บทเพลงกับเทรนด์การตลาดปี 2552


ขอความคลาสสิคแบบเดิมๆ กลับมา

 บทเพลงกับเทรนด์การตลาดปี 2552

 

เทรนด์ของการตลาดในปัจจุบันนี้ เริ่มเปลี่ยนแปลงไป

ไม่ใช่ของใหม่อีกต่อแล้ว

แต่กลายเป็นของเดิมมาทำใหม่

หรือนำของเดิมมาทำซ้ำอีกครั้ง

ทำไมผมกลายพูดเช่นนี้?

เพราะพวกเราลองสังเกตให้ดีๆ นะครับ โดยเฉพาะเรื่องของเพลง

มีการนำบทเพลงเก่าๆ มาร้องใหม่ โดยนักร้องปัจจุบัน

หลายท่าน โดยเฉพาะนักร้องน้องใหม่ที่เพิ่มจะเปิดตัวได้ไม่นาน

ตามบ้านต่างๆ ที่อยู่รวมเป็น Camp

ซึ่งการนำมา Re-make ใหม่นั้น

ใช้ลักษณะของดนตรี Trend เกาหลีเป็นหลัก

 

ซึ่งเราก็ทราบดีว่า ตอนนี้กำลังมาแรงแซงโค้งแนวอื่นๆ

ไม่ว่าจะเป็น Boyband หรือแบบเดี่ยวก็ตาม

ไม่พ้นแฟชั่นเกาหลี

 

ประกอบกับนักร้องในปัจจุบันออกอัลบั้มกันแทบจะทุกวันก็ว่าได้

แต่กลับไม่มีเพลงที่โดนจริงๆ สักเพลง

เป็นเพลงที่ร้องได้สักพัก เดี๋ยวก็เลิก

เพราะเบื่อ เพราะเนื้อหาวกวน

ที่สำคัญ เวลาโค-ตะ-ระ นานเลย...

เวลาผมฟังเองก็ยังงง ว่าจะเอายังไง

ตกลงว่า เลิกกันนะ

เพลงบอกแค่นั้น...จริงๆ

 

ซึ้งจริงๆ ให้ดิ้นเถอะ

 

ก็สอดรับกับความต้องการของลูกค้าที่อยู่ในช่วงอายุประมาณ

28 – 35 ปี กำลังเป็น Shopper ที่มีกำลังซื้อสูงที่สุด

และกำลังโหยหาความสุขเมื่อครั้งวันวาน

เมื่อกับวันวานยังหวานอยู่

 

อีกทั้งกลุ่มช่วงอายุนี้ เป็นผู้ที่มีการงานหน้าที่มั่นคง

ประกอบกับการดิ้นรนเพื่อให้ได้เข้าวงการบันเทิงสมัยก่อน

(ฮิตกันมาก...เรียนนิเทศศาสตร์ และอยากเข้าวงการบันเทิงกันมาก

เป็นรุ่นแรกๆ ที่บูมบูมเรื่องวงการดารา นักร้อง)

และก็ได้เข้าทำงานตามที่ตนรักจริงๆ

ส่วนหนึ่งจึงเกิดความฝงใจ เมื่อครั้งอดีต

จึงต้องการเสพความสุขแบบเดิมๆ อีกครั้งครับ

 

อย่างเบิร์ด ธงไชย ที่พวกเรารู้จักกันดี

ก็มาร่วมเป็นการตลาดในปีนี้ด้วยเหมือนกัน

อาจจะเป็นผู้เปิดตัวการตลาดเสียงเพลงก็ว่าได้

 

ใครที่ได้ติดตามชมคอนเสิร์ต แบบเบิร์ด เบิร์ด เมมโมรี่ ล่าสุดนี่เอง

คงทราบว่า มีการให้เราย้อนไปถึงมหกรรมคอนเสิร์ตครั้งก่อนๆ ที่เคยผ่านมา

และประทับใจ ด้วยการแสดงแบบเดิมๆ

แล้วบรรดาแฟนคลับ ก็จะกรี๊ดกร๊าดกันแทบจะหัวใจวาย

ปล่อยให้น้องๆ รุ่นใหม่ ที่เข้ามาชม

ทำหน้างงเป็นไก่ตาแตก...กร๊ดอะไรกัน...ไม่เห็นรู้เรื่องเลย

(ก็น้องยังเด็ก ยังไม่รู้ภาษานี่ครับ...)

 

แต่ก็เป็นที่ชื่นชอบเหล่าบรรดาแฟนคลับตัวแม่ทั้งหมดล่ะครับ

แล้วบัตรก็ขายดีเป็นเทน้ำเทท่าเสียด้วย

 

ถัดออกมาก็เป็นวงรุ่นใหญ่ อย่างนูโว ที่มีอัลบั้มออกใหม่

มาวางแผง ทวงแชมป์ความเป็น Boyband กลับมา

แต่ไม่ยักกะถูกใจบรรดาวัยรุ่นอินเทรนด์เกาหลีกันเท่าไหร่

เพราะบรรดานูโว ล้วนแต่หล่อใหญ่กันทั้งนั้นแล้วล่ะครับ...

 

มีหรือที่จะสู้เหล่าบอยแบรนด์รุ่นน้องได้...

 

แต่เมื่อออกคอนเสิร์ตก็ยังคง...ย้อนระลึกถึงอดีต เมื่อครั้งยังค้างฟ้า

ด้วยบทเพลงที่สุดคลาสสิค...ทำเอาประทับใจกันถ้วนหน้า

 

ลุ้นกันต่อไปว่า จะเข็นเอาใครออกมาขายกันอีก

 

ก็เป็นการแสดงให้เห็นว่า วงการเพลงเริ่มซบเซาแล้ว

นักร้องรุ่นใหม่ ไม่สามารถซื้อใจได้เหมือนนักร้องเก่า

เพราะฝีมือผิดกัน...

ปัจจุบันเน้นด้านการตลาดสูงมาก...จนทำให้ผู้ผลิตเอง

ลืมคุณภาพที่เคยสะสมมาเสียหมด...

 

ยังไม่สายที่จะเอาความปราณีตในการทำงานมากลั่นกรอง

ให้มีความละเอียดในชิ้นงานมากขึ้น

 

ประกอบกับบทเพลงที่ออกมาแทบจะคล้ายๆ กัน

มองไม่เห็นความแตกต่างหรือเอกลักษณ์ของนักร้องสักเท่าไร

 

เพราะเรามองเห็นความเป็นแฟชั่นของเกาหลี ประเภท เกาหลีฟีเวอร์

 

จนรุ่นพี่ๆ เรียกร้องขอความคลาสสิคแบบเดิมๆ กลับมา

สร้างสรรค์ให้เกิดความสุขอีกครั้ง

 

อีกประการหนึ่งครับ

รุ่นพี่ที่เรียกร้องนั้น ต่างก็มีครอบครัวกันเป็นส่วนใหญ่

เงินทาองที่หามาได้จึง เป็นของตัวเองอย่างเต็มที่

ทีนี้ก็ถึงเวลาหอบหิ้วความสุขที่อยากได้...ให้กลับคืนมาแล้ว

 

ผมเชื่อว่านาทีนี้ ถ้านักการตลาดคิดจะทำการตลาด

ไม่ต้องคิดอะไรใหม่ให้ปวดหัวครับ

นำของเก่ามาทำใหม่ โดยคงต้นฉบับเดิมไว้

รับรองขายได้อีกเพียบ

เราะสมัยก่อนนั้น CD เพลงก็แพงมาก

เหลือก็แต่เทปคาสเซ็ตเท่านั้น...

 

อีกไม่นานหรอกครับ เราจะเห็นนักร้องรุ่นเก่าออกมารวมการเฉพาะกิจ

กันอีกหลายวง และหลายคนทีเดียว

และผมเชื่อว่าเขาเหล่านี้ต้องกลับมาแน่...

 

วง UHT จากค่ายอากู๋ ณ แกรมมี่

ลิฟท์กับออย จากค่ายเฮียฮ๊อ ณ อาร์เอส

 

ยังมีอีกหลายคนครับ เพียงแต่ตอนนี้ผมยังนึกไม่ออก

ใครนึกออกก็บอกด้วย

เพราะผมเองก็โหยหาความสุขแบบเดิมๆ เหมือนกัน

ผมคนหนึ่งครับ ที่มี Rate ในช่วงอายุดังกล่าว

ใช้ตัวเองเป็นตัวตัดสิน ประกอบกับเพื่อนๆ ในรุ่นเดียวกัน

ดังนั้น ใครที่อยากทำการตลาดในปีนี้

ผมแนะนำได้ว่าต้องทำการตลาดแนว Retro เท่านั้นครับ...

 

เร็วๆ นี้ ก็กำลังจะมีคอนเสิร์ตที่ Confirm ว่า

เพลงขึ้นเมื่อไหร่...ร้องได้ทุกคน...ทุกเพลงด้วย

อย่าลืมไปชมพี่แจ้ของน้องๆ ด้วยนะครับ

 

ดังแค่ไหนก็วัดจากราคาค่าบัตร และกระแสตอบรับแล้วกัน

เกือบ 20 ปีก็ว่าได้ กับพี่แจ้ ดนุพล แก้วกาญจน์

(ตอนนั้นผมยังเด็กอยู่เลย...แต่พี่แจ้...ดังมากๆ

ผมอยู่ประมาณ ป.2 หรือ ป.3)

 

 

 

 

 

หมายเลขบันทึก: 247846เขียนเมื่อ 12 มีนาคม 2009 01:50 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 05:35 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

สวัสดีค่ะ

เข้ามาอ่าน หาความรู้ให้สมองค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท