เมื่อผลประโยชน์ไม่บรรลุ

ถ้าแม่อยากดูหนัง(ผลประโยชน์)เรื่องความรัก  พ่ออยากดูมวย  ลูกอยากดูการ์ตูน ในเวลาเดียวกัน  แต่ทีวีมีเครื่องเดียว ถ้าฝ่ายใดได้ดู  อีกฝ่ายหนึ่งจะไม่ได้ดู  เป้าหมายจึงถูกขัดขวาง ผลประโยชน์ถูกขัดขวางไม่ให้บรรลุ นำไปสู่ความบาดหมางกัน ทะเลาะกัน นี่ตัวอย่างเรื่องในบ้าน

นายแดงต้องการเป็นครูใหญ่  นายดำก็ต้องการเป็นครูใหญ่ แต่ตำแหน่ง(ผลประโยชน์) มีเพียงตำแหน่งเดียว ถ้านายแดงได้  นายดำก็ไม่ได้ เกิดความขัดแย้งกันอันเนื่องมาจากผลประโยชน์ขัดกัน นำไปสู่ความเป็นศัตรูกัน  นี่เป็นตัวอย่างภายนอกครอบครัว  ในองค์การที่ชื่อว่าโรงเรียน 

นายแดงอยากได้ตำแหน่งสมาชิก อบต.(ผลประโยชน์) นายขาวก็อยากได้  แต่ตำแหน่งมีตำแหน่งเดียง ถ้านายแดงได้  ก็จะขัดขวางการได้ของนายขาว ทำให้สองฝ่ายเกิดความขัดแย้งระหว่างบุคคล และนำไปสู่ความไม่ลงรอยกัน  บาดหมางกัน  นี่ก็เป็นตัวอย่างเรื่องใน อบต.

นายแดงอยากได้รับเลือกเป็นผู้แทน(ผลประโยชน์)  นายดำก็อยากได้  นายขาวก็อยากได้  แต่ตำแหน่ง(ผลประโยชน์)มีเพียงหนึ่งเดียว จึงแย่ง "ผลประโยชน์"กัน  ถ้าฝ่ายหนึ่งได้  อีกฝ่ายก็ไม่ได้  เกิดความขัดแย้งกันระหว่างบุคคล  นี่เป็นตัวอย่างของพวกผู้แทน

นายแดงอยากเป็น รมต.(ผลประโยชน์) นายดำก็อยากเป็น  แต่มีเพียงหนึ่งตำแหน่งในกระทรวงนั้น  เมื่อนายแดงได้ นายดำก็ไม่ได้  นำไปสู่ความขัดแย้งระหว่างบุคคล สองฝ่ายเป็นศัตรูกันในใจ หรือในกายก็ได้ นี่เป็นตัวอย่างในพวกนักการเมือง

ฯลฯ

ทุกหนทุกแห่ง มีผลประโยชน์

เมื่อขัดแย้งกัน ก็นำไปสู่ความบาดหมางกัน

ผลประโยชน์ยิ่งมาก  หรือใหญ่มากๆ หรือมีค่ามากๆ ก็จะยิ่งนำไปสู่ความขัดแย้งกันรุนแรง

การแย่งชิงกันดังกล่าว ถือเป็นเหตุการณทาง"โลกของกายและหรืออารมณ์"

และคนส่วนใหญ่ตกอยู่ในสภาพของโลกของกายและหรืออารมณ์

ดังนั้น ความขัดแย้งอันเนื่องมาจากผลประโยชน์ขัดกันจึงเกิดกับคนส่วนใหญ่

และดังนั้น เราจึงเห็นทุกวันในจอทีวี และหนังสือพิมพ์

ทำให้สื่อมีงานทำอย่างไม่รู้จักหมดสิ้น

ทำให้ตำรวจมีงานทำอย่างไม่รู้จบ

ทำให้อัยการ  ผู้พิพากษา ก็มีงานทำอย่างไม่รู้จบเช่นกัน

สังคมเราจึงต้องเป็นดังนี้แล

และจะเป็นอยู่เช่นนี้ต่อไปอย่างมิรู้จบ

จนอสงขัย!!

หรือจนชั่วนิรันดร !!!