ดุจดาว
ดุจดาว(ชอบชื่อนี้ค่ะ) ดุจดาว

ชีวิตการเรียนปริญญา


รักแม่ที่สุดเลยเป็นแรงใจที่ดีจริงๆ

การเรียนปอโทที่ยากลำบาก  ตัวเราเองเรียนปอตรีไม่ยากจบมาแบบสบายๆ พอทำงานไปเรื่อยๆ(รับราชการ) เกิดเบื่อ  อยากมีอะไรทำบ้าง  ลองไปสอบเรียนต่อปอโทดู  กะเอาไว้ว่าทำงานไปด้วยเรียนไปด้วยนะถ้าสอบได้เพราะพี่ๆที่ทำงานเค้าบอกว่าสอบยากเหมือนกัน เพราะคนสอบเยอะ 

เลือกสอบมหาลัยที่ใกล้กับที่ทำงานและเป็นมหาวิทยาลัยของรัฐ (อันนี้ค่าเทอมถูก ไม่ถึงหมื่น)  เพราะกะจะเรียนแบบพาสทาม

เนื่องจากการทำงานของพยาบาลต้องขึ้นเวรเช้า  บ่าย  ดึก  ไม่เป็นเวลาเหมือนคนอื่นเค้าต้องอยู่เวร  ทำให้เป็นผลดีคือ  สามารถเรียนปอโทภาคปกติได้  แต่ปัญหาอยู่ที่ว่ามีพี่ที่แผนกเดียวกันไปเรียนด้วย  ทางรพ. เค้าให้ไปเรียนได้แผนกละหนึ่งคน  ก่อนไปสอบเราเองก็นึกเอาไว้แล้วว่า  คงต้องเรียนแบบพาสทาม(part  time)  หนักเท่าไหร่นึกไม่ออก  จะไหวหรือเปล่าก็ไม่รู้ 

พอสอบได้ก็ดีใจเป็นของธรรมดาและคิดเอาไว้ว่า  จะลองดูสักตั้ง   การเรียนปอโทภาคปกติ  จะมีเรียนทุกวันวันจันทร์ถึงศุกร์  วันจันทร์กับวันพฤหัสเรียนถึงห้าโมงเย็น  เพราะฉะนั้นวันจันทร์กะพฤหัสขอเวรหยุด  วันที่เหลือเรียนถึงบ่ายสี่ขอขึ้นเวรบ่าย  เป็นพยาบาล  ข้าราชการด้วยต้องขึ้นเวรทำงานให้ครบตามวันราชการ  (เพราะไม่ได้ลาเรียน  และไม่งั้นไม่ได้เงินวิชาชีพ  ก้อนะพยายามสุดๆขึ้นเวรให้ครบ)

เนื่องจากทำงานเป็นข้าราชการในมหาวิทยาลัย   คณะพยาบาลก็อยู่ไม่ไกลจากรพ.  อยู่ใกล้ที่ทำงาน  วันจันทร์กะพฤหัสจะขอเวรหยุด(เพราะอยากเรียนให้ถึงห้าโมงเย็น)  วันที่เหลือขอเวรบ่าย  วันที่ขึ้นเวรบ่ายนี่เป็นอะไรที่เกรงใจอาจารย์มากๆ   ต้องขออนุญาตออกจากห้องทั้งๆที่อาจารย์สอน  ออกมาประมาณ 15.30 น.  เนื่องจากที่ทำงานรับเวร  15.45 น.  หัวหน้าตึกและพี่ๆน้องๆที่ทำงานก็เข้าใจ   มาสายได้โดยไม่ต้องเขียนรายงาน  (แต่ไม่ควรเกิน 15 นาที) 

การเรียนควบคู่กับการทำงานเราต้องบริหารจัดการให้ดี  ไม่ให้เสียอย่างใดอย่างหนึ่ง  ไปเรียนเก้าโมงเช้าทุกวัน  เลิก15.30น. ไปทำงานต่อถึง 00.30น.  วันหนึ่งเรียนกะทำงานรวมเวลา15-16 ชั่วโมง เลิกงานใช่ว่าจะได้นอนต้องแปลงานส่งอาจารย์บางครั้งเป็นผู้นำวิชาสัมมนาก็ต้องเตรียมตัว  ต้องอ่าน  ต้องแปลวิจัย(ภาษาอังกฤษที่งูๆปลาๆ )  บางที่ฟุบหลับตอนตีห้า(ต้องต้องนาฬิกาปลุกจนติดนิสัย  ตื่นเพราะเสียงนาฬิกาจนปัจจุบัน)  เวลาเรียนก็ต้องตื่นตัวตลอดเวลา  เพราะเรียนแค่  12 คน ต้องมีแอ๊คติ้งตลอด  พอหลังเรียนไปขึ้นเวรบ่าย  เวลาทำงานต้องเต็มที่    ยิ่งต้องตื่นตัวตลอดเพราะว่าทำงานในหอผู้ป่วยไอซียู  ชื่อหอผู้ป่วยก็บอกอยู่แล้วหอผู้ป่วยหนัก  ทำงานกับคน   อันนี้ก็พลาดไม่ได้ความเป็นความตายของผู้ป่วยที่อยู่ในมือเรา  ยอมรับว่าตัวเองสุดๆในเวลา  1  ปี  ครึ่ง  (หนักไม่หนัก น้ำหนักจาก46 ------>42 กิโลกรัม  ) บ้านก็ไม่ได้กลับเพราะๆไม่มีเวลา  เสาร์อาทิตย์ต้องขึ้นเวรบางครั้งได้หยุดก็ทำงานส่งอาจารย์ 

เคยท้อ  เคยแท้เหมือนกันแต่กำลังใจจากแม่และพ่อ  ทำให้เราทนได้  จากการที่ไม่ได้กลับบ้านนานในช่วงที่เรียน   ทำให้แม่ถามประโยคหนึ่งที่เราจำจนวันนี้ว่า "ลูกเอ๋ย  ไม่เรียนปอโท  เค้าไม่ให้ทำงานต่อหรอ เลิกเรียนได้ไหม  แม่สงสารลูก "  จากคำถามคำนี้เราเองน้ำตาคลอ  รักแม่ที่สุดเลยเป็นแรงใจที่ดีจริงๆ  จนขณะนี้กำลังเขียนยังน้ำตาคลอ เพราะซึ้งในความรักของแม่ที่แม้ลูกจะโตยังไงก็ยังเป็นลูกอยู่วันยังค่ำ 

วันที่สอบจบ ออกจากห้องสอบปกป้องวิทยานิพนธ์  ปุ้บคนแรกเลยที่เราโทรหาคือแม่  บอกแม่ว่าจบแล้วค่ะแม่  แม่บอกว่า "ดีใจด้วย"  ลูกคนนี้รักแม่จัง (จบคนแรกในรุ่นด้วยค่ะ)

วันรับปริญญาโท  แม่พ่อและญาติมากันเยอะเลย  มีความสุขที่สุด  อะไรที่ได้มาอย่างยากนี่รู้สึกดีจริงๆค่ะ  รู้สึกตัวเองมีคุณค่า  ทำอะไรที่ทำให้แม่กะพ่อภูมิใจได้  ลองทำอะไรที่เกินความคาดหมายของเราจะรู้สึกว่า  เราก็ทำได้ค่ะ

หมายเลขบันทึก: 247977เขียนเมื่อ 12 มีนาคม 2009 15:36 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 05:36 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (8)
  • ยินดีกับมหาบันทิตด้วยนะครับ
  • ไม่ทราบว่าเรียนที่มหาวิทยาลัยไหนหรอครับ
  • เห็นด้วยนะครับครอบครับคือกำลังใจที่ดีที่สุดและอย่าลืมให้กำลังใจตัวเองด้วยนะครับ
  • ขอเป็นกำลังใจให้นะครับสู้ต่อไปท้อได้แต่อย่าถอย
  • สู้สู้.....นะอิอิ...

มหาวิทยาลัยขอนแก่นค่ะ

ขอบคุณนะคะสำหรับกำลังใจ 

ขอบคุณค่ะพี่แก้ว หนูก็ตามอ่านอ่านบล็อกของพี่แก้วมาเรื่อยๆแต่ไม่ได้โพสอะไรคะ วันนี้เห็นผลจากที่พี่แก้วจัดอบรมเพื่อสู่ชำนาญการ รู้สึกดีและคิดว่านำสู่การปฏิบัติได้จริงค่ะ 

ยินดีด้วยกับมหาบัณฑิตครับ

จบเป็นคนแรก ทั้งๆ ที่ทำงานด้วยเรียนไปด้วย สุดยอดจริงๆ ครับ ผิดกับผมเรียนโทภาคปกติ ลาไปเรียนขาดจากงานเด็ดขาดเลย จึงสบายมาก เรียนไปด้วยเล่นไปด้วย จบเป็นคนที่สี่หรือที่ห้านี่แหละ ในจำนวน ๑๒ คน เช่นกันครับ ที่ ม.นเรศวร หลายปีแล้วครับ

ความรักของแม่ยิ่งใหญ่มากครับ แม่ยอมเหนื่อยยอมทำทุกอย่างเพื่อลูก หากแม่เจ็บแทนลูกได้ แม่ก็ยินดีครับ

ผมก็เคยได้รับสัมผัสความรักของแม่หลายครั้ง ถึงแม้ว่าในวัยรุ่นผมจะไม่ได้อยู่บ้าน แต่เวลากลับบ้านแม่จะทำอาหารที่ผมชอบไว้รอ แม่จะรู้หมดเลยว่าผมชอบอะไร ไม่ชอบอะไร แต่ตอนนี้ท่านเสียแล้วนานแล้วครับ

แม่คุณดุจดาวยังมีชีวิตอยู่ รักท่านมากๆ โทร.หาท่านบ่อยๆ มีอะไรก็ปรึกษาท่านนะครับ แม่ไม่ต้องการเงินทองจากเรา แม่ต้องการเพียงรู้ว่าเรามีความสุข ท่านก็มีความสุขแล้ว

ขอให้มหาบัณฑิตคนใหม่ ประสบแต่สิ่งที่ดีงามทุกวันและตลอดไปนะครับ

ขอโทษด้วยที่เข้ามาในบล็อกช้า

เรียนจบปอโท ปี 47 ค่ะอาจารย์ นานแล้ว แต่ประทับใจไม่หาย จึงอยู่ในความทรงจำมิลืมเลือนค่ะ แต่การทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย หนักจริงๆค่ะ ในชีวิตไม่เคยอดและทนลำบากอะไรขนาดนี้เลยค่ะ

เดี๋ยวนี้โทรหาแม่วันเว้นวันค่ะ (ทำประจำเลยค่ะ  เพราะไม่ค่อยได้กลับบ้าน  กลัวแม่คิดถึง)  ว่างๆและมีตังค์ก็พาพ่อกับแม่ไปเที่ยวค่ะ

เห็นด้วยค่ะ

ไม่ว่าเราจะล้มลุกคลุกคลานขนาดไหน ครอบครัวจะเป็นกำลังสำคัญให้เราเสมอ

กว่าจะจบป.โท มาได้นี่สาหัสเช่นกันค่ะ

แต่โชคดีที่ ครอบครัว พี่น้อง แฟน อาจารย์ รุ่นพี่รุ่นน้อง เกื้อหนุนเต็มที่ :-)

ตอนนี้ทำงานมา 10 กว่าปีแล้วค่ะ ยังไม่เคยลืมช่วงเวลาที่เรียนหนักมากๆ

จริงด้วยค่ะ  คุณแม่นีโอ

เป็นช่วงเวลาที่แสนสาหัสแต่มีความสุขสุดคุ้มค่ะ

ไม่เสียใจที่ลำบาก    แต่จะรู้สึกเสียดายถ้าไม่ได้เรียน 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท