อิสลามกับ(วันแห่ง)ความรัก


ในประเทศไทย - ผลสำรวจทัศนคติพฤติกรรมและการใช้จ่ายช่วงวันวาเลนไทน์

ทุกคืนวันศุกร์หลังนมาซอีซา มัสยิดอัต-ตักวา เชียงใหม่ จัดให้มีการบรรยายศาสนา โดย ได้จัดให้เชิญผู้รู้ในเรื่องของศาสนา หรือ นักวิชาการ ทางด้านต่างๆ  ศุกร์นี้เรียนเชิญท่าน ผ.ศ.ดร.สุชาติ  เศรษฐมาลินี มาพูดคุยแลกเปลี่ยนกับชาวบ้านในชุมชน  หัวข้อการพูดของอาจารย์น่าสนใจมาก ท่านพูดในเรืองของวันแห่งความรัก  ซึ่งแตกต่างจากที่ผมเคยอ่านมา  อยากนำเสนอให้พี่น้องได้ดูมุมมองของนักสังคมศาสตร์  ซึ่งผมได้ขออนุญาติท่าน ท่านกรุณาให้ผมนำมาเสนอยังพี่น้องลองอ่านดูนะครับ

อิสลาม กับ (วันแห่ง)“ความรัก”

 ﺴﺷﺍﺖ  ﺴﺗﻣﺍﻟﻧﻲ  
السلام عليكم ورحمة الله وبركاته

หัวข้อที่จะพูดคุยในคืนนี้
1) ที่มาที่ไปของ “วันแห่งความรัก” (วาเลนไทน์)
2) ปัญหาเรื่องความรักในวัยรุ่น
3) “ความรัก” ในทัศนะอิสลาม

(ภาพจาก http://variety.teenee.com/world/img2/12879.jpg )

1) ที่มาที่ไปของ “วันแห่งความรัก” (วาเลนไทน์)
 สมัยโรมัน บูชาเทพเจ้า Lupercalia – 15 กุมภาพันธ์

 ต่อมาสมัยจักพรรดิ Claudius II ห้ามทหารแต่งงาน และห้ามเผยแพร่ศาสนาคริสต์

 นักบวชชาวคริสต์ ชื่อ Valentine – ฝ่าฝืน และถูกจับ หลงรักลูกสาวผู้คุม และถูกประหารชีวิตในที่สุด ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์

 กลายเป็น Saint Valentine – นักบุญที่ชาวคริสต์ยกย่อง และเฉลิมฉลองแทนที่ เทพเจ้าโรมัน

 ประมาณ 100 กว่าปี – วันวาเลนไทน์เริ่มเป็นที่นิยมในอังกฤษ และตะวันตก และปัจจุบันแพร่กระจายไปทั่วโลก

ภาพจาก (http://www.602apiwart.th.gs/web-6/02apiwart/image/bear.jpg)

ประเด็นถกเถียงที่น่าสนใจ
 กลายเป็นเครื่องมือทางธุรกิจที่มีผลประโยชน์มหาศาล
 
 ในประเทศไทย - ผลสำรวจทัศนคติพฤติกรรมและการใช้จ่ายช่วงวันวาเลนไทน์
- เม็ดเงินใช้จ่ายสะพัดช่วงเทศกาลวาเลนไทน์ รวม 2,325.58 ล้านบาท หรือ
- เฉลี่ยคนละ 1,457.07 บาท เพิ่มขึ้น 7.69% จากปีก่อน
- ส่วนใหญ่เห็นว่า เทศกาลแห่งความรัก มีความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ (จากช่วง 5-10 ปีที่ผ่านมา)
- โดยเฉพาะวัยรุ่นที่ให้ความสำคัญมาก และใช้จ่ายสูงเมื่อเทียบกับรายได้                         โดยอายุต่ำกว่า 15 ปี ใช้จ่ายคนละ 750 บาท อายุ 16-18 ปี ใช้จ่าย 675 บาท   อายุ 19-22 ปี ใช้จ่าย 842 บาท ส่วนวัยทำงาน 23-29 ปี ใช้จ่าย 1,147 บาท อายุ 30-39 ปี ใช้จ่าย 2,622 บาท และอายุ 40-49 ปี ใช้จ่าย 2,596 บาท
- สินค้าที่ซื้อในวันวาเลนไทน์มากที่สุด ยังเป็นดอกไม้ รองลงมาเป็นการ์ดอวยพร ตุ๊กตา ช็อกโกแลต และของขวัญ

ประเด็นถกเถียงที่น่าสนใจ
 วันวาเลนไทน์ ทำลายศาสนาและ วัฒนธรรมท้องถิ่น

 “อินเดียเป็นประเทศเสรี ดังนั้น เรามีสิทธิและเสรีภาพสามารถที่จะการแสดงออกถึงความสุข ความรื่นเริงได้อย่างเต็มที่”
(สาวชาวอินเดีย)

ที่มา ภาพจาก(http://i262.photobucket.com/albums/ii85/soizaa/477bd655.gif )

2) ปัญหาเรื่องความรักในวัยรุ่น

   จับคลินิกทำแท้ง “โคราช” พบโจ๋สาวนั่งรอคิว      (ข่าวสด, 9 พ.ค.50)
 
 นร.หนุ่มหึงนักเรียนสาวมีกิ๊กใหม่ ยิงดับคาห้องเรียน (ไทยรัฐ, 9 ม.ค.50)     

 ปวส. รักคุดยิงโหด ฆ่า นศ.สาวใส่ซาเล้งทิ้งศพ (ไทยรัฐ, 16 ม.ค.50)
 
 หนุ่มสาวจูงมือตาย ผูกคอคู่กัน เขียน จม. ห้ามแยกศพ (ข่าวสด, 11 พ.ค.50)

 นศ.หญิงรุมตื้บอริหัวใจ แย่งผู้ชาย! ถ่ายคลิปประจาน (เดลินิวส์, 10 ม.ค.50)

 วาเลนไทน์เลอะ – โจ๋ชายกะเคลมกิ๊ก 5 คน นศ.วุ่นรักฮิตทำสถิติสะสม “กิ๊ก”

 นร. หญิง ม.5 กับ นร.ชาย ม. 1 (พิษณุโลก)

สวนดุสิตโพล : จ้องมีเซ็กซ์ โจ๋วาเลนไทน์ โพลจี้สกัด ! (ไทยรัฐ 13 ก.พ. 52)
 สวนดุสิตโพล พบเด็กไทยดูหนังโป๊-มีเซ็กซ์ครั้งแรกตั้งแต่อายุ 10 ปี 
 
 การสำรวจทัศนะต่อคู่รักที่มีการฉลองวันวาเลนไทน์ โดยการมีเพศสัมพันธ์แบ่งเป็นรายอาชีพ พบว่า อันดับแรกเป็นนักศึกษา ตามด้วยหนุ่มสาววัยทำงานและนักเรียน

 คนไทย 29% มีมุมมองเรื่องการมีเพศสัมพันธ์ก่อนการแต่งงาน เป็นเรื่องปกติ    (ในปัจจุบันมีเพียง 28.1% ที่เห็นว่าไม่ควรทำ และที่เหลือ 42.9% ไม่แน่ใจ) 
 สาเหตุอันดับแรกที่ทำให้วัยรุ่นคิดฆ่าตัวตายคือ “ความรัก”

 นักเรียน-นักศึกษา 95.7% เคยพบเห็นวัยรุ่นกอด-จูบ ในที่สาธารณะ (70% คิดว่าเป็นเรื่องส่วนบุคคล 92.8% เห็นว่าคนที่เป็นแฟนกันสามารถทำได้ในที่มิดชิด)

 นักเรียน-นักศึกษา 51.3% บอกว่าการเสียตัวให้แฟนหรือคนรักเป็นเรื่องที่สามารถทำได้
มุสลิมกล้าที่จะแตกต่าง? และเราจะถูกทวงถามถึงความแตกต่างก่อนเข้าประตูสวรรค์

ภาพจาก (http://www.thaimuslim.com/ViteeMuslim/pics/20081123358_06.jpg)

“ความรัก” ในทัศนะอิสลาม

 อิสลาม เป็นศาสนาแห่งความรัก
- มนุษย์และทุกสรรพสิ่งในจักรวาลเกิดจากความรักของฮัลลอฮ (ซ.บ.) และเป็นไปเพื่อความรักและสันติ (= อิสลาม )

- อัลลอฮ (ซ.บ.) ซึ่งอยู่เหนือขอบเขตของจักรวาลที่ไม่อาจบรรจุพระองค์ได้ แต่พระองค์กลับบรรจุอยู่ได้ในหัวใจของมนุษย์

- ท่านญะฟัร อิบนิ อะบูตอลิบ ถูกถามจากกษัตริย์อะบิสสีเนียให้อธิบายเกี่ยวกับศาสนาอิสลาม    
“เราเป็นหมู่ชนที่ตกอยู่ในความโง่งม เราเคารพบูชารูปเจว็ดที่เราปั้นขึ้นเอง เราซุบซิบนินทากันและกระทำบาปอย่างไม่ละอาย เรารักแต่พวกเราเองแต่กลับไร้ความเมตตาต่อเพื่อนบ้านและผู้อื่น คนที่แข็งแรงกว่าในหมู่พวกเราต่างเอารัดเอาเปรียบผู้ที่อ่อนแอกว่า นั่น คือ สิ่งที่เราเคยเป็น
จนกระทั่ง อัลลอฮ (ซ.บ.) ได้ส่งนบีมุฮัมหมัด (ซ.ล.) มาเป็นแบบอย่างของคุณธรรมความดีงามทั้งหลายที่เต็มไปด้วยความซื่อสัตย์ เป็นที่ไว้วางใจแก่ผู้คน อีกทั้งเต็มไปด้วยความสุภาพอ่อนโยน ท่านเชิญชวนพวกเราสู่ความมีเอกภาพ และอุทิศตนต่อการเคารพบูชาอัลลอฮ (ซ.บ.) เพียงองค์เดียว ตลอดจนขจัดสิ่งอันเป็นภาคีทั้งหลายออกจากจิตใจพวกเรา ท่านสั่งสอนให้พวกเราเป็นผู้ที่รักในสัจจะ ให้มีความเมตตาอาทรต่อเพื่อนมนุษย์อื่น ๆ ให้ออกห่างจากสิ่งชั่วร้ายและความผิดบาปทั้งหลาย ให้เสียสละความมั่งคั่งต่อเด็กกำพร้า และให้เกียรติผู้หญิง
ดังนั้น เราจึงเชื่อมั่นศรัทธาในอิสลาม และประพฤติปฎิบัติตามสั่งสอนอันเป็นทางนำที่ท่านได้รับจากอัลลอฮ (ซ.บ.)”    

ภาพจาก (://blog.sanook.com/PortalPics/_Tonkla/images/default/0812-005humen.jpg )

1) ความรักต่อ อัลลอฮ (ซ.บ.)
“โอ้ อัลลอฮ โปรดทำให้ฉันรักในพระองค์ และโปรดให้ฉันรักในผู้ที่รักพระองค์ โปรดทำให้ฉันรักในทุกสิ่งที่จะทำให้ฉันได้ใกล้ชิดในความรักต่อพระองค์
โอ้ อัลลอฮ (ซ.บ.) โปรดทำให้ฉันรักในพระองค์ และรักในบรรดามะลัยกะฮ์ นบี และทุกสิ่งที่พระองค์ทรงสรรค์สร้าง
โอ้ อัลลอฮ (ซ.บ.) โปรดทำให้ฉันความรักของฉันที่มีต่อพระองค์นั้น เป็นความรักที่ยิ่งกว่าข้าพระองค์มีต่อตนเอง ต่อครอบครัวของตนเอง ต่อทรัพย์สมบัติของตัวเอง ต่อลูก ๆ  ของตัวเอง และยิ่งกว่าความเย็นและความบริสุทธิ์ของน้ำที่มีต่อผู้ที่กระหายมัน” 


وَالَّذِينَ آمَنُوا أَشَدُّ حُبًّا لِّلَّهِ
(2: 165)
 และบรรดาผู้ที่ศรัทธานั้นเป็นผู้ที่รักอัลลอฮมากยิ่งกว่า
 “อะไรคือ “รักเพื่ออัลลอฮ เกลียดเพื่ออัลลอฮ”


قُلْ إِن كُنتُمْ تُحِبُّونَ اللَّهَ فَاتَّبِعُونِي يُحْبِبْكُمُ اللَّهُ وَيَغْفِرْ لَكُمْ ذُنُوبَكُمْ ۗ وَاللَّهُ غَفُورٌ رَّحِيمٌ

(3: 31)
 จงกล่าวเถิด (มุฮัมหมัด) ว่า “หากพวกท่านรักอัลลอฮ ก็จงปฏิบัติตามฉัน อัลลอฮก็จะทรงรักพวกท่าน และจะทรงอภัยให้กับพวกท่าน ซึ่งโทษทั้งหลายของพวกท่าน และอัลลอฮนั้นเป็นผู้ทรงอภัยโทษ ผู้ทรงเมตตาเสมอ
2) ความรักต่อเพื่อนมนุษย์
 ฮะดิษกุดซี “อัลลอฮทรงตรัสว่า ใครที่รักกันเพื่อฉัน เขาจะได้ยืนบนมิบัรด้วยแสงแห่งรัศมี และบรรดานบี และผู้ที่พลีชีพเพื่อศาสนา ต่างปรารถนาที่จะได้ยืนและรับรัศมีในที่แห่งนั้น” (รายงานโดย ติรมีซีย์)

 ท่านร่อซู้ล (ซ.ล.) กล่าวไว้ว่า “ใครที่เป็นผู้ประพฤติปฏิบัติดีที่สุดในหมู่พวกท่านจะเป็นผู้ที่ใกล้ชิดฉันมากที่สุด และท่านจะเป็นผู้ที่ประพฤติดีไม่ได้ หากท่านไม่มีความรัก” (อิหม่ามฆ่อซาลี)

 ดังนั้น ทำความดีต่อผู้อื่นไม่ใช่เพื่อตัวเอง (คือ รักโดยไม่ได้หวังผลตอบแทน) แต่หวังความโปรดปรานจากอัลลอฮ (ซ.บ.) เท่านั้น

 “อย่าโกรธกันและกัน อย่าอิจฉาริษยากันและกัน และอย่าผินหลังให้กันและกัน จงเป็นบ่าวที่ดีของอัลลอฮ (ซ.บ.)”

 “พี่น้องมุสลิมเปรียบเหมือนสองแขนที่คอยปัดสิ่งสกปรกให้แก่กันและกัน (อิหม่ามฆ่อซาลี)

4) ความรักในสรรพสิ่งที่สรรค์สร้างจากอัลลอฮ (ซ.บ.)

ภาพจาก(http://www.interaction.org/images/campaign/photo_contest_2005/Children-at-School_w.gif )

تُسَبِّحُ لَهُ السَّمَاوَاتُ السَّبْعُ وَالْأَرْضُ وَمَن فِيهِنَّ ۚ وَإِن مِّن شَيْءٍ إِلَّا يُسَبِّحُ بِحَمْدِهِ وَلَـٰكِن لَّا تَفْقَهُونَ تَسْبِيحَهُمْ ۗ إِنَّهُ كَانَ حَلِيمًا غَفُورًا

(17: 44)


 “ชั้นฟ้าทั้งเจ็ดและแผ่นดินและที่อยู่ในนั้น สดุดีสรรเสริญพระองค์ และไม่มีสิ่งใดเว้นแต่จะสดุดีด้วยการสรรเสริญพระองค์ แต่ว่าพวกเจ้าไม่เข้าใจในคำสดุดีของพวกเขา แท้จริง พระองค์เป็นผู้ทรงหนักแน่น ผู้ทรงอภัยเสมอ”

أَلَمْ تَرَ أَنَّ اللَّهَ يُسَبِّحُ لَهُ مَن فِي السَّمَاوَاتِ وَالْأَرْضِ وَالطَّيْرُ صَافَّاتٍ ۖ كُلٌّ قَدْ عَلِمَ صَلَاتَهُ وَتَسْبِيحَهُ ۗ وَاللَّهُ عَلِيمٌ بِمَا يَفْعَلُونَ

(24: 41)


เจ้ามิเห็นดอกหรือว่า แท้จริง อัลลอฮนั้น ผู้ที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน และนกที่กางปีกอยู่ ต่างก็แซ่ซ้องสดุดีพระองค์ ทั้งหมดนั้นต่างก็รู้การสวดขอพรของเขาการแซ่ซ้องสดุดีของเขา และอัลลอฮทรงรอบรู้ในสิ่งที่พวกเขากระทำ

وَالنَّجْمُ وَالشَّجَرُ يَسْجُدَانِ

(55: 6)


 และผักหญ้า และต้นไม้จะกราบสุญุด

ภาพจาก (http://img81.imageshack.us/img81/2873/te2epn04505102cl1.jpg)


ขอจบด้วยอัล-กุรอ่าน ซูเราฮ์ อัล-บาก่อเราะฮ์ : 152
 فَاذْكُرُونِي أَذْكُرْكُمْ وَاشْكُرُوا لِي وَلَا تَكْفُرُونِ

ดังนั้น พวกเจ้าจงรำลึกถึงข้าเถิด ข้าก็จะรำลึกถึงพวกเจ้า และจงขอบคุณข้าเถิด และอย่าเนรคุณต่อข้าเลย


ขออัลลอฮ (ซ.บ.) ประทานพรให้แก่พี่น้องมุสลิมทุกคนทั้งที่อยู่ ณ ที่นี้ และที่ไม่ได้มา ขอพระองค์เติมเต็มหัวใจของพวกเราทุกคนด้วยความรัก ขอพระองค์ทรงประทาน และขอพระองค์ประทานพรแด่ท่านร่อซู้ล (ศ.ล.) และวงศ์วารของท่าน เหล่าศ่อฮษบะฮ์ และประชาชาติของท่าน ......อามีน

والسلام عليكم ورحمة الله وبركاته

จากงานนำเสนอการบรรยาย ณ มัสยิดอัต-ตักวา เชียงใหม่ ๑๓/๒/๕๒
โดย  ผ.ศ.ดร. สุชาติ  เศรษฐมาลินี

นำเสนอโดย  นายชุมพล  ศรีสมบัติ

 

หมายเลขบันทึก: 241980เขียนเมื่อ 13 กุมภาพันธ์ 2009 23:33 น. ()แก้ไขเมื่อ 3 มิถุนายน 2012 03:04 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท