย่างที่มากกว่าภาวะปกติ มาขับดันตัวเราให้เอาชนะความกดดันนั้นไปได้ และผลจากการเปลี่ยนแปลงของกระบวนการในร่างกายนั้นมีมากมาย โดยเฉพาะในต่อมไร้ท่อ ไม่ว่าจะเป็นต่อมไทรอยด์ ต่อมหมวกไต หรือต่อมใต้สมอง รวมทั้งในระดับเซลล์ ระดับอวัยวะ ซึ่งส่งผลกระทบต่อการทำงานของร่างกายตามมา ที่สำคัญคุณหมอยังเล่าให้ฟังถึงผลการวิจัยหลายชิ้นที่แสดงให้เห็นว่าความเครียดมีส่วนไปกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันตนเองที่อาจจะไม่ค่อยดีอยู่แล้ว ทำให้เกิดเป็นโรคนี้ขึ้นมา
ความผิดปกติของต่อมไทรอยด์มี 3 แบบ คือ
ฮอร์โมนไทรอยด์เกิน คือ ภาวะที่ฮอร์โมนหลั่งออกมามากเกินความจำเป็น (ไฮเปอร์ฯ) สำหรับโรคไทรอยด์ที่เกิดจากฮอร์โมนไทรอยด์เกิน จะทำให้มีอาการหัวใจเต้นแรง ใจสั่น นอนไม่หลับ และน้ำหนักลด ที่สำคัญอารมณ์แปรปรวนบ่อย
Hyperthyroid คอพอกเป็นพิษ หมายถึงภาวะที่ต่อมไทรอยด์สร้างฮอร์โมนออกมามากว่าปกติเป็นผลทำให้ร่างกายมีการเผาผลาญมากเกินไป
การรักษามีได้หลายวิธีแพทย์จะพิจารณาจาก อายุ สภาพของผู้ป่วย ชนิดของคอพอกเป็นพิษ ความรุนแรงของโรค การรักษามีได้ 3 วิธี คือ
ฮอร์โมนไทรอยด์ขาด คือ ภาวะที่ฮอร์โมนหลั่งออกมาน้อยกว่าความต้องการของร่างกาย (ไฮโปฯ)
ส่วนคนที่ฮอร์โมนไทรอยด์ขาด ชีพจรจะเต้นช้า ขี้หนาว ความจำเสื่อม บวม ท้องผูก หากเป็นมากๆ และนานๆ จะทำให้สมองเสื่อม ความจำเลอะเลือน ถ้าเป็นในเด็กจะทำให้ตัวเล็กแคระแกรน และเป็นโรคเอ๋อได้ สาเหตุของโรค
เป็นภาวะที่ต่อมไทรอยด์สร้างฮอร์โมนออกมาน้อย ทำให้ต่อมใต้สมอง (pituitary gland) สร้างฮอร์โมน Thyroid stimulating hormone (TSH) ออกมามากเพื่อกระตุ้นให้ต่อมไทรอยด์ทำงานมากขึ้นทำให้ต่อมไทรอยด์โตขึ้นที่เราเรียกว่าคอพอก goiter
ผู้ป่วยที่เป็นไม่มากอาจจะไม่อาการอะไร หากไม่รักษาโรคจะเป็นมากขึ้นจนเกิดของอาการต่อมไทรอยด์ทำงานน้อย คือ
โดยการเจาะเลือดตรวจหา TSH T3 T4จะพบว่าค่า T4 ปกติหรือต่ำแต่ค่า TSH จะสูงเป็นการยืนยันการวินิจฉัย
หากการวินิจฉัยไม่ผิดพลาดท่านจะต้องรับประทานยาไปตลอดชีวิต ไม่ควรหยุดยาเองแม้ว่าท่านจะป่วยจากโรคอื่น
ฮอร์โมนไทรอยด์ปกติ คือ ภาวะที่ฮอร์โมนหลั่งออกมาตามปกติ แต่เกิดความผิดปกติที่ต่อมไทรอยด์ และอาจส่งผลกระทบต่อการหลั่งปริมาณฮอร์โมนได้บ้างเช่นกัน
ต่อมใต้สมอง pituitary gland จะสร้างฮอร์โมนที่เรียกว่า Thyroid stimulating hormone TSH ทำหน้าที่กระตุ้นให้ต่อมไทรอยด์ สร้างฮอร์โมน T3 (triiodothyronine) and T4 (thyroxine) เพื่อให้ร่างกายเผาผลาญอาหาร
คือการตรวจต่อมไทรอยด์โดยการให้ผู้ป่วยรับประทานเกลือ Iodine ที่อาบสารรังสี หลังจากนั้นจึงนำผู้ป่วยเข้าเครื่องตรวจ ประโยชน์ Thyroid scan คือ
Hot nodule หมายถึงก้อนที่ต่อมไทรอยด์มีการสร้างฮอร์โมนสูงมักจะไม่เป็นมะเร็ง ส่วน cold nodule มีโอกาสเป็นมะเร็ง 5 % มะเร็งไทรอยด์ส่วนใหญ่เป็น cold nodule
การใช้เข็มเจาะเนื้อไทรอยด์โดยการใช้เข็มเล็กๆดูดเนื้อเพื่อนำส่งตรวจทางกล้องจุลทัศน์เพื่อตรวจเนื้อเยื่อว่าเป็นมะเร็ง คอพอกเป็นพิษ หรือเป็น cyst
เพื่อตรวจดูว่าก้อนไทรอยด์ที่โตเป็นก้อนเนื้อหรือเป็น cyst
มะเร็งต่อมไทรอยด์ แตกต่างจากการเป็นมะเร็งชนิดอื่นๆ เพราะมะเร็งต่อมไทรอยด์มักจะรักษาให้หายขาด ไม่มีอาการเจ็บปวด และการวินิจฉัยทำได้ง่ายพบได้ไม่บ่อย หากพบเร็วสามารถรักษาหายได้
ผู้ป่วยมักจะมาพบแพทย์ด้วยเรื่องก้อนที่คอโดยที่ไม่มีอาการปวด แต่ต้องจำไว้ว่าก้อนที่ต่อมไทรอยด์ร้อยละ 90 ไม่เป็นมะเร็ง แต่เราไม่สามารถแยกเนื้อดีหรือมะเร็งโดยการตรวจร่างกายหรือจากประวัติหรือแม้กระทั่งการเจาะเลือด
การวินิจฉัยทำได้โดยการใช้เข็มเจาะเนื้อต่อมไทรอยด์ไปตรวจโดยการส่องกล้องจุลทรรศน์ แต่ก็มีบางรายที่มาด้วยเรื่องต่อมน้ำเหลืองโต หรืออาการเสียงแหบเนื้อจากก้อนไปกดเส้นประสาท
Well-Differentiated Thyroid Cancer เป็นมะเร็งที่มีลักษณะคล้ายเซลล์ปกติแบ่งเป็นสองชนิดคือ papillary และ follicular มะเร็งนี้พบประมาณร้อยละ 90 ของมะเร็งต่อมไทรอยด์ผลการรักษาค่อนข้างดี สาเหตุมักจะเกิดจากการได้รับรังสีรักษาในวัยเด็ก เช่นการรักษามะเร็งต่อมน้ำเหลือง
เมื่อส่องจากกล้องจุลทัศน์จะพบเป็นตุ่มยื่นออกมา มะเร็งชนิดนี้พบบ่อยที่สุดของต่อมไทรอยด์คือพบได้ร้อยละ 70-80% มะเร็งชนิดนี้พบได้ทุกอายุ ก้อนมะเร็งโตช้า ประมาณหนึ่งในสามพบว่ามะเร็งแพร่กระจายไปที่ต่อมน้ำเหลืองแต่ผลการรักษาก็ได้ผลดีแม้ว่าจะมีการแพร่กระจายไปแล้ว ดังนั้นในการผ่าตัดรักษาจึงไม่จำเป็นต้องผ่าตัดแบบมากมาย
มะเร็งชนิดนี้พบได้ร้อยละ 10-15% ของมะเร็งไทรอยด์ พบในคนสูงอายุกว่าชนิด papillary มะเร็งชนิดนี้แพร่กระจายง่ายกว่าชนิดแรก หากมะเร็งไม่แพร่กระจายการรักษามักจะได้ผลดี
การผ่าตัดเป็นการรักษาหลัก หากเป็นมะเร็งชนิดที่แพร่กระจายก็อาจจะต้องตัดต่อมไทรอยด์ทิ้งทั้งหมด แต่หากเป็นชนิดที่ไม่แพร่กระจายอาจจะตัดเนื้อต่อมไทรอยด์บางส่วนออก การให้ไอโอดิน 131
เนื่องจากมะเร็งต่อมไทรอยด์อาจจะเกิดซ้ำได้ดังนั้นอาจจะต้องซักประวัติและตรวจร่างกายเป็นระยะ ทำ ultrasound ที่คอ หรือทำ thyroid scan การเจาะเลือดเพื่อตรวจ thyroglobulin จะพบว่าสูง การให้ฮอร์โมน เนื่องจากว่าการรักษามีการตัดต่อมไทรอยด์ฮอร์โมนและมีการรับประทานน้ำแร่จึงต้องให้ฮอร์โมนไปตลอดชีวิต และการได้รับฮอร์โมนยังป้องกันการกลับเป็นซ้ำของมะเร็ง
จะพบผู้ป่วยจำนวนหนึ่งที่เป็นโรคต่อมไทรอยด์ขณะตั้งครรภ์ซึ่งทำให้วิตกกังวลเกี่ยวกับสุขภาพตัวเองและบุตร ปัญหาที่พบได้บ่อยคือ
พบว่าผู้ป่วยที่เป็นคอพอกเป็นพิษหรือเป็นโรค Graves' disease เมื่อสามารถควบคุมอาการได้ก็สามารถตั้งครรภ์ได้ แต่ถ้าจะให้ดีควรรักษา Graves' disease ด้วยการผ่าตัดหรือให้น้ำแร่ก่อนการตั้งครรภ์ โดยแนะนำว่าให้สามารถตั้งครรภ์หลังจากรักษาอย่างน้อย 6 เดือน
มีข้อแตกต่างจากการรักษาในคนปกติคือไม่สามารถให้รับประทานน้ำแร่ และการให้ยา PTU Metimazole ต้องให้ขนาดน้อยที่สุดที่คุมโรค เนื่องจากไม่ต้องการให้ยาไปมีผลต่อเด็กเพราะยานี้สามารถผ่านรกไปสู่เด็กได้
ฮอร์โมนนี้ใช้รักษาภาวะที่ต่อมไทรอยด์ทำงานน้อยหรือเป็นต่อมไทรอยด์อักเสบ เนื่องจากฮอร์โมนชนิดนี้ผ่านรกได้น้อยมากจึงไม่มีผลต่อเด็กในครรภ์
ไม่ควรตรวจทาง thyroid scan หรือรับน้ำแร่เพื่อรักษาในระหว่างการตั้งครรภ์ สำหรับยาที่ใช้รักษาเช่นฮอร์โมน Thyroxinและ PTU สามารถให้ระหว่างการให้นมเพราะผ่านสู่เด็กได้เพียงเล็กน้อย
ทั้งคอพอกเป็นพิษหรือต่อมไทรอยด์ทำงานน้อยจะมีบุตรยาก เมื่อรักษาดีแล้วก็สามารถมีบุตรได้เหมือนคนปกติ นอกจากนั้นหากไม่รักษาความต้องการทางเพศก็จะลดลง.
คอพอกเป็นพิษจะมีประจำเดือนน้อยกว่าคนปกติ ส่วนคนที่ต่อมไทรอยด์ทำงานน้อยจะมีประจำเดือนมากกว่าคนปกติ
ขณะนั่งสมาธิ ระบบต่าง ๆ ในร่างกายจะทำงานช้าลง เช่น ชีพจร การเต้นของหัวใจ การหายใจ ทำให้ปริมาณการใช้ออกซิเจน ตลอดจนการเผาผลาญในร่างกายลดลงด้วย เราจึงรู้สึกผ่อนคลาย เมื่อวัดระดับกรดแล็คติค (Lactic Acid) ในเลือดก็มีค่าลดลงเช่นกัน โดยคนที่มีระดับกรดแล็คติคมากเกินไป จะส่งผลให้มีอาการเครียด วิตกกังวล จนถึงขึ้นตื่นตระหนกทีเดียว และเมื่อตรวจคลื่นไฟฟ้าในสมองก็จะพบว่ามีคลื่นอัลฟ่า (Alfa Wave) ในสมองเพิ่มมากขึ้นกว่าปกติ ซึ่งเป็นคลื่นที่ส่งผลทำให้จิตใจสงบ เพราะในสมองของคนเรามีสารสื่อประสาทหรือสารเคมีอยู่มากมาย หากสารบางอย่างลดน้อยหรือเพิ่มมากเกินไป ย่อมทำให้ระบบเสียสมดุล จนแสดงออกมาเป็นความผิดปกติต่างๆ ทั้งร่างกายและจิตใจ เช่น ถ้า"ซีโรโตนิน" ลดน้อยลง คนนั้นจะมีอาการซึมเศร้า หดหู่ หรือถ้ามี "เอ็ปเป็บนิซิน" หรือ "นอร์เป็บนิซิน" มากเกินไป ก็จะมีอาการเครียด วิตกกังวล
การนั่งสมาธิจึงมีบทบาทอย่างหนึ่งในการช่วยปรับให้สารสื่อประสาทเหล่านั้นกลับเข้าสู่ภาวะสมดุล และทำงานเป็นระบบ นอกจากนี้ สารเอ็นโดรฟินซึ่งเปรียบได้กับฝิ่นที่มีอยู่ในคนเรานั้นเอง ที่จะหลั่งออกมาเมื่อนั่งสมาธิได้ถึงระดับหนึ่ง ก็ยิ่งทำให้จิตใจเราเป็นสุข รู้สึกปีติ อิ่มเอิบ จึงคลายเครียดได้ดีร้อยเปอร์เซ็นต์
การออกกำลังกายยืดเส้นยืดสาย ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของอิมมูนซิสเต็มได้เป็นอย่างดี ทำให้ร่างกายผลิตเม็ดเลือดขาวที่มีคุณภาพ
ควรทานอาหารที่ผ่านการปรุงแต่งน้อย เพราะอาหารจากธรรมชาติจะยังคงคุณค่าสารอาหารไว้ได้มากที่สุด เช่น ข้าวกล้อง ข้าวซ้อมมือ แป้งไม่ขัดขาว พืชผักผลไม้ในท้องถิ่นตามฤดูกาล (รสไม่หวาน) เนื้อปลา ตลอดจนธัญพืชนานาชนิด ทั้งนี้ เพื่อให้ร่างกายสามารถ "ใช้อาหารเป็นยา และใช้ยาเป็นอาหาร" อาหารที่มีโปรตีนสูง (โดยเฉพาะจากธัญพืช) วิตตามินและเกลือแร่จากธรรมชาติเพื่อสร้างภูมิต้านทานให้กับร่างกาย
สำหรับคนที่ดื่มชากาแฟ ให้ลองเปลี่ยนมาดื่มน้ำชาสมุนไพรแทน เช่น ตะไคร้ ขิง ดอกคำฝอย ก็จะช่วยเป็นทั้งยาและเครื่องดื่มที่ทำให้ร่างกายแข็งแรง สดชื่นได้เป็นอย่างดี
การมองโลกในแง่ดีอยู่เสมอ จะช่วยรักษาสมดุลจิตใจของคนที่ป่วยเป็นโรคไทรอยด์ได้ดี วิธีนี้ช่วยลดความวิตกกังวล และความฟุ้งซ่านได้ โดยเริ่มจากการรู้จักชื่นชมตัวเองและชื่นชมคนรอบข้าง ลองนึกถึงสิ่งดีๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตและรู้จักขอบคุณธรรมชาติ
ควรพูดคุยระบายออกมากับครอบครัว หรือเพื่อนที่รู้ใจ โดยเฉพาะเพื่อนที่มีปัญหาเดียวกัน ซึ่งจะคอยรับฟังและดูแลซึ่งกันและกันได้เป็นอย่างดี
ไม่ว่าการวิธีเขียนไดอารี่ วาดภาพ อ่านหนังสือ หรือกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมาย ช่วยทำให้จิตใจดีขึ้นกว่าการนั่งจมจ่อมอยู่กับปัญหา
เนื่องจากว่าไอโอดินเป็นส่วนประกอบที่สำคัญของฮอร์โมนไทรอยด์ การให้ไอโอดินที่อาบรังสีจะทำให้รังสีทำลายเนื้อมะเร็ง การรักษาโดยวิธีนี้แพทย์จะให้ผู้ป่วยรับประทาน Iodine ที่อาบรังสีซึ่งอาจจะทำเป็นรูปสารละลาย หรือแคปซูล I-131 นี้จะไปจับกับเนื้อไทรอยด์อย่างรวดเร็ว และเริ่มทำลายเนื้อไทรอยด์ โดยจะเห็นผลใน 6-18 สัปดาห์ ก่อนได้รับสารนี้ควรตรวจการตั้งครรภ์ก่อนทุกครั้ง
ห้ามใช้ Radioactive iodine ในคนท้อง หญิงให้นมบุตร ควรตรวจการตั้งครรภ์ก่อนให้สารนี้และควรจะคุมกำเนิดหลังจากได้ยานี้อีก 4 เดือน
หลักการรักษาผู้ป่วยด้วยน้ำแร่คือการนำเอา Iodine ไปอาบรังสีเพื่อรักษา เมื่อท่านกินน้ำแร่ต่อมไทรอยด์จะจับแร่ดังกล่าวไว้ รังสีก็จะทำลายต่อมไทรอยด์ แม้ว่ารังสีที่ได้รับจะมีปริมาณไม่มากแต่ท่านควรป้องกันคนใกล้ชิดของท่านมิให้ได้รับรังสีนั้นโดยวิธีการดังนี้
<a href="https://www.facebook.com/hashtag/%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B9%83%E0%B8%88%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%9B%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%94%E0%B9%8C%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%A7?source=feed_text&story_id=115123449109691" class="_58cn" data-ft="{" tn":"*n","type":104}"="">#ดีใจมากที่สุดหายป่วยไทรอยด์แล้ว</a>
ชื่อ น.ส.ธารทิพย์ มะอุ
...ขออนุญาตแชร์ประสบการณ์ เรื่อง ทานยาต้มสมุนไพรรักษาไทรอยด์เป็นพิษ สูตร พระอาจารย์สัจจานะคะ....ส่วนตัวเป็นโรคไทรอยด์เป็นพิษ(hyperthyroidism) มานาน 6 ปี ทานยารักษามาตลอด ขอเล่าตั้งแต่แรกที่เป็นเลยนะคะ 2 ปีแรกกินยา หายค่ะ หายแค่ 2 เดือน แล้วกลับมาเป็นซ้ำอีกคะ จากนั้นก็ได้ทานยามาตลอด จนครบ 6 ปี หมอบอกว่าทานยานานเกินไป ต้องเปลี่ยนวิธีการรักษา หมอเลยสั่งให้ไปกลืนแร่ ไอโอดีนคะ(กลืนที่รพ.ราชวิถี)
พอหลังจากนั้น 3 เดือน หมอนัดไปตรวจ ปรากฏว่า กลายเป็น ไฮโปไทรอยด์ หมายถึง ฮอร์โมนไทรอยด์ต่ำหนะคะ (Hypothyroidism)
...จากนั้นหมอก็ให้ทาน ฮอร์โมนเสริม ไปตลอดชีวิตคะ (จากนั้นเครียดมากคะ ที่จะต้องทานยาไปตลอด)พอหลังจากทานยาฮอร์โมนได้ประมาณ 3 เดือน มีอาการเหนื่อย เพลีย เลยไปตรวจที่รพ. ตรวจเลือดผลออกมาว่า กลับมาเป็นไทรอยด์เป็นพิษ เหมือนเดิมคะ จากนั้น ก็ค้นคว้าหาวิธีรักษาแนวอื่นบ้าง เพราะรักษาทางรพ.มานานมากแต่ไม่เคยหายขาดคะ แล้วก็เจอสูตรยาต้มสมุนไพร จากพระอาจารย์สัจจา ในกระทู้ pantip ค่ะ ได้เบอร์โทรมา เคยโทรไปปรึกษาพระอาจารย์ แล้วเล่าเรื่องให้ฟัง พระอาจารย์บอกว่า "ถ้าเคยกลืนแร่แล้ว สมุนไพรคงรักษาไม่ได้"
แต่ยังไม่หมดหวังคะ. ก็เลยนำสูตรยาต้ม(มี สมุนไพร 3 อย่าง..ต้นแดง นมนาง ค้อแลน)มา ให้คุณแม่ต้มให้ทาน เป็นเวลา เกือบ 4 เดือนคะ และงดอาหารแสลง ตามที่พระอาจารย์บอก และกินยาเม็ดของรพ.ควบคู่ไปด้วยคะ จากนั้น หมอนัดตรวจเลือดคะ ปรากฏว่าผลออกมา ปกติทุกอย่างคะ หมอบอกว่าหายจากโรคไทรอยด์แล้ว(ดีใจมากคะ) อาการก็ดีขึ้น สุขภาพแข็งแรงขึ้นตามลำดับ และร่างกายก็กลับเป็นปกติทุกอย่างคะ ?ตอนนี้ หายจากโรค มา 1 ปีแล้วคะ ไม่ได้ทานยาอะไรเลยคะ
...(นี่เป็นส่วนหนึ่ง ที่มาบอกเล่าเรื่องการรักษาโรคไทรอยด์เป็นพิษนะคะ.จะเป็นเพราะอะไรที่ทำให้หายนั้น ก็บอกไม่ได้เหมือนกันนะคะ ที่สำคัญต้องปฏิบัติตัวอย่างเคร่งครัดในเรื่องการกินนะคะ)
สุดท้ายนี้..ขอขอบพระคุณพระอาจารย์อย่างสูงคะ ที่นำสูตรยา มาบอกเป็นวิทยาทานให้นะคะ????สาธุ...