วัดเจดีย์หลวงวรมหาวิหาร

หากเอ่ยถึงศิลปะและวัฒนธรรมแบบล้านนา สถานที่ที่ยังคงแสดงถึงศิลปะที่รอคอยชนรุ่นใหม่มาศึกษาและสืบทอด สถานที่แห่งนั้นก็คือวัดวาอาราม เนื่องจากวัดเป็นสถานที่ที่สร้าง รักษาและแสดงความงดงามของงานศิลปะ ของชนรุ่นก่อน วัดมีความสำคัญต่อคนไทยมาตั้งแต่อดีต จนถึงปัจจุบัน วัดส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในเขตชุมชน เพื่อเป็นศูนย์รวมดวงใจของคนในท้องถิ่นและเป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา เพื่อความเป็นสิริมงคล

ความรุ่งเรืองทางด้านศาสนา ก็มีความเจริญรุ่งเรืองมากถึงขีดสุดจนสามารถชำระพระไตรปิฎกครั้งที่ 8 ของโลกได้ แต่ด้วยการพ่ายแพ้ต่อข้าศึกที่ต้องตกเป็นเมืองขึ้นของพม่าในยุคสมัยพระเจ้าบุเรงนอง ได้มีการทำลายความเชื่อและความศรัทธาต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ตลอดระยะเวลาสองร้อยกว่าปีที่ตกเป็นเมืองขึ้นของพม่า และต่อมาพระยากาวิละได้ทำการกอบกู้เอกราชแล้ว ก็ได้ทรงทำนุบำรุงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายให้กลับมาอยู่คู่บ้านคู่เมืองเชียงใหม่จนถึงปัจจุบัน

วัดเจดีย์หลวงวรมหาวิหาร หนึ่งในวัดคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดเชียงใหม่ วัดเจดีย์หลวงอยู่ใจกลางเมืองเชียงใหม่ ถนนพระปกเกล้า ตำบลพระสิงห์ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ วัดนี้ตั้งอยู่ใจกลางเมืองเชียงใหม่ ประดิษฐานเจดีย์ใหญ่ที่สุดในจังหวัดเชียงใหม่ และเป็นเจดีย์ใหญ่ที่สุดในภาคเหนือ
คำว่าเจดีย์หลวง หมายถึงเจดีย์ขนาดใหญ่ซึ่งองค์เจดีย์ใดที่มีขนาดใหญ่ก็จะเรียกว่าเจดีย์หลวงได้ทั้งสิ้น
วัดเจดีย์หลวง หรือ “ วัดโชติการาม ” หรือ “ ราชกูฏา ”
สร้างขึ้นในรัชสมัยของพระยาแสนเมืองมา กษัตริย์องค์ที่ 7 แห่งราชวงศ์มังราย (พุทธศักราช 1913 ถึงพุทธศักราช 1954) ต่อมาพระยาติโลกราชโปรดให้ช่างขยายเจดีย์ให้สูงและกว้างกว่าเดิม แล้วเสร็จเมื่อปี พุทธศักราช 2024 และอัญเชิญพระแก้วมรกตมาประดิษฐานระหว่าง พุทธศักราช 2011 ถึง พุทธศักราช 2091 นานถึง 80 ปี ต่อมาในสมัยพระนางจิระประภา ได้เกิดแผ่นดินไหวเมื่อปี พุทธศักราช 2088 ทำให้ยอดเจดีย์หักโค่นลง ปัจจุบันเจดีย์มีความสูงคงเหลือ 40.8 เมตร ฐานกว้างด้านละ 60 เมตร

วัดเจดีย์หลวง คือ วัดที่เปี่ยมไปด้วยความงดงามของศิลปะแบบล้านนา มีโบราณวัตถุสถานที่สำคัญภายในบริเวณวัดเจดีย์หลวง ไม่ว่าจะเป็น กู่หลวง หรือ เจดีย์หลวง พระธาตุเก่าแก่ที่ก่อสร้างขึ้นเมื่อ พ . ศ . ๑๙๓๔, พระวิหารหลวง ที่ก่อเป็นรูปพญานาคคู่ชูเศียร หางตวัดพันกันในซุ้มประตู ที่กล่าวกันว่าเป็นพญานาคที่สวยที่สุดคู่หนึ่งในภาคเหนือ
พระอัฏฐารส ซึ่งเป็นพระพูทธรูปขนาดใหญ่ปางห้ามญาติ , พระนอน หรือ พระพุทธไสยาสน์ เป็นพระพุทธรูปที่เก่าแก่คู่กับพระเจดีย์ , เจดีย์เล็ก พระอุโบสถขนาดเล็ก , เสาอินทขีล หรือ เสาหลักเมือง ประดิษฐานอยู่ในวิหารจตุรมุขทรงไทยหลังเล็กๆ , บ่อเปิง เป็นบ่อน้ำใหญ่ ลึก จึงถือได้ว่าเป็นโบราณสถานคู่กับพระเจดีย์ , พระมหาสังกัจจายน์ , ต้นยางใหญ่ ๓ ต้น ที่มีอายุ กว่า๒๐๐ ปี, หอธรรม ทางด้านเหนือขององค์พระธาตุเจดีย์ ,กุฏิแก้วนวรัฐ เป็นกุฏิหลังแรกของวัดสร้างด้วยไม้สักทั้งหลัง

ในช่วงปี พุทธศักราช 2471 - 2481 นั้น เป็นทศวรรษแห่งการปรับปรุงและพัฒนาวัด มีการรื้อถอนสิ่งปรักหักพังแผ้วถางป่าที่ขึ้นคลุมเสนาสนะโบราณสถานต่าง ๆ แล้วสร้างเสริมเสนาสนะใหม่จนเป็นวัดที่สมบูรณ์ มีภิกษุสงฆ์สามเณรอยู่ประจำ จัดตั้งสำนักเรียนพระปริยัติธรรมจนกลายเป็นศูนย์กลางการศึกษาเล่าเรียนพระปริยัติธรรมและเป็นศูนย์กลางการศึกษาเล่าเรียนปริยัติธรรมในจังหวัดเชียงใหม่ ต่อมา ในปี พุทธศักราช 2481 วัดนี้ได้รับการเลื่อนฐานะเป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหาร

ขอบคุณความรู้ ดีดี จาก http://www.fm100cmu.com/blog/Lanna/content.php?id=325

เขียนใน GotoKnow โดย chipmunks
ใน ร้อยเรื่องเมืองล้านนา

คำสำคัญ (Tags): #คนเมือง#ล้านนา#วัดเจดีย์หลวงวรมหาวิหาร

หมายเลขบันทึก: 244645เขียนเมื่อ 25 กุมภาพันธ์ 2009 15:37 น. ()แก้ไขเมื่อ 18 เมษายน 2012 15:59 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่าน