ระเบียบที่ว่าคือ.... |
- ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ กำหนดระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยการลงโทษนักเรียนหรือนักศึกษา พ.ศ.2543 ขึ้นใหม่ ซึ่งประกาศและมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2543 เป็นต้นมามีสาระสำคัญคือ กำหนดให้ยกเลิกการลงโทษนักเรียนด้วยวิธีการเฆี่ยนตี และได้กำหนดให้มีการลงโทษนักเรียนที่กระทำความผิด 5 สถานคือ ว่ากล่าวตักเตือน ทำกิจกรรม ทำทัณฑ์บน พักการเรียน ให้ออก (กระทรวงศึกษาธิการ. 2543: 2) โดยกำหนดให้สถานศึกษาที่จัดการศึกษาดังต่อไปนี้พิจารณาการลงโทษแก่นักเรียนหรือนักศึกษาดังนี้ 1. ระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษาตอนต้น สำหรับโทษว่ากล่าวตักเตือน ทำกิจกรรม ทำทัณฑ์บน 2. ระดับมัธยมศึกษาตอนปลายสายสามัญและสายอาชีพ สำหรับโทษว่ากล่าวตักเตือน ทำกิจกรรม ทำทัณฑ์บน และพักการเรียน 3. ระดับอุดมศึกษาต่ำกว่าระดับปริญญาตรี สำหรับโทษทุกสถาน สำหรับสถานศึกษา ที่จัดการศึกษาในรูปแบบนอกระบบโรงเรียนหรือเฉพาะทาง หรือมีกฎหมายจัดการศึกษาเป็นของตนเอง การจะลงโทษแบบใด ด้วยวิธีใด ให้เป็นไปตามที่สถานศึกษานั้นกำหนด |
จะเห็นว่าเมื่อกระทรวงศึกษาธิประกาศระเบียบนี้ขึ้นมาโดย รัฐมนตรีนายหนึ่ง มันทำให้นักเรียนไทยเปลี่ยนไป ครูไทยเปลียนไป และผลผลิตของสังคมไทยเปลียนไป
นักเรียนไทย ไม่มีความเกรงใจ ไร้จิตสำนึกต่อผู้มีพระคุณ (พ่อ-แม่ คุณครู หรือผู้ใหญ่ในสังคม ที่ควรแก่การนับถือ) นักเรียนไทยขาดความอดทนอดกลั้นต่อปัญหาอุปสรรคที่เกิดขึ้น ด่วนตัดสินใจโดยไม่คิดถึงจิตใจผู้ที่อยู่รอบข้าง เป็นบุคคลไร้สติ ขาดความรับผิดชอบต่อหน้าที่ของตนเอง ก้าวร้าวต่อพ่อแม่ ครู-อาจารย์ ทำตัวเหมือนศิษย์ไร้ครู
ครูไทยเปลี่ยนไป ไร้ซึ่งศักดิ์ศรีเมื่อลูกศิษย์ขาดความยำเกรงขาดการเคารพ ไร้จิตวิญญาณของความเป็นครูเมื่อขาดอุปกรณ์อันศักดิ์สิทธิ์ ทำให้ครูเป็นบุคคลธรรมดาหาใช้ปูชนียบุคคลอีกต่อไป เมื่อแต่เครื่องแบบสีกากีก็ยังลดความศักดิ์สิทธิ์ไร้ราศี เพราะครูถูกกระทำย่ำยี ชุดสีกากียังไม่ให้ใส่ ทุกท่านทราบหรือไม่ครับว่า ความภูมิใจที่ได้เป็นครูส่วนหนึ่งครูการได้ใส่ชุดสีกากี นั้นเอง ครูหาแนวทางการลงโทษใหม่ๆ ดังที่เห็นตามข่าวทีวี หรือหน้าหนังสือพิมพ์ เช่น ใช้รองเท้าตบหน้า(ก็ห้ามใช้ไม้เรียวนี่ครับ) ใช้ไฟลน ใช้หนังสือเล่มใหญ่ๆ ทุบ (ทุบ ไม่ใช่ตี) ด่าด้วยถ้อยคำรุนแรง
ผลผลิตของสังคมไทยเปลี่ยนไป ไร้ความเห็นอกเห็นใจ ไร้มนุษยธรรม ไร้ซึ่งความยั้งคิด ขาดหิริโอตับปะ เกิดความเสื่อมโทรมในทุกๆด้าน ดังตัวอย่างเช่น พ่อฆ่าลูก หรือลูกฆ่าพ่อ พี่ฆ่าน้อง ท้องและทำแท้ง ปล้นฆ่า ไม่เว้นแต่ละวัน คนไทยที่เป็นผลผลิตจากการศึกษาที่ไม่มีคุณภาพมีมากขึ้นทุกวัน วัยรุ่นที่เรียนไม่จบมากขึ้น อ่านเขียนไม่ได้ มีมากกว่าคนที่อ่านเขียนได้ หลายเท่า
ผลพวงเหล่านี้เกิดจากระเบียบกระทรวงที่มีบางคนกำหนดขึ้นมาโดยไม่รู้จักคิด หรือคิดแต่ไม่รู้จักทดลองใช้ก่อน หรือทดลองใช้ก่อนแต่ไม่ครอบคลุมทุกบริบท เอาง่ายๆคือกำหนดแล้วไม่เตรียมแนวทางปฎิบัติที่จริงจัง จึงก่อให้เกิดปัญหา เมื่อเกิดปัญหาแล้วไอ้คนที่ทำก็นั่งสบายอยู่ที่บ้านไม่เห็นจะรับผิดชอบสังคมตรงไหนเลย
สรุป การหักไม้เรียว ห้ามซ้ำชั้น ไม่ให้ตกและเพิ่มผลสัมฤทธิ์ ล้วนสร้างความลำบากใจให้กับครูผู้ปฎิบัติทั้งสิ้น สงสารครูผู้สอนที่ต้องปล่อยเกรดเพื่อเอาใจผู้บริหารบางคนที่ต้องการเอาหน้า
....คิดบ้างเถอะท่านผู้ใหญ่ทั้งหลาย........
ผมเห็นด้วยกับครูครับ
รมต.ที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองใช่หรือเปล่าครับ
ระบบคิดที่ไม่เคยทดลองใช้ แต่นำไปใช้เลย
ผลเสียตกอยู่กับอนาคตของชาตินั่นแหละครับ
ด้วยจิตคารวะในวิธีคิด ครับ :)
อาจเป็นด้วยวิถีการดำเนินชีวิตที่เปลี่ยนไป
ทำให้เด็กไทยทุกวันนี้ขาด.....หลายอย่างที่ไม่ควรขาด.....
มี...หลายอย่างไม่พึงมี......
ทำให้ทุกวันนี้ "เด็กไทย" ...หายาก เหลือเกิน
อาจเป็นด้วยวิถีการดำเนินชีวิตที่เปลี่ยนไป
ทำให้เด็กไทยทุกวันนี้ขาด.....หลายอย่างที่ไม่ควรขาด.....
มี...หลายอย่างไม่พึงมี......
ทำให้ทุกวันนี้ "เด็กไทย" ...หายาก เหลือเกิน