คนบ้าไล่ไปไหนก็ไม่พ้น "บ้านของเรา..."


 

อื่ม วัดหลายวัดก็มีกรณีเช่นนี้ เห็นด้วยตัวเองด้วยก็มี

การจัดการก็คงต้องทำกันไป แต่เบื้องต้น ก็คงจะต้องทำแบบท่านพระอาจารย์สอนจริง

งี้ให้มองด้านดีว่า คนบ้า มามอบโอกาสให้เราได้แจกจ่ายเมตตา แบ่งปันที่กินที่นอนให้เขาด้วยเต็มใจ เช่นกัน คือเบื้องต้นให้เรามีเมตตาในหัวใจไว้ก่อน ก็จริงหมาแมวบางทีก็เจอที่พึ่งที่วัด นี่คนหนีมาพึ่งก็ให้เขากินดีดี พูดกับเขาดีดี ให้เขานอนพักดีดี ในฐานะเป็นเพื่อนร่วมโลกด้วยคนหนึ่ง

ส่วนการจัดการ ก็เป็นขั้นต่อไป

แต่ไม่ว่าจะจัดการอย่างไร ก็ให้ทำด้วยหัวใจที่มีเมตตา

ขอให้ความเมตตาที่คนในวัดมีต่อเขา ทำให้เกิดความสงบเย็นลงระดับหนึ่ง

ขอให้คนที่เหมือนบ้าคนนั้นได้รับการรักษา ในสถานที่ที่เหมาะควรต่อไปนะ

 (ที่มาจากบันทึก มอบสิ่งดี ๆ เมื่อมี “คนบ้า...” )


 

ถ้าไม่มีคนบ้า เราก็ไม่มีโอกาสได้สร้าง "บารมี"
ถ้าไม่มีคนบ้าในวันนั้น เราก็ไม่มีโอกาสได้รับคำสอนที่ล้ำค่าจากท่านพระอาจารย์ในวันนี้

การปล่อยโอกาสที่ดีโดยการผลักภาระไปให้ผู้อื่น สังคมนี้มีกันมากแล้ว เราอย่าไปทำแบบคนอื่นเขาเลย

สังคมนี้ มีคนบ้า คนเป็นโรคประสาท ก็เพราะว่าคน ๆ นั้นใคร ๆ ก็ไม่รัก ใคร ๆ ก็ไม่เอา เจอหน้าก็ด่า เห็นหน้าก็ไล่ ไม่มีใครคิดที่จะเข้าใจ
วันนี้จึงมีคนบ้าเต็มบ้านเต็มเมือง

จะว่าบ้านเราคือที่ดินที่เราอยู่ สถานที่ที่ทำงานแค่นั้นก็ไม่ถูกต้อง

บ้านเราคือสังคมเรา บ้านเราคือประเทศของเรา บ้านเราก็คือโลกของเรา

ไม่มีใครสามารถไล่ใครไปพ้นจากบ้านของเราได้ สุดท้ายก็ต้องย้อนกลับมาสู่ "บ้านของเรา"

หมายเลขบันทึก: 241641เขียนเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2009 17:07 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 20:17 น. ()สัญญาอนุญาต: ไม่สงวนสิทธิ์ใดๆจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

สวัสดีค่ะ

มุมมองของคนเราแตกต่างกันค่ะ

ถ้ามองว่าเป็นมนุษย์ ยอมรับได้และเข้าใจ

ความเข้าใจเท่านั้นที่จะยอมรับได้

ขอบคุณค่ะเรื่องราวที่ทำให้ขบคิด

อื่ม ! ท่านกล่าวถูก นี้เป้นโอกาสในการสร้างบารมี

ขอให้ความรัก ความเมตตา เกิดในใจคนไทย และคนทุกๆคน

..........

ใช่ แม้ไม่ใช่คนบ้า แม้แต่ในวงการการแพทย์ ก็มีกลุ่มงานการให้คำปรึกษา ไม่ต้องถึงกับคนบ้า แค่ป่วยหรือกลุ้มใจ มีคำกล่าวว่า client จะไม่สามารถมองทางแก้ปัญหา แม้แต่ปัญหา เพราะขณะนั้นอยุ่ในภาวะกระดานหก อารมณ์ขุ่นมัวจะบดบังปัญญา ของตนเอง

คนให้คำปรึกษามิได้มีหน้าที่หาทางหรือชี้ทางแก้ปัญหาเขา

เพราะคนเราย่อมต้องเลือกหนทางตัวเอง

เราฐานะคนให้คำปรึกษา มีหน้าที่ที่จะช่วยปรับภาวะกระดานหกอันนั้นให้เขาสมดุลย์ อาจโดยการฟัง! การคุยเป็นเพื่อน! ชี้เหตุและผล! ฯลฯ เพื่อเพิ่มทางเลือก เพื่อให้เขาเห้นทางแก้ปัญหาเขาเอง (ซึ่งการนี้ข้าพเจ้ามองจากผุ้ที่ทำงานในแวดวงว่า คุณสมบัติเด่นที่มีมากของผู้ให้คำปรึกษาคือ "ความเมตตา" มิใช่ความรู้หรือเป็นคนเรียนเก่งมาแต่อย่างใด)

เพราะเมื่อใกล้ก็สัมผัสได้ว่า คนป่วยมีมากกว่าหมอ คือมีเพื่อน และได้รับการปฎิบัติเฉกเช่นเพื่อนร่วมโลกคนหนึ่ง

.........

ส่วนคนบ้า(ไปแล้วนี้) คนนี้ (หรือคนอื่นๆที่อื่น)จะได้รับการจัดการ ต่อไปอย่างไร ก็มั่นใจว่าเธอจะได้รับการปฎิบัติด้วยความเมตตาจากคนที่นั่น เฉกเช่นเพื่อนมนุษย์คนหนึ่ง และหวังว่าพลังแห่งความเย็นเหล่านี้จะทำให้เธอสงบลงได้บ้าง และหวังว่าเธอจะได้รับการรักษาดุแลที่ถูกต้องจากหน่วยงานต่อไป เพราะคงเกินความรับผิดชอบ ความสามารถวัดที่จะรองรับเยียวยาได้

ขอบคุณท่านที่ได้เขียนเรื่องให้ได้ขบคิดเช่นกัน

คิดไปคิดมาก้คงไม่ต่างกับที่ท่าน ได้มีเมตตาเขียนบทความดีดี

แบ่งปันให้เราได้อ่านกัน

ตัวหนังสือบทความที่ท่านเชียน ก็เป็นเหมือนเพื่อน

สำหรับคนโลกๆ ให้ได้ทบทวน ขบคิดได้ อ่านก่อนนอนในแต่ละวัน

หลังจากที่ไปผจญ โลก มาทั้งวัน บางทีก็ใกล้ หรือไม่รู้ว่าบ้าไปกับกิเลสเหมือนกัน

นับว่าเป็นเมตตาของท่าน แล้วอย่างหนึ่ง

ซึ่งต้องขอบพระคุณอย่างสูง

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท